HIGHLIGHT
|
“ผู้นำยุคใหม่ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แต่สามารถสร้างผู้นำรอบตัวให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิผลสูงสุด”
คำกล่าวนี้คงไม่เกินจริงไปนัก เพราะโลกการทำงานในปัจจุบันเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน องค์กรที่อยู่รอดคือองค์กรที่ไม่ได้หวังพึ่งพาผู้นำงเพียงไม่กี่คน แต่เป็นองค์กรที่พร้อมสร้างคนรุ่นใหม่ให้ก้าวขึ้นมาขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต เพราะแนวทางนี้จะทำให้เราปรับตัวได้รวดเร็ว สามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการสร้างรากฐานตรงนี้ถือเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ไม่สามารถมองข้ามได้อีกแล้ว
ดังนั้น HREX.asia จึงได้ร่วมมือกับ Learning Hub จัด Webinar ครั้งสำคัญเพื่อหาคำตอบว่าเราจะเปลี่ยนผู้บริหารทั่วไป ให้กลายเป็นผู้นำที่สามารถสร้างผู้นำรุ่นใหม่ขึ้นมาได้อย่างไร จะช่วยปรับมุมมอง (Create Mindset), สร้างแรงบันดาลใจ (Create Motivation) และดึงศักยภาพ ของพนักงานด้วยวิธีไหน เพื่อให้แน่ใจว่าบุคลากรทุกคนจะประสานงานกันได้อย่างไร้รอยต่อ โดยมีเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือทางจิตวิทยาเป็นองค์ประกอบสำคัญ
เสวนานี้นำโดยอ.เรือรบ จิณณ์ณัฎฐ์ พรหมนุรักษ์ CEO จาก Learning Hub Thailand ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาภาวะผู้นำ และผู้พัฒนากระบวนการ “ไดอะล็อก” เพื่อนำมาแก้ปัญหาการสื่อสารและส่งเสริมการทำงานเป็นทีม ซึ่งผู้ฟังเสวนานี้จะได้รู้ว่า HR มีบทบาทอย่างไรในการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ และควรบริหารคนเก่งที่ไม่สามารถเป็นผู้นำให้มีประสิทธิภาพขึ้นได้อย่างไร ? ดำเนินรายการโดย คุณสหธร เพชรวิโรจน์ชัย Manager of HREX.asia
สรุปเสวนา Leadership in Digital Era by Learning Hub
คุณเรือรบกล่าวว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ลักษณะของผู้นำที่แต่ละองค์กรต้องการก็ต้องพัฒนากันตามไปด้วย มิฉะนั้นองค์กรก็จะสูญเสียอำนาจทางการแข่งขัน (Competitive Advantage) ไปอย่างน่าเสียดาย ในที่นี้เขากล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดนอกจากเรื่องของวิสัยทัศน์, เทคโนโลยีที่ทันสมัย, เงินลงทุน ก็คือเรื่องของ Teamwork โดยอ้างถึง “เรื่องราวของฝูงแกะ” มีรายละเอียดดังนี้
ผู้นำยุคก่อนเปรียบดั่ง “แกะตัวหน้า” เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ เก่ง ฉลาด มีความสามารถ องค์กรในยุคนี้จึงสามารถโตได้เท่ากับความสามารถของผู้นำ
แต่ผู้นำยุคใหม่จะมีลักษณะของ “หมาเฝ้าแกะ” คือต้องมีความสามารถในการดึงดูดคนเก่ง หล่อเลี้ยงคนเก่ง พัฒนาคนให้เก่งขึ้น ต้องวิ่งให้ไกลและไปในทิศทางที่ต้องการ ผลลัพธ์ที่ได้คือองค์กรจะโตได้เท่าความสามารถของทีม
ขณะเดียวกัน เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและคาดเดาได้ยาก องค์กรจึงต้องการผู้นำที่มีคุณลักษณะของการหล่อเลี้ยงภาพรวม โดยต้องให้ความสำคัญกับเรื่องดังต่อไปนี้
- มีความเป็นเจ้าของ (Ownership) : รับผิดชอบสูง รู้จักวางแผนในการคิดเพื่อผลักดันสิ่งที่ทำให้อยู่ให้ก้าวไปข้างหน้า
