HIGHLIGHT
- ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด มี HR Tech มากมาย แต่นามบัตรก็ยังเป็นสิ่งที่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย จนเหมือนกับว่ายุคสมัยที่เปลี่ยนไป ไม่ได้ทำให้ความนิยมของนามบัตรลดลงเลย
- มีการวิเคราะห์ว่าการมอบนามบัตรที่ดีนั้นมีขั้นตอนมากมายก็จริง แต่หากเราศึกษาและสามารถยื่นนามบัตรแบบมีคุณภาพออกไปได้ 2,000 ชิ้น ก็จะช่วยให้องค์กรมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นได้ถึง 25%
- นามบัตรที่ดีเปรียบเสมือนช่องทางทำการตลาดแรกที่ช่วยโน้มน้าวให้ผู้คนอยากเข้ามาติดต่อ แสดงถึงรสนิยม ค่านิยมของเจ้าของบัตร การมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงแบบนี้คือเหตุผลหลักที่ทำให้โลกดิจิทัลไม่สามารถเข้ามาแทนที่นามบัตรแบบดั้งเดิมได้
- นามบัตรที่ดีต้องสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพ ต้องสะกดชื่อคนและตำแหน่งให้ถูก และออกแบบโดยอ้างอิงตามอัตลักษณ์ขององค์กร ไม่ใส่ความคิดสร้างสรรค์เกินไปจนมีเนื้อหาที่ขัดแย้งกับบริบทของสังคม
- องค์กรที่ดีจึงไม่ใช่องค์กรที่มุ่งแต่พัฒนาทักษะด้านวิชาการอย่างเดียว แต่ต้องรวมถึงทักษะการเข้าสังคม ทักษะการสื่อสาร และความรู้รอบตัว ให้พนักงานสามารถอยู่ร่วมในโลกธุรกิจอย่างโดดเด่น มีศักยภาพเพียงพอในการเอาชนะคู่แข่ง ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างองค์กรที่ยังยืน
แม้โลกจะเข้าสู่ยุคดิจิทัลและมีการนำเทคโนโลยีมากมายมาใช้กับการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางสื่อสาร กระบวนการทำงาน ตลอดจนวิธีเรียนรู้และประเมินผล แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปตามยุคสมัยก็คือการใช้ นามบัตร (Business Card) ซึ่งเป็นดั่งธรรมเนียมเบื้องต้นในการเข้าหากลุ่มคนใหม่ ๆ และถือเป็นกลไกสำคัญที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจได้
การออกแบบนามบัตรให้น่าดึงดูดและเรียนรู้มารยาทการใช้นามบัตรเบื้องต้น ได้กลายเป็นสิ่งที่พนักงานทุกคนต้องฝึกฝนหากต้องการประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศ คนที่ไม่รู้จักขั้นตอนนี้อาจถูกมองว่าไม่มีมารยาท เกิดเป็นข้อเปรียบเทียบให้คู่ค้าตัดสินใจเลือกบริษัทคู่แข่งที่มีความพร้อมมากกว่าได้เลย
ทำไมนามบัตรถึงอยู่เหนือความเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา และเราจะใช้ประโยชน์จากนามบัตรให้มากที่สุดได้อย่างไร หาทุกคำตอบที่คุณควรรู้ได้ที่ HREX.asia
ยุคนี้นามบัตร (Business Card) ยังจำเป็นอยู่หรือไม่ ?
