สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้จากงาน People Management Summit : Talent Focus 2024 วันที่ 2

สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้จากงาน People Management Summit : Talent Focus 2024 วันที่ 2

จัดขึ้นเป็นวันที่ 2 แล้วกับงาน “People Management Summit ครั้งที่ 1 : Talent Focus” เมื่อวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2023 ที่ผ่านมา งานนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อร่วมสร้างเครือข่ายการบริหารทรัพยากรมนุษย์ จากผู้นำตัวจริงที่มีประสบการณ์เชิงลึกในการบริหารพนักงานในองค์กร

งานเสวนานี้จะช่วยให้คุณมีข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างองค์กรของคุณให้เป็น “Talent Organization” เหมาะสำหรับผู้บริหาร เจ้าของกิจการ นักบริหารทุกสายงาน ตลอดจนพนักงานที่มุ่งพัฒนาตนเองให้เป็น “Talent” หรือพนักงานมากความสามารถ ที่องค์กรจะขาดไม่ได้

HREX เข้าร่วมงานเสวนาในวันที่ 2 ด้วย จึงขออนุญาตสรุปสิ่งที่ HR ตลอดจนผู้นำควรรู้และนำไปปรับใช้ในองค์กรในบทความนี้

People Management Summit #1 อยากสร้างองค์กรให้เป็น Talent Organization ต้องตอบคำถาม 13 ข้อให้ได้

สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้จากงาน People Management Summit : Talent Focus 2024 วันที่ 2

สำหรับ Session แรกของวัน เป็นเสวนาในหัวข้อ Creating Talent Organization โดย ดร.บวรนันท์ ทองกัลยา ประธาน People Management Group 

ดร.บวรนันท์ ชวนคิดว่า Talent คืออะไร ? Talent คือพนักงานที่มากความสามารถ แต่ไม่ใช่พนักงานทุกคนจะเกิดมาแล้วเก่งเลย พนักงานที่เป็น Talent จะต้องทำอะไรที่แตกต่าง และความเก่งของมนุษย์แต่ละคนมาจากแรงปรารถนา (Passion) ที่แตกต่างกัน ต่อให้อยู่ในองค์กรที่มีระบบนิเวศที่ดี มีสิ่งที่สนับสนุนให้ทำงานอย่างประสบความสำเร็จหลายประการ แต่จะไม่มีประโยชน์เลย หากพนักงานคนนั้นไม่มี Passion ไม่แสวงหาโอกาส 

การทำงานในองค์กรที่ดี คนธรรมดาจะเปลี่ยนเป็น Talent ที่เก่งขึ้นได้ ถ้าเจองานยาก ๆ ท้าทายความสามารถ ได้แสดงศักยภาพที่สามารถพัฒนาและก้าวต่อไปได้ในอนาคต

อย่าลืมว่า องค์กรกับคนไม่ต่างกัน คนอยากอยู่ในองค์กรที่ทำให้ตัวเองมีคุณค่า และอยากทำงานร่วมกับผู้อื่นที่ทำให้ตัวเขาเองมีคุณค่าเสมอ เมื่อไหร่วันที่ออกจากองค์กร เก่งเพิ่มแบบ 10x นั่นคือความสำเร็จของการทำให้เกิด Talent Organization อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ มี 13 ข้อที่องค์กรต้องตอบให้ได้ว่ามีไหม

