Eat Lunch Together วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขึ้นอีก 10% ด้วยการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน

สวัสดีครับ ผม Nemoto อดีตกองบรรณาธิการ HREX ครับ

วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยก่อนอื่นผมขอแนะนํา re:Work เว็บไซต์ที่นําเสนอโดย Google ซึ่งในนั้นได้มีการแชร์บทความและผลการวิจัย พร้อมแนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงการทำงานโดยผู้บริหารและนักวิจัยหลายท่าน

ในบทความนี้ผมขอนำเสนอ วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยคุณ Ben Waber ซึ่งในบทความกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ด้วยการร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ซึ่งดูแล้วสองเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้เลยใช่ไหม แต่ผลจากการวิจัยทำให้เราต้องแปลกใจครับ

ขนาดของโต๊ะอาหารส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน

หนึ่งในงานวิจัยของ Ben Waber คือการใช้เข็มกลัดที่ติดเซ็นเซอร์จำนวนมากตรวจสอบรูปแบบของการใช้เวลาและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานว่ามีความเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการทำงานหรือไม่

เข็มกลัดที่ติดกับเสื้อผ้าสามารถใช้วัดว่าพนักงานได้พูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้างเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ ซึ่งผลวัดจะสามารถนำไปใช้วางแผนความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานในที่ทำงานได้

งานวิจัยนี้ได้เปิดเผยข้อมูลมากมายที่พวกเราไม่ได้รู้มาก่อน แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงจะเป็นเรื่องราวจากบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์แห่งหนึ่ง ที่จะพูดถึงต่อไปครับ

บทเรียนของ Eat Lunch Together จากเรื่องราวของบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์แห่งหนึ่ง

ในบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์แห่งหนึ่ง ได้มีการเปลี่ยนโต๊ะอาหารให้ใหญ่ขึ้น และผลจากการเปลี่ยนโต๊ะพบว่าการทำงานของพนักงานดีขึ้นมากกว่า 10% โดยอ้างอิงจากผลการประเมินของพนักงาน

ข้อมูลจากการวิจัยได้เปิดเผยว่า ในทุกๆวันจะมีโปรแกรมเมอร์ที่มีประสิทธิผลในการทำงานมากที่สุด มารับประทานอาหารกลางวันร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งสมาชิกในกลุ่มจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน แต่จำนวนคนเท่าเดิม คือ 12 คน

อีกด้านหนึ่ง โปรแกรมเมอร์ที่มีประสิทธิผลในการทำงานน้อยที่สุด จะรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันเป็นกลุ่มเล็กๆ จำนวน 4 คนเท่านั้น ซึ่งสมาชิกในกลุ่มจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน และจำนวนคนเท่าเดิมเหมือนกันกับกลุ่มใหญ่

สงสัยไหมครับว่าทำไมถึงเกิดผลเช่นนั้น? นั่นก็เป็นเพราะการจัดเรียงที่นั่งในห้องอาหาร โต๊ะที่มีที่นั่งจำนวน 4 ที่จะอยู่ใกล้กับประตูฝั่งหนึ่ง และอีกฝั่งหนึ่งจะเป็นโต๊ะที่มี 12 ที่นั่ง

แม้มีการควบคุมปัจจัยด้านต่างๆที่อาจจะส่งผลกับผลการวิจัยแล้ว ขนาดของโต๊ะอาหารก็ยังมีผลอยู่ดี ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็คือ กลุ่มโปรแกรมเมอร์ที่นั่งรับประทานอาหารด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ จะสามารถสร้างคอนเน็คชั่นกับพนักงานภายในองค์กรได้มากกว่าการรับประทานอาหารเป็นกลุ่มเล็กๆ และการวิจัยยังแสดงให้เห็นอีกว่า Social Network มีอิทธิพลต่อการสร้างคอนเน็คชั่นและประสิทธิภาพในการทำงาน

นอกจากนี้ เมื่อลองเปรียบเทียบโปรแกรมเมอร์ที่ใช้เวลาช่วงพักไปกับการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นจะทำให้พบว่า พวกเขามีความเครียดและความไม่พอใจในบริษัทน้อยกว่าคนอื่นๆ

ดังนั้นด้วยนโยบายง่ายๆ อย่าง “เปลี่ยนโต๊ะอาหารให้ใหญ่ขึ้น”ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 10%

เห็นได้ชัดเลยว่าข้อมูลจากการวิจัยไม่ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อแนวโน้มการวิจัยในอนาคตด้วย นอกเหนือจากโต๊ะอาหารแล้ว เราอาจจะสามารถใช้การวิเคราะห์แบบนี้กับการจัดที่นั่งในออฟฟิศหรือการจัดวางสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย

คุณ Ben Waber ได้กล่าวไว้ว่า

การออกแบบออฟฟิศโดยทั่วไปแล้ว ผู้บริหารระดับสูงเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจว่าจะทำออฟฟิศแบบไหน แต่ถ้าใช้ People Analytics เราจะให้ความสำคัญกับการออกแบบออฟฟิศให้เหมาะสมกับพนักงานเป็นลำดับแรก

หากเราต้องการเพิ่มผลิตภาพของการทำงาน อย่าเน้นที่การลดค่าใช้จ่ายแต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรหาวิธีที่ทำให้พนักงานมีแรงจูงใจที่จะทำงานได้อย่างเต็มที่ด้วย

บทสรุป

ส่วนตัวผมคิดว่า การรับประทานอาหารกลางวันกับผู้คนจำนวนมากทำให้สร้างคอนเน็คชั่นในบริษัท ได้กว้างขวางและเข้มแข็งขึ้น ง่ายต่อการประสานงาน นอกจากการรับประทานอาหารกลางวันแล้วคุณยังสามารถใช้สถานการณ์อื่นๆ ในการทำความรู้จักกับผู้คน หรือสร้างมิตรภาพกับคนอื่นๆได้เช่นกัน

People Analytics ใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของพนักงานเพื่อการปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างออฟฟิศที่พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข

จากนี้ไป People Analytics คงจะเข้ามามีบทบาทในการทำงานเพิ่มมากขึ้น สุดท้ายนี้ผมก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนได้นะครับ