มีการวิจัยว่านามบัตรถูกใช้มานานกว่า 600 ปีโดยเริ่มต้นจากประเทศจีน และมีสถิติที่น่าสนใจว่า การให้นามบัตร 2,000 ครั้งจะทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นถึงราว 25% ตัวเลขนี้ดูแล้วเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่ลองคิดดูสิว่าการ ให้นามบัตรแบบตัวต่อตัวจะทำให้เรามีโอกาสได้คุยกับลูกค้าโดยตรง เป็นเหมือนใบเบิกทางที่ช่วยให้เราสามารถทำความรู้จักกันง่ายขึ้น การมอบนามบัตรจะทำให้เราเข้าใจเบื้องต้นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร สามารถช่วยอะไรเราได้บ้าง ช่วยร่นเวลาทำความรู้จักกันโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีคนเยอะเป็นพิเศษ
นามบัตรจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นกับโลกธุรกิจชนิดที่ไม่มีวันถูกกลืนกินด้วยเทคโนโลยี เพราะแม้ระบบดิจิทัลจะทำให้เราเก็บข้อมูลติดต่อได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ทำให้เรารู้สึกอยากค้นหาอีกฝ่ายเท่ากับการให้นามบัตรแบบเป็นกระดาษ
เราสามารถอธิบายความจำเป็นของนามบัตรในปัจจุบันได้ดังนี้
การมอบนามบัตรจะช่วยให้เราใกล้ชิดกับอีกฝ่ายมากขึ้น
แม้การใช้นามบัตรแบบอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้เราแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้เร็วขึ้น แต่การให้นามบัตรแบบดั้งเดิมจะทำให้เราได้มีปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่าย ได้ทดลองพูดคุยกันในเบื้องต้น ได้เห็นว่าอีกฝ่ายมีทัศนคติหรือบุคลิกภาพตรงกับที่เราสนใจหรือไม่ นอกจากนี้ยังทำให้เราได้เห็นรสนิยมที่ถือเป็นสิ่งที่สอนกันไม่ได้ การให้นามบัตรแบบปกติจึงทำให้เราสามารถเริ่มต้นความสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า
นามบัตรที่ดีจะช่วยสร้างความประทับใจแรก (First Impression) ให้กับผู้ที่พบเห็น
ลองนึกตามดูว่า ถ้าเราเจอคนรุ่นใหม่หรือใครก็ตามที่รู้สึกว่าอยากร่วมงานด้วย ใจของเราก็คงคิดถึงวิธีการที่จะดึงดูดความสนใจ และโน้มน้าวให้เขาอยากมาทำงานร่วมกับเราให้มากที่สุด
ดังนั้นหากเราต้องการให้คนเห็นว่าองค์กรใส่ใจในทุกรายละเอียด เราก็ต้องนำเสนอไอเดียใหม่ ๆ เช่นการจ้างดีไซน์เนอร์มาออกแบบให้พนักงานแต่ละคนโดยตรง ซึ่งจะทำให้เหล่าพนักงานรู้สึกภูมิใจ อยากส่งต่อนามบัตรที่สวยงามของเราออกไปสู่วงกว้างมากขึ้น ช่วยทั้งในแง่ของการตลาด (Marketing) และในแง่ของการสร้างแบรนด์ (Branding) เพื่อสรรหาพนักงานใหม่
กลับกันหากนามบัตรของเราเป็นเพียงกระดาษพร้อมข้อมูลธรรมดา ก็คงสร้างความประทับใจให้ใครไม่ได้นอกเหนือจากว่าเราเป็นคนที่มีชื่อเสียงแบบสุด ๆ ดังนั้นอย่าพลาดโอกาสสำคัญนี้เด็ดขาด รับรองว่าจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ง่ายกว่าการแลกข้อมูลติดต่อแบบออนไลน์เพียงอย่างเดียวแน่นอน