  1. องค์กรมีเป้าหมายชัดเจน ทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าในองค์กรหรือไม่
  2. องค์กรเรามีกลยุทธ์การบริหาร Talent ชัดเจน ตอบโจทย์หรือไม่
  3. องค์กรมีแนวทางพัฒนาคนที่ชัดเจนหรือไม่
  4. ผู้บริหารสูงสุด เป็น People leader ที่ช่วยสร้าง Talent อยู่ด้วยแล้วเก่งขึ้นตลอดเวลาหรือไม่
  5. ค่านิยมของคนทำงานในองค์กร ใฝ่รู้ กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ตลอดเวลาหรือไม่
  6. องค์กรสนับสนุนการเรียนรู้ของคนทำงานอย่างต่อเนื่อง เป็นรูปธรรมหรือไม่
  7. จะสร้าง Employer Brand เพื่อดึงดูดคนเก่งจากการปฏิบัติจริงได้อย่างไร
  8. องค์กรให้ความสำคัญกับการสร้างความผูกพันของพนักงานต่อองค์กรหรือไม่
  9. องค์กรมีระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานที่โปร่งใส คนทำงานเห็นความก้าวหน้าในการทำงานอย่างต่อเนื่องหรือไม่
  10. องค์กรมีวิธีการทำงานที่คล่องตัวยืดหยุ่น ไม่เป็นระบบราชการ มุ่งเน้นแก้ปัญหา ทำงานเป็นทีมได้ดีหรือไม่
  11. องค์กรเปิดรับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ ๆ จากพนักงานและทีมงานหรือไม่
  12. องค์กรมีแนวทางที่ทำให้ให้พนักงานเห็นความก้าวหน้าในการทำงานในสายอาชีพในองค์กรหรือไม่
  13. คนทำงานในองค์กรที่รู้สึกตลอดเวลาว่า ตัวเองเก่งขึ้นจากการทำงานที่นี่หรือไม่

และถ้าตอบคำถามเหล่านี้ได้แล้ว มั่นใจว่าเส้นทางการความสำเร็จจะอยู่ไม่ไกลจากองค์กรแล้ว

People Management Summit #2 อยากให้องค์กรเดินหน้า ต้องตามหา Branding ที่ใช่

Creating Talent Organization ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ระหว่างเสวนา ได้เชิญ ผศ.ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ อดีตวิศวกรนาซ่า และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตัวเองขึ้นมาร่วมเสวนาด้วย

ผศ.ดร.วรภัทร์ เริ่มจากการชูประเด็นว่า ปัจจุบันการทำ Organization Branding เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการเผยแพร่ โฆษณาแบรนด์ของตัวองค์กรเอง จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ Talent อยากเข้ามาร่วมงานด้วย การมีคนเก่งกว่าเยอะ ๆ มาอยู่ในองค์กรเดียวกัน ย่อมดีกว่าการอยู่ในองค์กรที่มีคนไม่เก่ง 

ดังนั้น ต้องรู้ว่าจะขายแบรนดิ้งองค์กรอย่างไร นำเสนอวัฒนธรรมองค์กรอย่างไร ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของ HR สมัยใหม่ที่จะต้องขายให้คนซื้อ ต้องเข้าไปถึงจิตวิญญาณ

ทั้งนี้ สิ่งที่หลายองค์กรเริ่มต้นแบบผิด ๆ ก็คือการบอกว่า องค์กรเราต้องการ Talent การบอกแบบนี้อาจกระตุ้นให้คนอยากเข้ามาร่วมงาน แต่ก็จะทำให้คนที่อยู่ในองค์กรอยู่แล้วเกิดความน้อยใจ และสงสัยว่า แล้วเราเองไม่ใช่ Talent เหรอ ?

HR สมัยใหม่จึงต้องเข้าใจศาสตร์ด้านจิตวิทยา สมัยใหม่ จึงจะสามารถเข้าอกเข้าใจคนในองค์กรทุกฝ่าย แล้วทำให้แต่ละคนสามารถใช้ศักยภาพที่มีอย่างถึงที่สุด 

อีกสิ่งที่ ผศ.ดร.วรภัทร์ นำมาแชร์ต่อก็คือประสบการณ์เมื่อทำงานที่องค์กรนาซ่า ถึงแม้นาซ่ายุคก่อนกับยุคนี้ไม่เหมือนกันแล้ว แต่ก็ยังมีหลายบทเรียนที่นำมาปรับใช้ได้

เช่น เมื่อก่อนนาซ่าจะคัดคนที่มีทักษะที่ต้องการก่อน นาซ่าจะมีสเปคมาตั้งแต่แรกว่าต้องการคนแบบไหน แต่เหนืออื่นใด จะต้องเป็นคนที่สร้างพลังบวกให้กับองค์กร

