10 บริษัทสุดเจ๋งที่สร้างสรรค์บรรยากาศออฟฟิศให้น่าทำงานด้วยมากที่สุด (Working Environment)

ในยุคที่เกิดการปฎิวัติทางอาชีพ (Career Disruption) ในหลายๆ มิติ สิ่งหนึ่งที่องค์กรหันมาใส่ใจไม่แพ้เรื่องอื่นก็คือการสร้างสภาพแวดล้อมในออฟฟิศ (Working Environment) ให้น่าทำงานนั่นเอง หลายองค์กรทั่วโลกลุกขึ้นหันมาให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างจริงจัง ตั้งแต่ในเรื่องของอุปกรณ์การทำงานต่างๆ, การตกแต่งออฟฟิศ, การจัดสรรสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ, ไปจนถึงการสันทนาการในรูปแบบต่างๆ ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของพนักงานดีขึ้นได้ แถมในขณะเดียวกันสิ่งที่องค์กรสร้างสรรค์ให้พนักงานนี้ก็ยังช่วยสร้างมูลค่าให้แบรนด์ไปในตัว จนกลายเป็นจุดขายในยุคนี้ที่ใช้ดึงดูดคนที่มีศักยภาพให้มาร่วมงานกับองค์กรด้วยในที่สุด

10 บริษัทสุดเจ๋งที่สร้างสรรค์บรรยากาศออฟฟิศให้น่าทำงานด้วยมากที่สุด (Working Environment)

การใส่ใจสภาพแวดล้อมในออฟฟิศ (Working Environment) นั้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้บุคลากรทำงานได้อย่างมีความสุข และยังทำให้บุคลากรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมศักยภาพขององค์กรไปได้ในตัว ในทุกวันนี้มีองค์กรทั่วโลกมากมายต่างลุกขึ้นมาสร้างสรรค์บรรยากาศออฟฟิศให้น่าอยู่และน่าทำงานด้วย ในครั้งนี้เราคัดสรร 10 บริษัทจากทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ยอดเยี่ยมมานำเสนอกัน โดยนำเสนอในหลากหลายธุรกิจ หลากหลายอุตสาหกรรม หลากหลายรูปแบบ ซึ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่สามารถสร้างสรรค์บรรยากาศตลอดจนสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ส่งผลดีต่อบุคลากรได้ทั้งสิ้น ลองไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้าง

1.Amazon

Location : Seattle, W.A. / USA

ถ้าพูดถึงการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมในการทำงานได้เจ๋งที่สุดในยุคนี้ โปรเจกต์ล่าสุดที่ได้รับการชื่นชมมากที่สุดนั้นคงต้องยกให้กับการสร้างสรรค์ครั้งยิ่งใหญ่ของแบรนด์ยักษ์อย่าง Amazon ที่เนรมิตรป่าจำลองขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของตัวเองในเมืองซีแอทเทิล สหรัฐอมเริกา เพื่อมอบความสดชื่นและอากาศบริสุทธิให้กับพนักงานของตัวเองโดยไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล

โปรเจกต์ที่ว่านี้ก็คือการสร้าง Amazon Spheres โดมแก้วสุดล้ำขึ้นที่สำนักงานใหญ่ใจกลางเมือง ภายในโดมนั้นสร้างป่าจำลองอันเขียวขจีขึ้นมาโดยคัดเลือกเอาพืชนานาพันธุ์กว่า 40,000 ต้น ที่นำมาจาก 50 ประเทศทั่วโลก มาปลูกรวมกันอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ ที่ควบคุมอุณหภูมิให้คงที่อยู่ที่ราวๆ 22 °C และความชื้นอยู่ที่ 60% ตลอดทั้งวัน บริเวณต่างๆ ภายในโดมแก้วนี้นอกจากความสดชื่นเขียวขจีแล้วก็ยังมีโซนพักผ่อนแทรกตัวอยู่หลายจุด เอาไว้ให้พนักงานได้นั่งหย่อนใจ บำบัดด้วยธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าในการทำงานได้ ตลอดจนสามารถหอบเอาโน๊ตบุ๊คมานั่งทำงานท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย และในโดมแก้วนี้ก็ยังเต็มไปด้วยสิ่งสร้างความสุขอีกมากมายหลายมุมที่ Amazon ต้องการมอบคุณภาพชีวิตตลอดจนสุขภาพที่ดีกลับคืนสู่พนักงานของตน สำหรับโปรเจกต์สุดเจ๋งที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจนี้เป็นฝีมือการออกแบบของ NBBJ บริษัทสถาปนิกที่เลื่องชื่อระดับโลกนั่นเอง

