HIGHLIGHT
|
ย้อนกลับไปในปี 2020 เราได้เห็นผลกระทบอย่างรุนแรงของโรคระบาด COVID-19 ธุรกิจหนึ่งที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดคือการเรียนออนไลน์และคอร์สออนไลน์ต่าง ๆ มีทั้งที่ออกและไม่ออกใบ Online Certificate หรือแม้กระทั่งปริญญาบางสาขาก็เริ่มมีการเรียนการสอนออนไลน์แล้ว
แต่เชื่อว่าหลายคนคงเกิดคำถามตามมาว่า ควรใส่ Online Certificate ใน Resume ไหม? แล้วต้องใส่อย่างไร? แค่เขียนลงไปก็พอเหรอ? ก่อนจะลงมือเขียน อยากให้ทำความเข้าใจเบื้องหลังความคิดของ HR ก่อน
Contents
ตัวอย่างความเชื่อเกี่ยวกับ Online Certificate ที่ติดอยู่ในหัว HR
เนื่องด้วยเรากำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน ดังนั้นไม่ใช่ HR ทั้งหมดจะเชื่อถือใน Online Certificate ทั้งหมด จึงไม่แปลกที่ HR จะมีความเชื่อประมาณนี้
- การเรียน Online ไม่น่าเชื่อถือเท่ากับการไปเรียน Offline
- ความน่าเชื่อถือของคอร์ส เกิดจากความน่าเชื่อถือของสถาบัน
- ผู้สมัครที่จบหลักสูตรดี มีใบ Certificate ดูน่าเชื่อถือกว่า
- หลักสูตรที่ไม่มี Certificate ไม่ค่อยน่าเชื่อถือและไม่มีน้ำหนัก
- สถาบันต่างชาติและสถาบันในไทย มีความน่าเชื่อถือต่างกัน
ความเชื่อเหล่านี้จริง ๆ แล้วเกิดจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของ HR ที่มีต่อผู้สมัครที่มี Online Certificate หรือถ้าเปลี่ยนคำก็คือ ‘ความน่าจะเป็น’ มากกว่า
ไม่ใช่เรื่องผิดที่ HR หลาย ๆ คนจะยังคงมีความเชื่อนี้อยู่ ความไม่เหมาะสมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ HR เชื่อสิ่งเหล่านี้สุดใจ มันทำให้เกิดการปิดกั้นโอกาสหรือเลือกปฏิบัติกับผู้สมัครที่เข้ามา ซึ่งเราในฐานะผู้สมัคร ก็เลยเกิดความลังเลและคำถามที่บอกไปตอนต้นว่าควรใส่ดีไหมนั่นเอง
สิ่งที่ผู้สมัครควรเตรียมตัวเมื่อจะใส่ Online Certificate
กล้าพูดได้เลยว่า แค่ชื่อ Course, สถาบัน หรือผู้สอน ไม่มีผลต่อการตัดสินใจสักเท่าไหร่ มีข้อยกเว้นคือ ใบ Online Certificate นั้นเป็น Requirement ตามกฎหมาย เช่นพวก CPA หรือใบประกอบวิชาชีพต่าง ๆ เป็นต้น
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนคือ ตกผลึกเกี่ยวกับ Online Certificate ที่เรียนมา
- องค์ความรู้ที่ได้รับ – ถ้าเรียนมาแล้วไม่ได้ความรู้อะไรออกมาเลย ก็ไร้ค่ามาก ๆ หลัก ๆ ให้พิจารณา 2 อย่าง ไม่จำเป็นต้องมีทั้ง 2 อย่าง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเลย
- มีทักษะ Hard Skills อะไรบ้างที่ได้จาก Course นี้
- มีทักษะ Soft Skills อะไรบ้างที่ได้จาก Course นี้
- ผู้สอน – เพื่อดูว่ามีประสบการณ์ในสายงานที่สอนมากน้อยเพียงใด ถ้าหากผู้สอนไม่ได้มีประสบการณ์ตรงมากนัก อาจจะต้องมีการทบทวนหรือเปรียบเทียบความรู้จากแหล่งอื่นเพื่อดูว่าถูกต้องหรือไม่ด้วย
- ผลงาน – เราได้สร้างผลงานอะไรจากความรู้ที่ได้จาก Course นี้บ้าง? ถ้าไม่มี จะสามารถเริ่มได้อย่างไร?