ความหมายของพลังบวกในที่นี้ อาจเริ่มต้นที่การเป็นคนช่างพูดช่างจา ไม่นิ่งเงียบเฉย ถึงแม้บางคนอาจจะพูดไปเรื่อย แต่การพูดเยอะ ๆ นั้นจะทำให้เพื่อนร่วมงานอ่านออกง่ายกว่าคนที่ไม่ค่อยพูด และการที่คนพูดชื่นชมกันและกันบ่อย ๆ ย่อมดีกว่าคนที่พูดจาตรง ๆ แต่หวังดี เพราะคนพูดตรงมักจะชอบทำร้ายคนในจังหวะที่ไม่ควรพูด โดยไม่ตั้งใจ 

ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ปากหวานไว้ก่อน อย่าหวงความหวาน แล้วจะทำให้การทำงานเป็นทีมเกิดความราบรื่น

People Management Summit #3 Talent ไม่ขออะไรมากมาย ขอแค่ความท้าทายที่ได้ติดอาวุธเพิ่มคุณค่า

สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้จากงาน People Management Summit : Talent Focus 2024 วันที่ 2

สำหรับหัวข้อถัดไปว่าด้วยเรื่อง Identify Talent & Strategic Reward โดยคุณเมธา ประภาวกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบุคคลกลาง SCG 

คุณเมธา ปูพื้นว่าปัจจุบัน มี 3 สิ่งที่ทุกคนไม่ว่าจะทำงานวิชาชีพไหนจะต้องเข้าใจและตระหนัก มิฉะนั้นจะประสบความสำเร็จได้ยาก

  • 1.Business Acumen ทุกคนจะต้องเข้าใจธุรกิจที่ทำอยู่ ทั้งบริษัทตัวเองและคู่แข่ง รู้ว่าจุดเด่นสำคัญของธุรกิจเราอยู่ที่ตรงไหน  
  • 2.Financial ต้องเข้าใจการเงิน รู้สถานการณ์การเงินขององค์กร Revenue เท่าไหร่ มี Fixed Cost แค่ไหน กำไรมากเพียงใด 
  • 3.Leadership รู้เรื่องคน บริหารคนได้ สื่อสารกับคนชัดเจน ต้องเข้าใจคน เข้าใจความต้องการของพนักงาน  

สาเหตุที่ต้องเข้าใจทั้ง 3 เรื่องนี้ เพราะโลกนี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การหมั่นทำความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงเสมอ จะช่วยให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ง่ายต่อการแก้ปัญหา แล้วเป็นการบ่งบอกว่า เราพร้อมจะปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ภาคภูมิใจว่าวันนี้องค์กรของเราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องแก้ไขอะไรเพิ่ม เพราะทันทีที่คิดเช่นนั้น องค์กรจะถอยหลัง และจะถูกคู่แข่งแซงทันที

เรื่องต่อมาที่องค์กรต้องระวังก็คือ วิกฤติจะเกิดเร็วขึ้น บ่อยขึ้น แตกต่างจากเมื่อก่อนที่กว่าจะเกิดวิกฤติแต่ละครั้งต้องรอนาน เมื่อผ่านไปได้ธุรกิจก็จะเดินหน้าไปได้ไกล อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดเป็นต้นมา กลับเกิดวิกฤติระลอกใหม่อยู่เรื่อย ๆ ในระยะเวลาแค่ 2-3 ปี

ที่สำคัญ แต่ละวิกฤติจะกินเวลานานขึ้น บางครั้งยังไม่จบวิกฤติเก่า วิกฤติใหม่ก็มาถึงอีกแล้ว

แต่ทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ และโอกาสจะเกิดขึ้นได้ คำสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจก็คือ “คน” ที่จะทำให้องค์กรไปรอดได้ ถึงเวลาพิจารณาองค์กรของเราแล้วว่า เตรียมความพร้อมคนให้พร้อมเดินไปข้างหน้าได้อย่างไรในยุคที่เหตุการณ์ความผันผวน ไม่คาดฝันเกิดขึ้นบ่อย และองค์กรที่เตรียมความพร้อมอย่างดีจะยิ่งได้เปรียบองค์กรที่ไม่พร้อม

การทำให้พนักงานในองค์กรเป็น Talent มีอีกสิ่งที่ต้องคำนึงก็คือ คนเก่งย่อมมีหลากหลายรูปแบบ ต้องมีวิธี มีระบบที่แตกต่างกันไปในการผลักดันให้ Talent แต่ละคนให้เติบโตและพัฒนา 