2.Apple

Location : Cupertino, C.A. / USA

หนึ่งในแบรนด์ยอดนิยมอันดับต้นๆ ของโลกและยังเป็นองค์กรที่คนอยากร่วมงานมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่งนั้นคงต้องมี Apple Inc. อยู่ในลิสต์แน่นอน แล้วสิ่งที่ทำให้คนยิ่งอยากจะร่วมงานกับองค์กรนี้มากยิ่งขึ้นไปอีกก็คือการที่ Apple Inc. ทุ่มเทสร้างสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมในการทำงานโดยการเนรมิตสำนักงานใหญ่ขึ้นมาใหม่ที่มีการใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่สถาปัตยกรรม การตกแต่ง ไปจนถึงสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยคุณภาพชีวิตที่ดี

สำนักงานใหญ่ที่เพิ่งจะเปิดตัวหมาดๆ ล่าสุดที่ว่านี้ก็คือ Apple Park ที่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นั่นเอง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอาคารวงแหวนที่เรียกกันติดปากว่าอาคารโดนัทนั่นเอง ภายในอาคารนี้เต็มไปด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย ตั้งแต่ออฟฟิศที่ทันสมัย, อุปกรณ์สุดล้ำ, การออกแบบที่เพอร์เฟ็ค, ไปจนถึงการออกแบบอาคารใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (Sustainable Design) ภายนอกอาคารยังมีการสร้างป่าหย่อนใจเพื่อให้พนักงานได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและพักผ่อนไปในตัว รวมถึงเป็นลานกิจกรรมสำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ ของ Apple Inc. ด้วย ภายใน Apple Park นี้ยังมีความเจ๋งอีกมากมาย และสร้างคุณภาพชีวิตในการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบนี้ก็คือ Foster + Partners บริษัทสถาปนิกชั้นนำของโลกนั่นเอง แล้วว่ากันว่า Apple Park นี้คือหนึ่งในการสร้างอาคารที่แพงที่สุดอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย

3.Facebook

Location : Menlo Park, C.A. / USA

หนึ่งในออฟฟิศที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีพื้นที่กันเป็นเสมือนเมืองย่อมๆ นั้นต้องยกให้กับ Facebook เลยล่ะ ซึ่ง Facebook นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำขององค์กรยุคใหม่ที่ลุกขึ้นมาสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมให้น่าทำงานโดยการปฎิบัติรูปแบบออฟฟิศเดิมๆ ให้กลายเป็นสถานที่ทำงานที่มีหลากหลายบรรยากาศและความสนุกนาน

ภายใน Facebook Campus สำนักงานใหญ่นี้มีการตกแต่งห้องทำงานได้อย่างสนุกสนานแบบคนรุ่นใหม่ ภาพรวมอาจจะดูไม่เป็นระเบียบหรือทิศทางเดียวกัน แต่แต่ละส่วนต่างก็มีความสนุกที่แตกต่างกันไป ทำให้ไม่เกิดความน่าเบื่อ ซึ่งการออกแบบที่แตกต่างกันทั้งหมดนี้ก็เกิดจากไอเดียสนุกๆ ที่ Mark Zuckerberg ได้เชิญศิลปินท้องถิ่นกว่า 15 คน มาออกแบบตลอดจนละเลงไอเดียของตัวเองในการตกแต่งมุมต่างๆ ทั่วทั่งออฟฟิศนั่นเอง จุดเด่นอีกอย่างของการออกแบบ Facebook Campus ก็คือการออกแบบพื้นที่โล่งเพื่อให้พนักงานทุกคนทำงานอยู่ร่วมพื้นที่เดียวกัน แต่การตกแต่งจะผสมกลมกลืนหลากหลายสไตล์ในพื้นที่โล่งอันนี้ ซึ่งนี่คือออฟฟิศที่ได้ชื่อว่ามีพื้นที่โล่งสำหรับพนักงานออฟฟิศที่ทำงานอยู่ร่วมกันใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว  นอกจากนี้ก็ยังมีการใส่ใจสภาพแวดล้อมด้านนอก มีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะโซน Rooftop Park ที่ใช้พื้นที่ส่วนหลังคาของอาคารที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่สร้างให้กลายเป็นสวนให้เดินเล่น ด้านบนนี้มีต้นไม้กว่า 400 สายพันธุ์ ปลูกกันเป็นป่าย่อมๆ เลยทีเดียว แล้วก็ยังมีร้านอาการโซนกลางแจ้งไว้บริการให้พนักงานที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ แล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบออฟฟิศแสนสนุกนี้ก็คือ Frank Gehry สถาปนิกผู้โด่งดังที่เป็นเจ้าของไอเดียอาคารล้ำๆ มากมายทั่วโลกนั่นเอง