เคล็ดลับการออกแบบนามบัตร (Business Card) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การออกแบบนามบัตรไม่ใช่แค่มีเพื่อการแนะนำตัวเท่านั้น ลองนึกดูว่าหากเราไปงานสัมมนาหรืองานประชุมนานาชาติที่เต็มไปด้วยนักธุรกิจในกลุ่มตลาดเดียวกัน แต่นามบัตรของเราไม่มีอะไรดึงดูด หรือสะท้อนความเป็นตัวตนให้คู่ค้าคนอื่นอยากเข้ามาทำความรู้จัก เราก็จะพลาดโอกาสทางธุรกิจไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นการทำนามบัตรให้ดีก็เป็นเหมือนการประชาสัมพันธ์เบื้องต้น เป็นความประทับใจแรกที่จะเปิดเส้นทางให้เราได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ
การสร้างนามบัตรที่ดีต้องให้ความสำคัญกับเรื่องต่อไปนี้
เลือกขนาดและรูปทรงให้เหมาะสมกับธุรกิจ
ปกติแล้วขนาดนามบัตรจะอยู่ที่ 9 x 5.5 เซนติเมตร และมักทำเป็นแนวนอน อย่างไรก็ตามเราสามารถทำเป็นแนวตั้งก็ได้หากยังใส่ข้อมูลที่ต้องการได้ครบถ้วน นอกจากนี้ยังสามารถทำเป็นรูปทรงตามธุรกิจที่ดำเนินอยู่ เช่นหากทำคาเฟ่ ก็อาจทำนามบัตรเป็นรูปแก้วกาแฟ หากทำธุรกิจกีฬา ก็อาจทำนามบัตรเป็นรูปลูกฟุตบอล เป็นต้น
ทั้งนี้ต้องคำนึงว่านามบัตรสามารถจัดเก็บได้ง่ายหรือไม่ เพราะหากนามบัตรมีข้อมูลครบถ้วน สวยงาม แต่ไม่สามารถพกพาได้สะดวก ก็มีโอกาสที่นามบัตรนั้นจะถูกทิ้ง
เลือกใช้โลโก้และสีสันตามอัตลักษณ์ของบริษัท (Corporate Identity)
นามบัตรที่ดีควรใส่โลโก้ของบริษัทให้เรียบร้อย และเลือกใช้สีตามอัตลักษณ์ของบริษัท ไม่ใช่จ้างคนออกแบบโลโก้มาสวยงาม แต่ไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงไปถึงองค์กรเลย นามบัตรที่ดีควรทำหน้าที่เป็นเหมือนประชาสัมพันธ์ที่แค่หยิบมาก็เห็นบริบทเบื้องต้นขององค์กรได้แล้ว
ใส่ข้อมูลติดต่อและตำแหน่งให้ชัดเจน
นามบัตรที่ดีต้องมีชื่อบริษัทและข้อมูลของเจ้าของบัตรที่ชัดเจน โดยคำนึงถึงผู้รับเป็นหลัก เช่นหากเราพบเจอกับแขกต่างชาติ ก็ควรให้นามบัตรที่ผู้รับสามารถเข้าใจได้ อย่าคิดแค่ว่ามีอีเมล และชื่อเขียนบนนามบัตรก็เพียงพอแล้ว ในที่นี้หากเจ้าของบัตรมีชื่อเรียกอื่นที่คนในวงการคุ้นเคยซึ่งไม่ใช่ชื่อจริงตามบัตรประชาชน ก็สามารถเขียนไปบนนามบัตรได้เลย เรียกว่านามบัตรที่ดีต้องทำให้ผู้รับเข้าใจและสื่อสารกับเราได้ง่ายที่สุด
ในปัจจุบันนั้น นอกจากนามบัตรจะต้องใส่รายละเอียดให้ครอบคลุมที่สุด ยังควรเพิ่มช่องทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ ที่เจ้าของบัตรมี โดยสามารถใช้วิธีแปะคิวอาร์โค้ดให้ผู้รับบัตรสแกนเองในกรณีที่จำเป็นต้องอ้างอิงหลายอัน
ข้อผิดพลาดของการออกแบบนามบัตร (Business Card)
เพื่อให้การออกแบบนามบัตรขององค์กรคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด เราขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้
นามบัตรที่ให้ข้อมูลผิด
ความผิดพลาดในส่วนนี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่การสะกดชื่ออีเมลกับชื่อบุคคลผิดพลาด หรือให้ข้อมูลผิดเป็นอีเมลเก่าซึ่งไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ผู้ผลิตต้องพิสูจน์อักษรให้ชัดเจนก่อนพิมพ์ และหากนามบัตรเดิมหมดจริง ๆ ต้องนำนามบัตรเก่ามาใช้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรแก้ไขข้อมูลตามความเหมาะสม เช่นใช้ปากกาลบหรือเขียนฆ่า แต่ต้องอธิบายสถานการณ์ให้ผู้รับได้ฟังอย่างเข้าใจ เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ขององค์กร