Talent เองสามารถมีวันที่ถดถอยได้ด้วย ดังนั้นต้องคอยจับตาดูเขาเสมอ ถ้าพบว่าเขาเริ่มทำงานไม่เป็นไปตามเป้า อย่าปล่อยเขาเผชิญปัญหาดังกล่าวไว้นาน แต่ต้องรีบช่วยให้เขาสามารถกลับมามี Performance ที่ดี

สิ่งสำคัญของกลยุทธ์การบริหาร Talent ไม่ใช่การทุ่มเงินให้กับ Talent แต่เป็นการมอบงานที่ท้าทายความสามารถอยู่บ่อย ๆ เพราะสิ่งที่จะวัดได้ว่าใครคือพนักงานมากความสามารถหรือไม่ อยู่ที่การได้งานที่ท้าทายความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อพนักงานรู้สึกเก่งขึ้น ได้ติดอาวุธมากขึ้น เขาก็จะรู้สึกมีค่ามากขึ้นต่อตัวเองและองค์กร และค่อยเป็นจุดที่เงิน รวมถึงเส้นทางการเติบโตในอาชีพค่อยตามมาอีกที ค่อยตามมา และเติบโตทีหลัง

ประเมิน Talent ให้เป็น Elevate Performance

สำหรับ Session ที่ 3 ของงาน People Management Summit ครั้งที่ 1 วันที่ 2 ว่าด้วยเรื่อง Elevate Performance กรณีศึกษาและเครื่องมือในการบริหารผลงาน Talent ให้ขับเคลื่อนองค์กร

โดยมีวิทยากร 3 ท่านแบ่งเนื้อหาอธิบายเรื่องราวที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

ระบบประเมิน Talent ที่ดีที่สุด คือระบบที่หัวหน้าและพนักงานร่วมกันวางเกณฑ์

สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้จากงาน People Management Summit : Talent Focus 2024 วันที่ 2

เนื้อหาส่วนแรก ได้ ดร.ชาติชาย จาดตานิม Managing Director & Senior Consulting, CJ HR Consulting อธิบายว่า ระบบการประเมินพนักงานที่ดีที่สุด คือการที่หัวหน้าและลูกน้องได้พูดคุยกัน ตกลงกันเรื่องเกณฑ์การประเมินว่าควรเป็นอย่างไร และควรวัดอะไรจึงจะเหมาะสมที่สุด

โดยระบบประเมิน ควรต้องอิงกับผลประกอบการขององค์กร และมีความโปร่งใส เป็นธรรม ทำให้พนักงานอยากทำงานขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กร โดยมี 3 กระบวนการหลักดังนี้

  1. การวางแผนการประเมิน ดูว่าจะใช้วิธีไหน เช่น จะใช้ OKR หรือ KPI จึงจะเหมาะสมที่สุด
  2. การโค้ชชิ่งและรับฟีดแบ็ค หัวหน้าต้องคอยโค้ชชิ่งเสมอ เพื่อติดตามผลว่างานที่ได้รับมอบหมายจะไปถึงเป้าหมายได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้จะทำอย่างไร จากนั้นก็ต้องรับฟีดแบ็คกลับมาด้วยว่า วิธีการโค้ชเหมาะสมแล้วรึยัง มีอะไรที่หัวหน้าเองต้องปรับปรุงระหว่างทางด้วยหรือไม่
  3. การรีวิว ประเมิน และการให้รางวัล เมื่อการประเมินที่ใช้มีความแตกต่างกันไป ต้องจับตาดูว่าผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นไปตามความคาดหวังไหม การประเมินเป็นการอิงเกณฑ์ หรืออิงกลุ่ม และถ้าผลออกมาตามเป้า อย่าลืมให้รางวัลแก่พนักงานด้วย

ดูแล Talent ในองค์กร ให้เหมือนดูแลสวนต้นไม้

สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้จากงาน People Management Summit : Talent Focus 2024 วันที่ 2

วิทยากรคนที่ 2 ได้คุณฌานิสา แซ่โง้ว หรือโค้ชหยก ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์กร มาบรรยายว่า ทำไมเราต้องให้ฟีดแบ็คและโค้ชชิ่ง