4.Airbnb

Location : San Francisco, C.A. / USA

หนึ่งในออฟฟิศที่มีสีสันและความหลากหลายมากที่สุดในโลกต้องยกให้กับ Airbnb เลยล่ะ องค์กรแห่งคนรุ่นใหม่นี้ใส่ใจกับการสร้างอาณาจักรออฟฟิศสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโกให้เต็มไปด้วยความหลากหลายของการตกแต่งที่ให้เหมือนกับจิตวิญญาณและธุรกิจของ Airbnb ที่ให้บริการที่พักและการท่องเที่ยวทั่วโลก ฉะนั้นห้องทำงาน ห้องประชุม ตลอดจนโรงอาหารจึงมีบรรยากาศหลากหลายไม่ซ้ำซากจำเจ มีตั้งแต่ห้องที่ให้ความรู้สึกสนุกสนาน, ห้องเท่ๆ, ห้องคลีนๆ, ไปจนถึงห้องนั่งเล่นน่าเอนกาย เพื่อให้พนักงานของ Airbnb ได้สนุกกับความหลากหลายไปเรื่อยๆ และเรียนรู้วัฒนธรรมทั่วโลกภายในออฟฟิศแห่งเดียวนี้เช่นเดียวกับ Airbnb ที่สามารถเรียนรู้โลกอันหลากหลายได้เช่นกัน

สำหรับออฟฟิศเก๋ๆ ของ Airbnb นี้เป็นการหยิบเอาโรงงานอุตสาหกรรมเก่าสูง 5 ชั้น ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1917 มารีโนเวทใหม่ให้มีชีวิตชีวาอย่างที่เป็น สมกับเป็นออฟฟิศที่มาในธีม Vacation เสียจริงๆ ซึ่งไอเดียเจ๋งๆ นี้ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชื่อดังของโลกอย่าง gensler นั่นเอง

5.LEGO Campus 

Location : Billund / Denmark

LEGO ถือเป็นของเล่นอมตที่สร้างจินตนาการได้ไม่รู้จบ และเป็นขวัญใจของคนทุกเพศทุกวัยเลยก็ว่าได้ ในเมื่อยักษ์ใหญ่ด้านจินตนาการลุกมาสร้างออฟฟิศด้วยตนเองแน่นอนว่ามันต้องเป็นโลกแห่งของเล่นที่น่าสนุกที่สุด สำหรับ LEGO Campus เฟสแรกนั้นเปิดตัวในปี ค.ศ.2019 นี้ ทาง LEGO ต้องการมอบความสร้างสรรค์และสร้างชีวิตชีวาตลอดจนมอบความสนุกให้กับพนักงานของตัวเองไม่ต่างจากเด็กๆ เลยทีเดียว นอกจากการสร้างตึกที่เป็นทรงแท่งสีเหลี่ยมต่อกันคล้ายตัว LEGO แล้ว แน่นอนว่าไฮไลท์ของออฟฟิศนี้ก็คือโซนที่เต็มไปด้วยของเล่นเลโก้ให้ฝึกจินตนาการ พร้อมตัวต่อเลโก้ที่สร้างสรรค์เป็นรูปต่างๆ ตกแต่งออฟฟิศซึ่งนี่ถือเป็นเอกลักษณ์ของออฟฟิศเลโก้เลยก็ว่าได้

สำหรับออฟฟิศสำนักงานใหญ่นี้มีส่วนผสมโลกของเด็กและโลกของวัยทำงานได้ลงตัวเป็นอย่างดี นอกจากโซนทำงานที่ฉุดให้เรากลับสู่วัยเด็กแล้ว ด้านนอก LEGO Campus ยังมีสวนสาธารณะไว้ให้พักผ่อนและใกล้ชิดธรรมชาติอีกด้วย ส่วนโซนสนุกอีกโซนที่โดดเด่นไม่แพ้กันก็คือลานไดรฟ์กอล์ฟบนดาดฟ้าที่ให้พนักงานคลายเคลียดกับความสนุก นอกจากนี้บรรยากาศออฟฟิศก็ยังส่งเสริมจิตนาการอีกมากมายหลากหลายรูปแบบ เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ที่มีหัวใจเด็กน้อยโลดแล่นอยู่ตลอดเวลาด้วยนั่นเอง