นี่คือเรื่องสำคัญมาก เพราะบางคนเลือกให้นามบัตรแบบขอไปที เนื่องจากคิดว่าจะไม่มีใครติดต่อกลับมา ทั้งที่ความจริงแล้วข้อมูลที่ถูกต้อง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นมืออาชีพ ห้ามละเลยเด็ดขาด
ขณะเดียวกันหากเป็นนามบัตรภาษาต่างประเทศ ก็ต้องตรวจเช็คแกรมม่าให้ถูกต้อง ไม่ใช้เครื่องมือแปลภาษาเพียงอย่างเดียว ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แน่ใจว่าเราสื่อสารออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ให้คิดว่ายิ่งเป็นมืออาชีพเท่าไหร่ ก็ยิ่งเปิดโอกาสทางธุรกิจให้เรามากขึ้นเท่านั้น
นามบัตรที่ออกแบบเลอะเทอะไร้ชั้นเชิงเกินไป
ไม่แปลกหากคุณต้องการออกแบบนามบัตรให้โดดเด่นที่สุด แต่อย่าลืมว่านามบัตรคือสิ่งที่สะท้อนตัวตนของผู้ให้ หากเราดีไซน์อย่างไร้ระเบียบ ก็จะสะท้อนให้เห็นว่าเราไม่มีศักยภาพในการตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุด แถมอะไรก็ตามที่มากเกินไปมักออกมาเละเทะมากกว่าสวยงาม
นามบัตรที่ดีจึงต้องออกแบบตามความเหมาะสม สะท้อนถึงตัวตนและอัตลักษณ์ของบริษัท โดยไม่ลืมว่าเป้าหมายสำคัญของมันคือการให้ข้อมูลติดต่อที่ละเอียดและชัดเจน เข้าถึงได้ง่ายที่สุด ในที่นี้การเลือกรูปแบบตัวอักษร (font) ก็มีความสำคัญไม่แพ้กับการเลือกสีหรือรูปทรงด้วยซ้ำ
นามบัตรที่ให้ข้อมูลมากเกินไป
ลองนึกดูว่าหากคุณได้นามบัตรมาสักใบหนึ่ง และนามบัตรนั้นเต็มไปด้วยตัวหนังสือ ไม่รู้ว่าจุดที่ต้องโฟกัสที่สุดคืออะไร ก็มีโอกาสที่ผู้อ่านจะทิ้ง และหันไปสนใจนามบัตรอื่นที่มีโอกาสมากกว่า กรณีนี้หากเกิดขณะที่คู่แข่งยื่นนามบัตรมาเหมือนกัน ก็มีโอกาสสูงมากที่เราจะถูกมองข้ามเพราะไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนพอ
ดังนั้นให้คิดว่าการสรุปทุกอย่างให้อยู่ในนามบัตรอย่างกระชับที่สุด ถือเป็นทักษะหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงฝีมือของคนทำงานเช่นกัน
นามบัตรที่มีข้อมูลน้อยเกินไป
ในทางกลับกัน นามบัตรที่มีข้อมูลน้อยเกินไปก็ไม่เกิดประโยชน์ บางองค์กรอาจให้ความสำคัญกับรูปร่างของนามบัตรหรือการออกแบบจนเกินไป เหมือนกับลืมไปว่าเป้าหมายที่แท้จริงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อคืออะไร เราสามารถถามความเห็นจากคนจำนวนมากก็ได้ว่านามบัตรที่ออกแบบนั้นให้ข้อมูลที่ครบถ้วนดีแล้วหรือไม่ เมื่อได้คำตอบที่พอใจจึงค่อยสั่งผลิต
นามบัตรที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม
องค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องครีเอทีฟ อาจพยายามหาแนวทางสร้างสรรค์นามบัตรที่โดดเด่นน่าตื่นตาตื่นใจที่สุด โดยลืมคิดไปว่านามบัตรนั้นมีความหยาบคาย ไม่เหมาะสมกับบริบทของสังคมหรือไม่ องค์กรที่ดีต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ในภาพรวมเสมอ ต้องทำให้พนักงานรู้สึกภูมิใจที่ได้ส่งมอบนามบัตรออกไป และทำให้ผู้รับรู้สึกเป็นเกียรติไปพร้อม ๆ กัน ต้องคิดเสมอว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจหรือรู้จักเรามาก่อน ดังนั้นในการออกแบบนามบัตรทุกครั้ง ให้คิดถึงบรรทัดฐานของสังคมเสมอ
นามบัตรที่ถูกมอบผิดเวลา
ไม่ว่าเราจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาจากไหน แต่การให้นามบัตรในเวลาที่ไม่เหมาะสมมีแต่จะสร้างความรำคาญ หรือหากอีกฝ่ายรับ ก็รับเพราะเสียไม่ได้ หรือตามมารยาทมากกว่า ตัวอย่างเวลาที่ไม่เหมาะสมเช่นตอนที่อีกฝ่ายกำลังพูดคุยกับคนอื่น, ตอนที่กำลังประชุมกับลูกค้ารายอื่น หรือในเวลาส่วนตัวที่เราเข้าไปแทรกกลางอย่างพร่ำเพรื่อ
เวลาที่เหมาะกับการให้นามบัตรคือหลังการพูดคุยที่ได้ทำความรู้จักกันเบื้องต้นแล้ว หรือในช่วงก่อนเข้าร่วมประชุม วิธีคิดคือมันควรเป็นเวลาว่างที่ทุกฝ่ายสามารถให้เวลาในการพูดคุยได้บ้าง ไม่ใช่เวลาที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบจนไม่มีใครให้ความสำคัญกับการแลกนามบัตร
การยื่นผิดเวลาจะส่งผลก็ความน่าเชื่อถือ ทำให้องค์กรต้องเจอกับความเสียหายทางธุรกิจได้เลย
นามบัตรที่ใช้กระดาษผิดประเภท
นี่คือเรื่องที่หลายคนมองข้ามเช่นกัน เพราะนอกจากเนื้อหาที่สมบูรณ์และดีไซน์ที่สวยงามแล้ว การเลือกกระดาษที่เหมาะสม เก็บรักษาไว้ได้นานก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้ เพราะหากนามบัตรของเราฉีกขาด หรือตัวหนังสือเลือนหายในเวลาที่ลูกค้าต้องการ เราก็จะพลาดโอกาสทางธุรกิจตามไปด้วย
หรือหากเราทำธุรกิจกับบริษัทที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและเลือกใช้กระดาษที่ช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ ก็จะช่วยแสดงออกถึงความใส่ใจ น่าเชื่อถือ และช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับเราได้เช่นกัน
เคล็ดลับการให้นามบัตร (Business Card) ที่พนักงานต้องรู้
แต่ละพื้นที่มีธรรมเนียมเกี่ยวกับนามบัตรแตกต่างกันไป แต่เบื้องต้นก็คือการรับ – ส่งนามบัตรด้วยสองมือ ไม่ลืมอ่านชื่อของผู้มอบนามบัตร เป็นต้น ผู้ที่สนใจสามารถดูเคล็ดลับอื่น ๆ ได้ที่นี่
พกนามบัตรติดตัวเสมอและนำเผื่อไปด้วยทุกครั้ง
เราไม่มีทางรู้เลยว่านอกเหนือจากคนที่นัดหมายแล้ว จะมีโอกาสเจอคนอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจอีกหรือไม่ แนวคิดของเรื่องนี้คือการมองว่าคนในแบบที่เราต้องการ ซึ่งเป็นคนแบบเดียวกับเรา ย่อมมีโอกาสอยู่ในที่ ๆ เราจะไปเสมอ ดังนั้นเราไม่ควรปล่อยโอกาสให้หลุดลอยเพียงเพราะว่าเราลืมเอานามบัตรไป บอกเลยว่าจะไปกินข้าว ไปเล่นกีฬา ไป Shopping หรือแม้แต่ไปต่างประเทศ การมีนามบัตรติดตัวจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้มากอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ !
ให้นามบัตรกับคนที่สนใจเราเป็นหลัก
นามบัตรไม่ใช่สิ่งที่ควรมอบให้ทุกคนอย่างพร่ำเพรื่อ เพราะนามบัตรทุกใบมีต้นทุน การให้กับคนที่ไม่น่าจะติดต่อกลับมาแน่ ๆ เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรของบริษัทโดยใช่เหตุ ห้ามคิดแค่ว่ายิ่งมอบนามบัตรออกไป ก็จะยิ่งเปิดโอกาสให้องค์กรได้เข้าถึงคนจำนวนมากขึ้นเด็ดขาด เพราะหากเราให้นามบัตรไปกับคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราเลย ก็มีโอกาสน้อยมากที่เขาจะติดต่อกลับมา ไม่คุ้มค่าต่องบประมาณและเวลาที่เราเสียไป ในที่นี้ต้องอ้างอิงตามความเหมาะสมและการมีมารยาทที่ดี
ติดตามผลของการแลกนามบัตรเสมอ
เมื่อเรามอบนามบัตรให้กับคนที่มีท่าทีสนใจ อย่าลืมขอนามบัตรของเขากลับมาเช่นกัน จากนั้นให้เราติดต่อกลับไปสอบถามถึงสินค้าของพวกเขา วิธีนี้เป็นเหมือนการสอบถามทางอ้อมว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรต่อผลิตภัณฑ์ของเรา
หาการอบรมที่ใช่และเหมาะกับองค์กรได้ที่ HR Products & Services
การแลกนามบัตรเป็นเพียงอีกเรื่องหนึ่ง ที่พนักงานควรศึกษาวิธีให้ถูกต้อง เป็นความรู้รอบตัวที่จะช่วยให้เราได้เปรียบในการทำงาน ถือเป็นสกิลติดตัวที่จำเป็น ไม่ต่างจากความรู้เรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร (Table Manners) ซึ่งจำเป็นมากในยุคที่คนทั่วโลกใกล้ชิดกันได้ง่ายกว่าที่เคย เพราะคงไม่ดีแน่หากเราไปญี่ปุ่นและลืมเอานามบัตรไป หรือไปคุยกับลูกค้าชาวฝรั่งเศสที่ร้านอาหาร แต่ไม่รู้ว่าอุปกรณ์ที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวมีหน้าที่อะไรบ้าง เรื่องพื้นฐานเหล่านี้ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของเราทั้งสิ้น
ดังนั้นหน้าที่ของ HR จึงไม่ใช่แค่การช่วยเหลือให้พนักงานมีทักษะทางวิชาการเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงทักษะการเข้าสังคม, ทักษะการสื่อสาร ตลอดจนการวางตัวต่อหน้าคนหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการเรียนรู้ที่ถูกต้อง โดยคุณสามารถหาได้จากบริการ HR Products & Services ของ HREX.asia ไม่ว่าคุณต้องการวิธีอบรมในด้านไหน ที่นี่มีครบ คลิกเลย
บทสรุป
การคงอยู่ของนามบัตร คือข้อพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีไม่ใช่คำตอบของทุกอย่างเสมอไป แต่เป็นทักษะของคนในการประยุกต์และเลือกใช้สิ่งที่จำเป็นกับงานมากที่สุดต่างหาก
การเลือกที่ดีนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายบุคคลมีความรู้มากพอ และสามารถดึงประโยชน์จากทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตามการใช้นามบัตรแบบดิจิทัลก็ไม่ได้เป็นข้อเสียอะไร ตราบใดที่ตั้งอยู่บนสถานการณ์ที่เหมาะสม เช่นในช่วงที่เกิดโควิด-19 ที่การแลกเปลี่ยนของส่วนตัวเป็นเรื่องเสี่ยงอันตราย เป็นต้น
ในโลกที่ทุกคนเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้น และสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการได้เพียงปลายนิ้ว สิ่งที่จะตัดสินและสร้างความแตกต่างระหว่างธุรกิจแต่ละแห่งก็คือเรื่องของรายละเอียดและความเป็นมืออาชีพ ซึ่งความรู้ในเรื่องนามบัตรที่ถูกต้อง ถือเป็นแง่มุมสำคัญที่จะช่วยให้เรามีความโดดเด่นและสะท้อนตัวตนในด้านบวกออกไปสู่สาธารณะ เรื่องเล็กน้อยแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ หากต้องการเป็นองค์กรที่พัฒนาได้อย่างยั่งยืน