- รักในงานและองค์กร : ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
- มีประสิทธิผลสูง : มุ่งทำงานเพื่อเน้นผลลัพธ์ ปรับตัวได้เร็ว และกล้าตัดสินใจ
- เป็นผู้หล่อเลี้ยง : สามารถสร้างทีม, พัฒนาทีม และปลุกพลังทีมได้
ดังนั้นการสร้างผู้นำในยุคดิจิทัลจึงต้องมีกระบวนการที่ต่างจากเดิม คุณเรือรบแนะนำว่าองค์กรควรปรับใช้เรื่อง New Leadership Model:4P มีรายละเอียดดังนี้
- Purpose : มีจุดมุ่งหมายในงานที่ชัดเจน สอดคล้องกับค่านิยมภายในของตน แนวคิดนี้จะทำให้การทำงานทุกวันมีความหมาย และยิ่งแน่วแน่กับแทวทางนี้ก็จะยิ่งดึงดูดคนที่คิดเหมือนกันเข้ามา เคล็ดลับก็คือเราต้องตั้งเป้าหมายที่มีพลัง ไม่ได้ทำแค่เพื่อตัวเอง แต่มีเป้าหมายที่ไกลกว่านั้น ไม่ต้องไปไกลถึงเปลี่ยนโลก แต่ต้องทำให้ชีวิตของผู้อื่นดีขึ้น เมื่อเป้าหมายมีพลังมากขึ้น เราก็จะขับเคลื่อนคนอื่น โน้มน้าวคนอื่นได้มากขึ้น
- Partnership : ผู้นำยุคนี้ต้องหล่อเลี้ยงคนรอบตัวในฐานะพาร์ทเนอร์ชีวิต สามารถบริหารครอบครัว, ทีมงาน, ลูกค้า และผู้ที่อยู่ในวงกลมรอบตัวได้ เคล็ดลับก็คือผู้นำต้องรู้จักรับฟังเพื่อรับรู้ว่าเขามีปัญหาอะไร, มีความต้องการอย่างไร, มีเป้าหมายอย่างไร และเรามีหน้าที่ช่วยส่งเสริมให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง
- Planet : ผู้นำต้องสร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าต่อสังคมอย่างยั่งยืน (ESG & Sustainability) เพราะจะทำให้คนรุ่นใหม่สนับสนุน อนึ่งองค์กรต้องทำเรื่องนี้เป็นประจำ ไม่ใช่จำกัดเพียงครั้งคราวเท่านั้น
- Prosperity : เมื่อธุรกิจเติบโตและมีกำไร ทุกภาคส่วนก็จะเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน นั่นคือเราต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่น ที่สำคัญคือต้องแน่ใจว่าจะไม่มีชีวิตใครแย่ลงเพราะธุรกิจของเรา โดยคุณเรือรบแนะนำว่าหากเรามองความสุขของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นรากฐานหลัก เราก็จะรู้เองว่าควรปรับธุรกิจให้ดีขึ้นอย่างไร
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เราสามารถสรุปทัศนคติ (Mindset) ของผู้นำยุคใหม่ว่าเขาต้องมี 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่การมีเป้าหมายชีวิตชัดเจน, รับผิดชอบในผลลัพธ์จนประสบความสำเร็จ โดยต้องลงมือทำล่วงหน้า, สามารถวางระบบงานเพื่อป้องกันปัญหา ไม่รอให้เกิดปัญหาก่อนแล้วค่อยแก้แบบวัวหายล้อมคอก และสำคัญที่สุดคือเขาต้องรู้สึกผูกพัน (Belonging) เป็นส่วนหนึ่งของทีมและองค์กร
ในบริบทนี้ เป้าหมาย (Purpose) สำคัญที่สุด เพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เกิดเรื่องของ Proactive และ Belonging ตามมา เมื่อได้แก่นชององค์กรเรียบร้อยแล้ว กระบวนการสรรหาและพัฒนาผู้นำยุคดิจิทัลที่เกิดขึ้น ก็จะเลือกแค่จากเรซูเม่ หรือประสบการณที่ผ่านมามาไม่ได้ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเขามีรูปแบบการทำงานหรือเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรของเราดีแล้วหรือไม่ ดังนั้น HR จะต้องสัมภาษณ์เชิงลึก หรือให้ทำแบบทดสอบเพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าเขามีคุณสมบัติ 3 ประการที่สำคัญดังต่อไปนี้หรือไม่