6.NBA

Location : Mexico City / Mexico

มาพูดถึงออฟฟิศด้านกีฬากันบ้าง ใครๆ ก็น่าจะรู้จักยักษ์ใหญ่แห่งวงการบาสเก็ตบอลอย่าง NBA หรือ National Basketball Association ของฝั่งอเมริกาเป็นอย่างดี ล่าสุด NBA ก็เพิ่งจะเปิดออฟฟิศใหม่ในเม็กซิโกไปหมาดๆ และการสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีก็ได้รับความสนใจไปทั่วโลกเช่นกัน

ในเมื่อผลิตภัณฑ์สำคัญคือกีฬา และต้องการสร้างแรงฮึกเฮิมในบรรยากาศการทำงานที่มีความเก๋เท่ไปในตัวด้วย ทางออฟฟิศของ NBA ก็เลยเอารายละเอียดต่างๆ ของกีฬาบาสเก็ตบอลมาใส่ลงไปในการออกแบบและตกต่างออฟฟิศอย่างลงตัว ตั้งแต่ รูปนักกีฬาชื่อดัง, ลูกบาส, ไปจึงถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ที่นำมาทำเป็นกราฟฟิกสุดเท่ สร้างสรรค์ออฟฟิศกีฬาให้แตกต่างไปจากเดิม และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานได้ยอดเยี่ยมทีเดียว

7.Nissin Factory

Location : Shiga / Japan

ใครว่าการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีจะเกิดขึ้นได้เฉพาะที่ออฟฟิศบนตึกหรูเท่านั้น สำหรับการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมในโรงงานอุตสาหกรรมก็ทำได้เช่นกัน และพนักงานในกลุ่มแรงงานนี้ต่างก็อยากได้สถานที่ที่น่าทำงานไม่แพ้พนักงานออฟฟิศบนตึกสูงเช่นกัน

คงต้องปรบมือให้กับยักษ์ใหญ่วงการอาหารโลกและของญี่ปุ่นอย่าง Nissin ที่ออกมาสร้างความฮือฮาไปเมื่อเร็วๆ นี้กับการเปิดตัวโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ของ Nissin ในรอบ 20 ปี แต่การเปิดโรงงานคราวนี้มาพร้อมกับดีไซน์ที่เก๋และสร้างสีสันรวมถึงชีวิตชีวาได้อย่างน่าสนใจทีเดียว ซึ่ง Nissin Factory ล่าสุดนั้นตั้งอยู่ที่ จ.ชิกะ (Shiga) ในภูมิภาคคันไซ (Kansai Region) โดยมีจุดเด่นเริ่มตั้งแต่ทางเข้าอาคารที่หยิบเอาเอกลักษณ์อย่างถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่าง Nissin Cup Noodle อันโด่งดังไปทั่วโลกมาออกแบบได้อย่างน่าสนใจ ส่วนภายในมีการใส่รายละเอียดการตกแต่งภายในอย่างทันสมัย การใช้สีสันที่ดึงดูด หรือแม้แต่โซนโรงงานเองก็แทรกดีไซน์ลงไปอย่างลงตัว การใส่ใจในการออกแบบนี้ยังรวมไปถึงโซนโรงอาหารของพนักงานที่เก๋และน่าใช้บริการไม่แพ้ออฟฟิศเก๋ไหนๆ ซึ่งนี่นับเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตให้กับพนักงานโรงงานที่ดีและน่ายกย่องทีเดียว สำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการออกแบบครั้งนี้ก็คือศิลปินนักออกแบบชาวญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง Kashiwa Sato ผู้ที่เคยออกแบบและสร้างแบรนด์ให้กับยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง Uniqlo มาแล้วนั่นเอง

