5 หนังที่ HR ควรดู เพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง (Part 1)

HIGHLIGHT

  • บทเรียนสำคัญในการประกาศเลิกจ้าง คือการสื่อสารอย่างจริงใจ เข้าอกเข้าใจ และเอาใจใส่ มิใช่การบอกเลิกจ้างผ่านออนไลน์แบบไร้เยื้อใย
  • การมีความรู้ด้าน Big Data ก็จะช่วยให้ HR ตัดสินใจด้านทรัพยากรบุคคลมีความถูกต้อง เที่ยงตรง ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการตัดสินใจทางธุรกิจในยุคดิจิทัล
  • ถ้าผู้นำเข้มแข็ง องค์กรก็จะเผชิญหน้ากับทุกความขัดแย้งได้ทุกสถานการณ์
  • วิกฤตเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุม ทว่าสิ่งที่จะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ก็คือวิสัยทัศน์และการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของผู้นำ
  • Employee Recognition มีได้ทั้งเรื่องเล็ก ๆ อย่างการกล่าวขอบคุณ ไปจนถึงเรื่องใหญ่อย่างการประกาศรางวัล แต่สิ่งหนึ่งที่ให้ผลลัพธ์เหมือนกันก็คือ มันได้สร้างแรงจูงใจในการทำงานครั้งยิ่งใหญ่ให้กับพนักงานทุกคน

เพราะภาพยนตร์เป็นมากกว่าความบันเทิง หนังเรื่องหนึ่งสามารถเป็นเครื่องมือแห่งการเรียนรู้ได้ ผ่านเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาตรง ๆ หรือเป็นเพียงนัยยะแฝงที่สอดแทรกเข้ามาให้คนดูตีความ บ้างเป็นบทเรียนชีวิต บ้างเป็นบทเรียนทางธุรกิจที่เราสามารถนำมาประยุกต์ได้จริง กระทั่งมหาวิทยาลัยหรือบริษัทต่าง ๆ ก็ยังใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อการเรียนการสอนเลย

หนังจึงสามารถแนะนำเรื่องการใช้ชีวิต การเป็นผู้นำ การใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ การจัดการ การบริหาร หรือการเข้าอกเข้าใจผู้อื่น

วันนี้ HREX จึงได้รวบรวม 5 หนัง ที่ HR ควรดู เพื่อเรียนรู้และการพัฒนาตัวเองของฝ่ายทรัพยากรบุคคลมาให้ชมกัน 

1. Up in the Air (2009)

วันนี้ HR NOTE.asia จึงได้รวบรวม 5 หนัง ที่ HR ควรดู เพื่อเรียนรู้และการพัฒนาตัวเองของฝ่ายทรัพยากรบุคคลมาให้ชมกัน

เรื่องย่อ

ประเดิมเรื่องแรกกับภาพยนตร์ที่ไม่อยู่ในลิสต์นี้ไม่ได้ กับ Up in the Air (2009) เรื่องราวของ “ไรอัน” หนุ่มโสดผู้ทำอาชีพไล่คนออกจากบริษัท โดยเขาจะเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังบริษัทลูกค้าที่ไม่กล้าไล่ลูกจ้างด้วยตัวเอง ไรอันจึงรับหน้าที่เปรียบเสมือนตัวกลางระหว่างบริษัทกับลูกจ้างในการไล่คนออกนั่นเอง

ขณะเดียวกันเขาก็ต้องรับมือกับพนักงานสาวรุ่นใหม่ “นาตาลี” ที่พยายามผลักดันให้บริษัทเปลี่ยนรูปแบบเป็นการไล่คนออกผ่านระบบวิดีโอคอลออนไลน์แทน ไรอันจึงต้องทำให้เธอเห็นว่า การไล่ออกนั้นมีความละเอียดอ่อนและผลกระทบมากกว่าที่เธอคิด

ทำไม HR ต้องดู

สำหรับ HR การไล่พนักงานออกเป็นเรื่องยากเสมอ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่องค์กรกำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ยิ่งปัจจุบันที่ทุกคนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้หลายบริษัทเลือกที่จะลดขนาดองค์กรลง เราจึงหลีกเลี่ยงได้ยากที่จะต้องแจ้งพนักงานถึงการเลิกจ้าง

นอกเหนือจากความสนุกของเรื่องราว ประเด็นความสัมพันธ์ของตัวละคร และความยอดเยี่ยมของหนังที่เข้าชิง 6 สาขารางวัลออสการ์ Up in the Air ยังแสดงให้เห็นถึงบทเรียนสำคัญในการประกาศเลิกจ้าง เน้นย้ำถึงการสื่อสารอย่างจริงใจ เข้าอกเข้าใจ และเอาใจใส่พนักงานที่เป็นมนุษย์ มิใช่การบอกเลิกจ้างผ่านออนไลน์แบบไร้เยื้อใย เพราะการถูกเลิกจ้างส่งผลกระทบมหาศาลต่อจิตใจพนักงาน พลันให้นึกถึงข่าวดังช่วงต้นเดือนธันวาคม 2021 เมื่อผู้บริหารบริษัทสินเชื่อที่พักอาศัยในสหรัฐฯ ไล่พนักงานออกรวดเดียว 900 คน ผ่าน Zoom ทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม

ท้ายที่สุดหนังยังสะท้อนประโยคคลาสสิกที่บอกกว่า พนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้ลาออกเพราะงาน แต่ลาออกเพราะคน เนื่องจากพวกเขาอาจไม่พึงใจต่อเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างาน มิใช่ไม่ใช่พอใจองค์กรนั่นเอง

Up in the Air จึงเป็นหนังน้ำดีที่คนทำงานไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ควรดู

 

2. Moneyball (2011)

วันนี้ HR NOTE.asia จึงได้รวบรวม 5 หนัง ที่ HR ควรดู เพื่อเรียนรู้และการพัฒนาตัวเองของฝ่ายทรัพยากรบุคคลมาให้ชมกัน

เรื่องย่อ

ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของ “บิลลี่ บีน” ผู้จัดการทั่วไปของทีมเบสบอล Oakland Athletics ช่วงปี 2002 เมื่อลูกทีมคนเก่งเริ่มทยอยลาออกไปอยู่กับทีมใหญ่เงินหนา พร้อม ๆ กับการถูกบังคับให้สร้างทีมใหม่ด้วยงบประมาณอันน้อยนิด

ทว่าบีนได้รับความช่วยเหลือจาก “ปีเตอร์ แบรนด์” นักเศรษฐศาสตร์หนุ่มจากเยลที่เสนอวิธีการจัดหาผู้เล่นด้วยรูปแบบใหม่ ด้วยการนำสถิติแบบที่วงการเบสบอลไม่เคยนำมาใช้มาก่อน เช่น ไม่ได้ผู้เล่นที่ตีดีที่สุด แต่หาผู้เล่นที่เรียกฟาวล์ได้มากที่สุด ฯลฯ เกิดเป็นทีมเบสบอลที่รวมพลคนแปลก แต่ค่าตัวถูก ซึ่งถึงแม้จะเป็นทีมที่เล่นไม่เพอร์เฟ็ค แต่ก็ได้สร้างสถิติชนะ 20 เกมต่อเนื่องกันใน Major league สมัยนั้น นำมาซึ่งการเปลี่ยนวิธีการคัดตัวผู้เล่นใหม่ตลอดกาล

ทำไม HR ต้องดูหนังเรื่องนี้

แม้ภายนอกจะดูเป็นหนังกีฬามันส์ ๆ แต่จริง ๆ แล้ว Moneyball โฟกัสไปที่วิธีการสร้างทีมให้ประสิทธิภาพสูงผ่านการใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์อย่างแยบยล แทนที่จะพึ่งพาสัญชาตญาณของมนุษย์เป็นหลัก จะเห็นว่าบิลลี่ บีน ได้ท้าทายวิธีการจัดทีมแบบดั้งเดิม แล้วเชื่อพลังของข้อมูลเพื่อรวบรวมนักแข่งในแบบที่เขาต้องการเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ HR หรือองค์กรนำไปประยุกต์ใช้ระหว่างสรรหาพนักงานใหม่ได้

แน่นอนว่ากระบวนการสรรหาพนักงานใหม่ล้วนต้องใช้เงินและเวลาเป็นอย่างมาก หากแต่ปัจจุบันเราสามารถสรรหาพนักงานรูปแบบใหม่ได้ผ่าน HR Tech ที่ตอบโจทย์กว่า เช่น SourcedOut แพลตฟอร์มดิจิทัลที่เชื่อมบริษัทกับนักสรรหามืออาชีพโดยตรง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการสรรหากว่า 30% – 50% เมื่อเทียบกับบริษัทจัดหางานทั่วไป

นอกจากนี้หนังยังตอกย้ำถึงความสำคัญของข้อมูลในการทำ HR Analytics หรือการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่สำคัญ สามารถนำมาทำแผนกลยุทธ์ด้าน HR ให้สอดคล้องกับองค์กร ผ่านเป็นการรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อคาดการณ์ผลที่จะเกิดในอนาคต และการนำเสนอข้อมูลอย่างเป็นระบบด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือทางสถิติ ซึ่งใช้ประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารได้

ฉะนั้นการมีความรู้ด้าน Big Data ก็จะช่วยให้ HR ตัดสินใจด้านทรัพยากรบุคคลมีความถูกต้อง เที่ยงตรง ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการตัดสินใจทางธุรกิจในยุคดิจิทัล

3. Invictus (2009)

วันนี้ HR NOTE.asia จึงได้รวบรวม 5 หนัง ที่ HR ควรดู เพื่อเรียนรู้และการพัฒนาตัวเองของฝ่ายทรัพยากรบุคคลมาให้ชมกัน

เรื่องย่อ

อีกหนึ่งหนังเกี่ยวกับกีฬาที่มีเนื้อหาเข้มข้นมากกว่าการแข่งขัน สร้างจากเรื่องจริงของ “เนลสัน แมนเดล่า” อดีตนักเคลื่อนไหวต่อต้านการแบ่งแยกสีผิวคนสำคัญ ที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวหลังจากติดคุกมานาน 27 ปีจากความขัดแย้งการแบ่งชนชั้นทางสีผิว

ครั้นถึงการเลือกตั้ง แมนเดล่าได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นจนได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีผิวสีคนแรกแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ทำให้เขาเริ่มดำเนินการรวมชาติ ขจัดความขัดแย้งทางสีผิว ผ่านนโยบายและการกระทำต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือการสร้างนำทีมกีฬารักบี้ (ซึ่งเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมหมู่คนขาว) เข้าแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกที่ตัวเองเจ้าภาพ ด้วยความหวังว่าชัยชนะของทีมก็คือชัยชนะของประเทศ ที่จะขจัดทุกความขัดแย้งลงได้

ทำไม HR ต้องดูหนังเรื่องนี้

เอาจริงไม่ต้องดูผ่านภาพยนตร์ หลายคนก็คงรู้จักเนลสัน แมนเดล่า กันมาบ้างแล้ว ในฐานะสุดยอดผู้นำที่สามารถพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งจากการแบ่งแยกสีผิวมาได้ด้วยความสันติ นับเป็นแรงบันดาลใจชั้นดีที่ใครต่อใครต่างชื่นชม โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะขยายทักษะความเป็นผู้นำในการรับมือกับความขัดแย้งให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งท่าทีบุคลิก การมองโลกในแง่ดี การวางตัว และการตัดสินใจ

ในองค์กรก็เช่นกัน เหล่าผู้นำ ผู้บริหาร หรือแม้กระทั่ง HR ก็มักเป็นตำแหน่งที่ต้องเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่งหากเราเลือกวิธีการที่ผิดพลาดก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นไปอีก ฉะนั้นเราต้องเทคนิคในการสื่อสารภายใน และสร้างการมีส่วนรวมของพนักงานให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญคือต้องมองโลกในแง่ดี เพราะทุกปัญหามีทางออกเสมอ

ฉะนั้นถ้าผู้นำเข้มแข็ง องค์กรก็จะเผชิญหน้ากับทุกความขัดแย้งได้ทุกสถานการณ์เลย

4. Apollo 13 (1995)

วันนี้ HR NOTE.asia จึงได้รวบรวม 5 หนัง ที่ HR ควรดู เพื่อเรียนรู้และการพัฒนาตัวเองของฝ่ายทรัพยากรบุคคลมาให้ชมกัน

เรื่องย่อ

ยังคงเลือกภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงมาอยู่ในลิสต์ กับเหตุการณ์ของกลุ่มนักบินอวกาศบนยาน Apollo 13 ที่ประสบกับชะตากรรมวิกฤตหลังปล่อยตัว เมื่อถังออกซิเจนเกิดประกายไฟจนเกิดระเบิด ทำให้ชีวิตของเหล่านักบินอวกาศตกอยู่ในสถานการณ์คอขาดบาดตาย แถมยังต้องประหยัดพลังงานด้วยการปิดอุปกรณ์เกือบทุกระบบ

แต่ด้วยระยะทางที่ไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ ลูกเรือต้องขับเคลื่อนยานหลักโดยใช้แรงดึงดูดของดวงจันทร์​ เหวี่ยงยานกลับมาสู่โลก โดยต้องเปิดการทำงานเครื่องยนต์เป็นระยะเวลา 14 วินาที ไม่ขาดไม่เกิน ห้ามผิดพลาด เพราะนั่นอาจหมายถึงชีวิต 

ทำไม HR ต้องดูหนังเรื่องนี้

วิกฤตเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุม ทว่าสิ่งที่จะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ก็คือวิสัยทัศน์และการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของผู้นำ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ยาน Apollo 13 ที่ความเป็นความตายเกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่วินาทีเท่านั้น

ในโลกการทำงานก็เช่นกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาปัจจุบันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เราจะเห็นว่ามีหลายองค์กรที่รอดพ้นมาได้ และหลายองค์กรที่ล้มหายตายจากไป สิ่งนี้เกิดจากไหวพริบและการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของผู้นำในการรับมือกับสถานการณ์วิกฤต

ยิ่งไปกว่านั้น ยาน Apollo 13 ยังรอดพ้นมาได้เพราะการทำงานร่วมกันของทีม เมื่อวิกฤตเกิดขึ้น ไม่มีใครกล่าวโทษซึ่งกันและกัน ทว่ากลับช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกันแทน นำมาซึ่งการรอดพ้นจากโศกนาฏกรรมครั้งนี่ เพราะทุกคนมีเป้าหมายสำคัญเดียวกันก็คือ การกลับสู่โลกอย่างปลอดภัยนั่นเอง

5. Office Space (1999)

วันนี้ HR NOTE.asia จึงได้รวบรวม 5 หนัง ที่ HR ควรดู เพื่อเรียนรู้และการพัฒนาตัวเองของฝ่ายทรัพยากรบุคคลมาให้ชมกัน

เรื่องย่อ

ปิดท้าย Part 1 ด้วยภาพยนตร์คอเมดี้เบาสมองที่น่าจะบันเทิงที่สุดในลิสต์ ว่าด้วยเรื่องชีวิตพนักงานออฟฟิศที่เกลียดงานตัวเองแบบเข้าไส้ หลังจากบริษัทปลดพนักงานออก ทำให้ “ปีเตอร์” ไม่พอใจกับการตัดสินใจครั้งนั้น เขาจึงรวมหัวกับสองโปรแกรมเมอร์ ปล่อยไวรัสเพื่อดูดเศษเงินบริษัททีละนิด ๆ ก่อนจะเจอสถานการณ์พลิกผันที่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายมากขึ้น 

ทำไม HR ต้องดูหนังเรื่องนี้

ศูนย์รวมสิ่งที่พนักงานออฟฟิศรังเกียจ หาดูได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอาไหน สภาพแวดล้อมออฟฟิศที่ไร้ระเบียบ อุปกรณ์สำนักงานที่ไม่อำนวย หรือกระบวนการทำงานที่บั่นทอนจิตใจ ฯลฯ กล่าวง่าย ๆ ก็คือ นี่คือภาพยนตร์ที่ HR ควรดูแล้วไม่ควรทำตาม หรือปล่อยให้เกิดขึ้นในบริษัทของตัวเอง โดยเฉพาะประเด็นที่พนักงานเกลียดงานตัวเองหรือ หมด Passion HR ก็ควรเข้ามาสนับสนุนหรือแก้ไขปัญหา

หนึ่งในเทคนิคที่ทำได้ง่ายมาก ๆ ก็คือ Employee Recognition หรือการให้ความสำคัญพนักงาน แต่กลับให้ผลลัพธ์ทางจิตใจแบบประเมินค่าได้

ทั้งนี้ Employee Recognition มีได้ทั้งเรื่องเล็ก ๆ อย่างการกล่าวขอบคุณ ไปจนถึงเรื่องใหญ่อย่างการประกาศรางวัล แต่สิ่งหนึ่งที่ให้ผลลัพธ์เหมือนกันก็คือ มันได้สร้างแรงจูงใจในการทำงานครั้งยิ่งใหญ่ให้กับพนักงาน เพราะเมื่อพนักงานรับรู้ได้ถึงคุณค่า พวกเขาก็จะมีส่วนร่วม มีแรงจูงใจ และมีแนวโน้มทุ่มเทการทำงานให้กับบริษัทมากขึ้น แล้วพนักงานทุกคนก็จะขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างพร้อมเพรียงกัน

บทสรุป

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ที่น่าสนใจสำหรับ HR ที่เราได้รวบรวมมา ยังมีภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่ควรค่าแก่รับชม ซึ่งเราจะพูดถึงใน 5 หนัง ที่ HR ควรดู เพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง (Part 2) ต่อไป

ผู้เขียน

Sahatorn Petvirojchai

Sahatorn Petvirojchai

Manager of HREX.asia who works in media platforms for a long time. Interested in Global Culture, Marketing, and Self Development.

บทความที่เกี่ยวข้อง