- Ownership Mindset : มีความรับผิดชอบสูง มีวิสัยทัศน์ไกล
- Purpose : ส่วนตัวที่สอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร
- DNA : พฤติกรรมที่สอดคล้องกับ Culture องค์กร
อนึ่งเพื่อให้องค์กรได้คำตอบชัดเจนที่สุด หากยังหาข้อสรุปไม่ได้ในขั้นตอนสัมภาษณ์ HR ก็ต้องบริหารจัดการ 3 เดือนแรก (ช่วงทดลองงาน) ให้เข้มข้นที่สุด อย่าประเมินแค่เรื่องงาน แต่ให้ดูในภาพรวมทั้งหมด ช่วนกระบวนความคิด, พฤติกรรม หรือแม้แต่การทำประเมิน 360 องศาจากเพื่อนร่วมงานทุกคน ถ้าไม่ผ่าน 80% ก็ไม่ควรให้ผ่านทดลองงาน เพราะหากเราเลือทกผู้นำผิดพลาด จะมีความเสียหายที่มูลค่าสูงกว่าการหาผู้นำใหม่หลายเท่า กรณีตัวอย่างของเรื่องนี้คือบริษัท Zappos ที่มีโครงการ Pay to Quit คือถ้ารู้ว่าคนดังกล่าวไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำและยอมลาออกใน 3 เดือนแรก จะให้เงินก้อมแถมไปเลย
และประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือหากมีบุคลากรที่ทำงานเก่ง แต่ยังไม่สามารถเป็นผู้นำได้ คุณเรือรบกล่าวว่าเรื่องนี้สำคัญมาก เพราะคนที่ทำงานเก่งไม่ได้แปลว่าจะนำคนได้ ดังนั้นก่อนจะเลือกใครมาเป็นผู้นำ HR ควรให้ความสำคัญกับ 3 ปัจจัยต่อไปนี้
- กำหนด Leadership Competency เพื่อให้ทราบคุณลักษณะและพฤติกรรมของผู้นำที่องค์กรต้องการ
- กำหนด Leadership Development Program เพื่อเตรียมพร้อมด้านการพัฒนาบุคลากร
- ประเมินผู้นำตามคุณลักษณะที่ต้องการ ดวยการทำแบบสำรวจ 360 องศา
และหากต้องเลือกหัวข้อที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ คุณเรือรบกล่าวว่าเราควรเน้นในเรื่องของ Soft Skills และเน้นเรื่องการวัดผลเชิงพฤติกรรม ไม่ใช่ความรู้ เช่นการจัดทำ Leadership Development Program ระยะเวลา 16 สัปดาห์ โดยไม่ใช่แค่เฉพาะการฝึกอบรมเรื่องทักษะผู้นำ แต่ต้องให้ทำโปรเจกต์เพื่อไปพัฒนางานกับทีมของเขาด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้ถ่ายทอดความเป็นผู้นำออกมา
ผู้บรรยายปิดท้ายด้วยประโยคที่น่าสนใจว่า “คนเกรด A จะไม่เป็นลูกน้องคนเกรด B” คนรุ่นนี้จะไม่ทำงานกับหัวหน้าที่ไม่มีทักษะความเป็นผู้นำ ดังนั้นเราต้องสร้างคนระดับสูงสุดลงมาด้วย ไม่ใช่โฟกัสแต่การพัฒนาจากด้านล่างขึ้นไปอย่างเดียว ทั้งนี้แม้ AI จะมีประโยชน์และช่วยให้การทำงานมีประสิทธภาพขึ้น แต่ทีมเวิร์กก็เป็นเรื่องที่จะมองข้ามไปไม่ได้ เพราะการร่วมมือกับหลาย ๆ ฝ่ายจะช่วยให้เราเข้าใจหลักจิตวิทยา มีภาวะผู้นำ อยู่กับคนหมู่มากได้อย่างดีกว่าเดิม
กล่าวโดยสรุปคือผู้นำที่แท้จริงนั้น คือ “ผู้นำที่สามารถสร้างผู้นำ” เราไม่ได้สนใจคนที่สร้างตัวเองให้เก่งได้เพียงอย่างเดียว แต่เรากำลังมองหาคนที่สามารถสร้างคนรอบตัวให้กลายเป็นผู้นำ เพื่อพัฒนาองค์กรให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง
ดาวน์โหลดเนื้อหา Key Takeaway: https://bit.ly/NewLeadership-LHT สนใจจัดอบรมพัฒนาผู้นำในองค์กร: ติดต่อ Learning Hub Thailand Tel: 093 925 4962 Line: @lhtraining Website: www.learninghubthailand.com |