8.McDonald’s 

Location : Chicago, I.L. / USA

พูดถึงการสร้างสีสันและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงานระดับโรงงานอุตสาหกรรมไปแล้ว เห็นจะไม่พูดถึงโปรเจกต์นี้ไม่ได้ กับการรีโนเวทสำนักงานใหญ่ใหม่ล่าสุดของยักษ์ใหญ่ด้านฟาสต์ฟู้ดอย่าง McDonald’s ที่ปรับโฉมสำนักงานใหญ่ในชิคาโกใหม่ และเปิดตัวดึงดูดความสนใจได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว โดยที่สำนักงานใหญ่นี้ยังเป็นการรวมตัวของออฟฟิศแบบปกติกับการออกแบบโซนกึ่งโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไว้ด้วยกันในแหล่งเดียว

ภายในสำนักงานใหญ่นี้ประกอบไปด้วยโซนสำนักงานที่นำเอาจิตวิญญาณของ Mc Café ที่ทาง McDonald’s ต้องการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคเพื่อลบภาพจำของการเป็น Fast Food ที่ผ่านมา ใส่ลงไปในการออกแบบออฟฟิศอย่างกลมกลืนน่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีการแทรกงานศิลปะลงไปในการตกแต่ง ตลอดจนแทรกสีสันและความสนุกลงไปในทุกพื้นที่ของสำนักงานใหญ่ ให้คนทำงานสนุกและมีชีวิตชีวาตามแบบออฟฟิศสมัยใหม่ อีกโซนที่น่าสนใจก็คือส่วนของ Hamburger University ที่เป็นสถานฝึกการทำงานกึ่งปฎิบัติการตั้งแต่ระดับผู้จัดการร้านไปจนถึงพนักงานร้าน มีห้องครัวสำหรับฝึกทำอาหาร ไปจนถึงโซนฝึกต่างๆ ที่ไม่ต่างจากแหล่ง Workshop คุณภาพ ซึ่งนอกจากอุปกรณ์ที่ครบครันแล้วสถาบันแห่งนี้ยังใส่ใจการตกแต่งเก๋ๆ ให้มีสภาพแวดล้อมการทำงานและการเรียนที่น่ามาร่วมงาน และให้เข้ากับภาพลักษณ์ของออฟฟิศที่เพิ่งจะรีโนเวทมาหมาดๆ อีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ของแบรนด์ที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นตัวเชื่อมการเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ประสานกลมกลืนกันได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้และการทำงานที่ดีทีเดียว

9.True Digital Park

Location : Bangkok / Thailand

มาพูดถึงการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่น่าสนใจในเมืองไทยกันบ้าง เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการเปิดตัว True Digital Park อย่างเป็นทางการขึ้น ซึ่งทาง True ต้องการสร้างที่นี่ให้เป็นสังคมแห่งการทำงานยุคใหม่ที่มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีเยี่ยมในหลายๆ ด้าน และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยไว้รองรับ พร้อมกับส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมตลอดจนการทำงานของคนยุคใหม่ รวมไปถึงการเป็น Hub แห่ง Startup ของไทยที่น่าจับตา

การสร้างสังคมแห่งการทำงานรูปแบบใหม่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเป็นแหล่งการทำงานของบริษัท True เพียงอย่างเดียว แต่พื้นที่นี้ยังทำเพื่อรองรับบริษัทอื่นๆ มาให้ใช้สถานที่และสิ่งแวดล้อมร่วมกันอีกด้วย มีการตกแต่งพื้นที่ที่ทันสมัยไม่แพ้ออฟฟิศเก๋ๆ เท่ๆ ที่ไหนในโลก แล้วก็มีโซนพักผ่อนหย่อนใจพื้นที่สีเขียวแทรกตัวอยู่ด้วย รวมถึงพื้นที่สันทนาการต่างๆ ทั้งกีฬา การออกกำลังกาย และการผ่อนคลายอื่นๆ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีความสุข นอกจากนี้ยังเปิดพื้นที่ให้ Startup ใหม่ๆ ที่สนใจเช่าออฟฟิศเล็กๆ มาร่วมกันสร้างสังคมการทำงานยุคใหม่ที่สนุกและมีความสุขไปพร้อมกัน ตลอดจนได้รับความร่วมมือจากองค์กรใหญ่ๆ ชั้นนำระดับโลกในการสร้างสรรค์พื้นที่นี้ให้มีความล้ำสมัยอีกด้วย อาทิ Academy of Bangkok ที่เป็น A Google Space แห่งแรกในไทยที่ Google สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และสนับสนุนทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิตอล เป็นต้น ซึ่งใน True Digital Park นี้ยังมีความน่าสนใจอีกมากมาย และสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งที่รอบรับการเติบโตของยุคดิจิตอลที่สมบูรณ์และครบครันทีเดียว ที่สำคัญมันยังกลายเป็นสถานที่ทำงานที่กำลังกลายเป็นจุดสนใจของคนทั่วโลก โดยเฉพาะคนทำงานรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างธุรกิจ Startup เป็นของตนเอง ซึ่งที่นี่พร้อมสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจยุคใหม่อย่างเต็มที่ด้วย