หากเปรียบองค์กรของเราเปรียบเหมือนสวนต้นไม้ และคนในองค์กรก็คือต้นไม้ แต่ต้นไม้จะเติบโตได้ นอกจากการได้ปุ๋ยที่ดี ยังอยู่ที่คุณภาพของดินด้วย ที่เปรียบเสมือนคุณภาพของความสัมพันธ์ระหว่างคนในทีม ถ้าจะเร่งเอาดอกผลเร็ว ๆ จนขาดการดูแลคุณภาพดิน สุดท้ายต้นไม้จะเหี่ยวเฉาและตายไป

ทั้งนี้ หัวหน้าคือคนสวนที่มีหน้าที่ดูแลต้นไม้ การดูแลต้นไม้ก็เหมือนการดูแลคน ต้องรู้จักบาลานซ์สิ่งต่าง ๆ ให้สมดุล หมั่นให้น้ำ ให้ปุ๋ย ดูแลคุณภาพดิน กำจัดวัชพืช เพื่อให้ต้นไม้เติบโตได้อย่างงดงาม ทำให้พนักงานกลายเป็น Talent ที่แข็งแกร่งช่วยขับเคลื่อนองค์กร

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะทำให้ Talent เติบโตได้ คือการให้คำชื่นชม เปรียบเหมือนการให้ของขวัญ ซึ่งสามารถให้ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งชื่นชมผลงาน ชื่นชมพัฒนาการ ศักยภาพ ความตั้งใจ ไปจนถึงชื่นชมที่สามารถเผชิญงานที่ยากและฝ่าฟันทุกอุปสรรคไปได้

อยากให้ Talent ผูกพันกับองค์กร ต้อง Say, Stay, Strive

สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้จากงาน People Management Summit : Talent Focus 2024 วันที่ 2

ท้ายที่สุด คุณสัณหจุฑา รัตรสาร FVP & Manager Talent Management & Recruitment Department ธนาคารกรุงไทย มาบรรยายว่า การจะจูงใจให้พนักงานมี Performance ที่ดี เราต้องเข้าใจพนักงาน เข้าใจ Talent ก่อนว่าเขาเป็นคนอย่างไร มีแรงบันดาลใจอย่างไร ชื่นชอบอะไร เพื่อที่จะได้กระตุกต่อมของเขาถูกจุด และช่วยให้เขาทำผลงานได้ดีตามมา

คีย์เวิร์ดที่สำคัญของการสร้างความผูกพันในองค์กร เกี่ยวโยงกับคำว่า Say, Stay & Strive

  • Say ถ้าองค์กรทำให้พนักงานเกิดความผูกพัน ถ้าทำให้พนักงานมีความสุข พนักงานก็จะ บอกต่อเรื่องราวดี ๆ ให้กับเพื่อน ให้กับคนนอกองค์กร และจะเป็นการดึงดูด Talent จากภายนอกให้เข้ามาช่วยเติมเต็มองค์กรด้วย
  • Stay พนักงานที่มีความผูกพันกับองค์กร มีแนวโน้มที่จะอยู่กับองค์กรในระยะเวลาที่นานขึ้น
  • Strive ถ้าเราเข้าใจว่าคนในองค์กรเป็นคนแบบไหน ก็จะรู้ว่าคนนั้นมีวิธีการทำงานแบบไหน ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และจะนำไปสู่วิธีการที่เหมาะสมที่จะช่วยให้แต่ละคนทำงานออกมาได้ดี เข้าเป้า

ถ้า HR หัวหน้า และองค์กรเข้าใจสิ่งที่ขับเคลื่อนให้เกิดแรงผลักดันในตัวแต่ละคน จะออกแบบเทคนิค ออกแบบกลยุทธ์ที่เข้ากับสไตล์ของคนในองค์กร จะทำให้พนักงาน Say, Stay & Strive และเกิด Sense of Ownership หรือความภาคภูมิในผลงานตามมา

สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้จากงาน People Management Summit : Talent Focus 2024 วันที่ 1

ผู้เขียน

Paranaphat Anui

Paranaphat Anui

Take Off Toward a Dream

บทความที่เกี่ยวข้อง