3 ส่วนที่ได้บอกไป มีที่มาจากโมเดลการเรียนรู้ 70-20-10 ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในบริษัทชั้นนำต่าง ๆ โมเดลนี้ใช้ได้ทั้งการพัฒนาความรู้ส่วนตัว รวมถึงการวางแผนพัฒนาพนักงานในองค์กรด้วย เรียกว่าใช้ได้หลากหลายมาก
โมเดลการเรียนรู้ 70-20-10 สำหรับ Online Certificate
หลักการของโมเดลการเรียนรู้ 70-20-10 สื่อถึงการเรียนรู้ได้ว่า
70% ของการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเกิดจากประสบกาณ์และการลงมือทำและปฏิบัติงานจริง 20% เกิดจากการปรึกษาหารือกับผู้อื่น หรือรับการสอน/โค้ชจากผู้ที่ชำนาญทางด้านนั้น 10% ที่เหลือ มาจากคอร์สหรือการเรียนตามหลักสูตรในห้องเรียนหรือการอบรม |
ดังนั้น การใส่ Online Certificate อย่างเดียวคงไม่พอ สิ่งที่ควรตามมาคือการได้ลงมือทำจริงจากความรู้ที่มีมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงได้รับการสอน หรือร่วมมือกับคนอื่นมากแค่ไหน
ทำไมถึงควรใช้โมเดลนี้สำหรับ Online Certificate
เราต้องยอมรับตามตรงว่าการทำงานจริงไม่เหมือนกับในห้องเรียน (วัยทำงานทุกคนน่าจะเห็นด้วย) ดังนั้น การที่ผู้สมัครคนหนึ่งจะสามารถทำงานได้ จึงไม่ใช่แค่จบคอร์สหรือหลักสูตรที่ใกล้เคียงเท่านั้น แต่ต้องทีทักษะที่เกิดจากการลงมือทำจริง (ส่วน 70) หรือการต่อยอดเพิ่มเติมมาบ้าง (ส่วน 20) หากว่าใน Resume ของผู้สมัครมีเนื้อหาเหล่านี้อยู่ด้วย จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจ เพิ่มความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงความน่าเชื่อถือของ Online Certificate ด้วยเช่นกัน
การประยุกต์ใช้โมเดลการเรียนรู้กับการใส่ Online Certificate ใน Resume
การจะเขียน Resume ให้ดี สิ่งที่ควรมีก่อนคือข้อมูล และควรเตรียมข้อมูลให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โมเดล 70-20-10 จะช่วยให้เนื้อหาของเราไม่สะเปะสะปะ ผู้อ่านจะเห็นภาพได้ง่ายว่าผู้สมัครคนนี้เป็นอย่างไร การใส่ Online Certificate จึงเริ่มด้วยขั้นตอนเหล่านี้
10% ‘ชื่อคอร์ส, สถาบันและใบ Online Certificate (ถ้ามี)’
20% ‘การต่อยอดหรือการตกผลึกการเรียนรู้’
- สิ่งที่ได้จากการเรียนคอร์สนี้ไม่ว่าจะเป็นทักษะ Hard Skills หรือ Soft Skills
- การต่อยอด, แผนการ หรือเป้าหมายที่ตั้งไว้
- สอนโดยใคร มีประสบการณ์แค่ไหน
70% ‘การลงมือทำ’
ผลงานที่เกิดจากการต่อยอดความรู้นี้
- ทำไมถึงเลือกทำผลงานนี้, เราเห็นปัญหาอะไรจึงเลือกทำผลงานนี้
- วิเคราะห์หรือจัดการข้อมูลของงานอย่างไรบ้าง
- ติดต่อ, ร่วมงานกับใคร/ทีมงานไหนบ้าง
- บริหารจัดการตัวเองอย่างไรบ้าง
- ผลที่ออกมาเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ในการวางรูปแบบของ Resume สามารถทำได้หลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละคน และไม่จำเป็นจะต้องมีทุกหัวข้อย่อย แต่เนื้อหาหลัก (70-20-10) ควรจะมีทั้งหมด โดยอาจใช้วิธีอธิบายให้กระชับ ได้ใจความ และถ้าสามารถคงสัดส่วนของเนื้อหาไว้ที่ 70-20-10 ได้ จะยิ่งดี
บทสรุป
Online Certificate ที่เราเรียนมา สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและถ่ายทอดตัวตนของเราได้ ถ้าหากมีการลงมือทำต่อยอดความรู้นั้น ๆ ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นและถ่ายทอดออกมาโดยใช้การสื่อสารที่เหมาะสม คือประยุกต์โมเดลการเรียนรู้ 70-20-10 มาเขียนเป็นผลงานใน Resume