10.WeWork

Location : around the world  

สำหรับคนที่รักอิสระ หรือไม่ชอบทำงานประจำก็ไม่ต้องน้อยใจ เพราะปัจจุบันมีการทำงานรูปแบบใหม่ที่เอาใจคนกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ายุคหลังมานี้มี Co-Working Space ผุดขึ้นมากมายทั่วโลก ทั้งแบรนด์ท้องถิ่น และแบรนด์นานาชาติ แล้วแต่ละที่ก็สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ยอดเยี่ยมเพื่อดึงดูดให้คนอยากเข้ามาใช้สถานที่ด้วยนั่นเอง

สำหรับแบรนด์ Co-Working Space ที่โด่งดังไปทั่วโลกและได้รับความนิยมมากที่สุดนั้นต้องยกให้กับ WeWork ที่สร้างสรรค์ Workplace Space ได้น่าทำงานทีเดียว นอกจากนี้ยังแบ่งพื้นที่ให้เช่าออฟฟิศเล็กๆ แต่ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ร่วมกัน ตั้งแต่ห้องประชุม, โรงอาหาร ไปจนถึงมุมคลายเครียด ที่ได้รับการตกแต่งอย่างดี ซึ่งนี่เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานสำหรับคนยุคใหม่ และเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างต่างออฟฟิศที่มาใช้พื้นที่แชร์ร่วมกันอีกด้วย สำหรับการออกแบบ  Co-Working Space ของ WeWork นั้นสร้างสรรค์ได้เก๋เท่แปลกใหม่ไม่ต่างจากออฟฟิศดังๆ ทั่วโลก สร้างบรรยากาศในการทำงานให้มีพลังงานของความสนุกสนาน และตกแต่งสถานที่ได้น่าสนใจ ซึ่งเปิดโอกาสให้คนธรรมดาทั่วไปหรือพนักงานที่เป็นฟรีแลนซ์ได้มีโอกาสทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยมเหมือนออฟฟิศดังๆ ระดับโลกอีกด้วย โดย WeWork นั้นมีสาขาไปทั่วโลกซึ่งก็รวมถึงในกรุงเทพฯ ที่มี 2 สาขาที่ สาทร และล่าสุดที่ทองหล่อ ที่ตกแต่งได้อย่างทันสมัยและมีเอกลักษณ์มากทีเดียว นับเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้สำหรับคนรุ่นใหม่ รูปแบบใหม่ ที่ช่วยสร้างศักยภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดี

บทสรุป

ยังมีออฟฟิศที่น่าสนใจมากมายเกิดขึ้นบนโลก และหลายองค์กรต่างก็หันมาให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน รวมไปถึงการออกแบบออฟฟิศเพื่อทำให้พนักงานทุกคนมีความสุขในการทำงานไปพร้อมกันด้วย ซึ่งนี่นับว่าเป็นการใส่ใจบุคลากรอย่างดีเยี่ยม และถือว่าเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งที่ดีเยี่ยมทีเดียว นอกจากนั้นยังช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดี และสิ่งแวดล้อมที่ดียังช่วยทำให้สุขภาพกายตลอดจนสุขภาพจิตดีขึ้นได้อีกด้วย เมื่อมนุษย์เรามีวิถีชีวิตที่ดี ก็ย่อมส่งผลถึงการทำงานที่ดีไปในตัว และการส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีก็จะช่วยให้การมาทำงานนั้นไม่เป็นเรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป ท้ายที่สุดแล้วการที่องค์กรลุกขึ้นมาสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีให้กับพนักงานนั้นยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กรอีกด้วย ทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือตลอดจนสร้างแรงดึงดูดให้คนที่มีความสามารถอยากมาร่วมงานด้วย ท้ายที่สุดแล้วการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีก็จะส่งผลให้องค์กรมีศักยภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว