Workation ทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย เทรนด์ใหม่ที่ทุกองค์กรต้องปรับตัว

HIGHLIGHT

  • Workation หรือ Workcation คือรูปแบบการทำงานที่ทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย เป็นรูปแบบการทำงานที่เลือกได้ว่าจะทำงานจากที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ โดยมาจากคำว่า WORK (ทำงาน) + VACATION (ท่องเที่ยว)
  • รายงานของ Booking.com ในปี 2020 ที่เก็บสำรวจจากนักเดินทาง 20,000 คนจาก 28 ประเทศทั่วโลกพบว่า 37% ของผู้เดินทางทั่วโลกตัดสินใจเดินทางไปที่อื่นเพื่อทำงานตามแบบฉบับ Workation
  • Workation มีข้อดีสำหรับพนักงานมากมาย เช่น การเปลี่ยนบรรยากาศช่วยสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และไม่ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ลดระดับความเครียด และจัดสรรเวลาทำงานได้อย่างอิสระ
  • ขณะที่องค์กรสามารถออกนโยบาย Workation แบบหมู่คณะ เพื่อสร้าง Team Building ให้เกิดขึ้นในองค์กรได้

Workation ทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้เปลี่ยนกระบวนการทำงานของมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิง และหนึ่งในนั้นคือการเกิดขึ้นของ Workation หรือ Workcation เทรนด์การทำงานแบบใหม่ที่เปลี่ยนสถานที่ท่องเที่ยวให้กลายเป็นที่ทำงาน ผ่านการเที่ยวไปด้วย ทำงานไปด้วย ตามผลกระทบของรูปแบบ Work From Anywhere

ในฐานะคนทำงานย่อมเป็นเรื่องดีที่อิสระมากขึ้น ขณะที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือ HR ผู้ต้องรับหน้าที่ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์กลับต้องคิดหนักว่าจะรับมือกับเทรนด์การทำงานรูปแบบนี้ยังไง เพื่อรักษาความมีส่วนร่วมและความผูกพันกับองค์กรให้คงอยู่ พร้อมทั้งรักษาประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีเหมือนเดิม

บทความนี้จึงจะพูดถึงเทรนด์ Workation ที่เกิดขึ้นว่าจะกระทบองค์กรอย่างไรบ้าง ข้อดี-ข้อเสียของ Workation ประโยชน์ของ Workation ต่อพนักงาน และการปรับตัวที่องค์กรต้องเข้าใจ

Workcation คืออะไร

อธิบายแบบง่าย ๆ Workation คือรูปแบบการทำงานที่ทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย เป็นรูปแบบการทำงานที่เลือกได้ว่าจะทำงานจากที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ เป็นการทำงานที่อิสระเช่นเดียวกับ Work From Anywhere เพียงแต่ว่า Workation จะอนุญาตให้พนักงานท่องเที่ยวพักผ่อนไปในเวลาเดียวกัน ไม่ได้นั่งทำงานเคร่งเครียดอย่างเดียว

คำว่า Workation หรือ Workcation  มาจาก WORK (ทำงาน) + VACATION (ท่องเที่ยว) เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นมาสักระยะแล้ว เพียงแต่ว่าในประเทศไทยอาจจะยังไม่คุ้นชินเท่าไหร่เพราะยังเป็นเรื่องใหม่ โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้ทุกองค์กรปรับเปลี่ยนการทำงานจากการเข้าออฟฟิศเป็นทำงานที่ไหนก็ได้แทน พนักงานจึงเลือกทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วยกันมากขึ้น

ทำไม Workation กลายเป็นเทรนด์ในการทำงานยุคใหม่

Workation ทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย

หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ไปทั่วโลก ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่กันหมด รวมไปถึงวิถีการทำงานที่กลายมาเป็น Work at Home อย่างไรก็ตาม การทำงานที่บ้านเพียงอย่างเดียวก็มีข้อเสียตามมามากมายเช่นกัน เช่น ประเด็นทางจิตใจที่ห่อเหี่ยว ความไม่สะดวกภายในบ้าน หรือแม้กระทั่งภาระหน้าที่อื่นที่ต้องทำ ฯลฯ ซึ่งหลังจากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายและหลายคนได้รับวัคซีนมากขึ้น ทำให้เกิดการต่อยอดเป็น Work From Anywhere สอดรับกับเทรนด์ Workation ที่มีมานานในประเทศมาก่อนแล้ว กลายเป็นว่า Workation ก็ได้รับการพูดถึงในวงกว้างมากขึ้น

เช่นเดียวกับรายงานของ Booking.com ในปี 2020 ที่เก็บสำรวจจากนักเดินทาง 20,000 คนจาก 28 ประเทศทั่วโลกพบว่า 37% ของผู้เดินทางทั่วโลกตัดสินใจเดินทางไปที่อื่นเพื่อทำงานแบบฉบับ Workation โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาที่ตัวเลขสูงที่สุดถึง 42% จากผลสำรวจทั้งหมด

เทรนด์ดังกล่าวทำให้หลายประเทศริเริ่มนโยบายเพื่อสนับสนุนการ Workcation นักท่องเที่ยว (และคนทำงาน) จากชาติอื่นมากขึ้น ยกตัวอย่าง ประเทศดูไบที่เปิดโครงการวีซ่า 12 เดือนสำหรับผู้ที่จะเข้ามา พร้อมทั้งสนับสนุนและบริการการใช้ co-working spaces อย่างเต็มที่ เพื่อดึงดูดคนเข้ามาในประเทศ

ประกอบกับข่าวในปี 2021 ที่ Holidu’s Workation Index จัดอันดับเมืองที่เหมาะสำหรับ Workation มากที่สุดประจำปี 2021 (The Best Citities for a Workation 2021) ซึ่งอันดับที่ 1 ก็คือ กรุงเทพมหานคร นี่เอง กระทั่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ริเริ่มโครงการ Workation Thailand ทำงานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศเลยทีเดียว

10 อันดับเมืองที่เหมาะสำหรับ Workation ที่สุดในโลก ปี 2021

  1. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
  2. นิวเดลี ประเทศอินเดีย
  3. ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
  4. บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
  5. บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
  6. บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
  7. มุมไบ ประเทศอินเดีย
  8. อิสตันบูล ประเทศตุรกี
  9. บูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย
  10. ภูเก็ต ประเทศไทย

ที่มา: mgronline.com

 

ข้อดีและข้อเสียของ Workcation

ข้อดีของ Workation

  • การเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานช่วยสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และไม่ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย
  • มองเห็นงานในอีกมุมมองซึ่งจะช่วยให้พัฒนาปรับปรุงงานตัวเองให้ดีขึ้น
  • ช่วยลดระดับความเครียดโดยไม่ต้องลางาน
  • จัดสรรเวลาทำงานได้อย่างอิสระ
  • สามารถพบปะผู้คนใหม่ ๆ ที่ทำงานในลักษณะ ตำแหน่ง หรือรูปแบบคล้าย ๆ เพื่อเรียนรู้และปรึกษาซึ่งกันและกัน
  • ได้พบวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้
  • ประสบการณ์การเดินทางจะทำให้เติบโตในชีวิตส่วนตัว
  • มีผลงานวิจัยมากมายที่บอกว่า การทำงานทางไกลช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานได้
  • หากพนักงาน Workcation ด้วยกันเป็นหมู่คณะ ก็จะสร้างทีมสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นได้
  • เป็นแรงจูงใจชั้นดีในการดึงดูดผู้สมัครงานใหม่และรักษาพนักงานเดิมในการอยู่ต่อกับองค์กรของเรา

ข้อเสียของ Workation

  • ไม่ใช่ทุกงาน ทุกตำแหน่งที่สามารถ Workcation ได้ โดยเฉพาะงานบริการและงานที่ต้องใช้กำลัง
  • อาจไม่เหมาะสำหรับบางคน โดยเฉพาะคนที่ต้องการสมาธิในการทำงานแบบไม่มีสิ่งรบกวน
  • มีค่ายใช้จ่ายในการเดินทาง รวมไปถึงความต้องการทางเทคโนโลยี เช่น สัญญาอินเทอร์เน็ตไวไฟ, คอมพิวเตอร์แลปท็อป หรือแม้กระทั่งวีซ่าหากจะเดินทางไป Workation ต่างประเทศก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเช่นกัน
  • การติดต่อสื่อสารลำบากหากไม่มีเทคโนโลยีรองรับ โดยเฉพาะการประชุมออนไลน์ที่มักจะสร้างปัญหามากกว่าประสบผลสำเร็จ
  • การทำงานอาจทำลายความรู้สึกพักผ่อน จนไม่สามารถผ่อนคลายหรือสนุกกับ Workcation ได้อย่างเต็มที่  ฉะนั้นหากแบ่งเวลาการทำงานไม่ได้ ก็จะสูญเสียเวลาอันมีค่านี้ไป

Workation เป็นเครื่องมือในการสร้าง Team Building ได้

Workation ทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย

Workation ไม่จำเป็นต้องให้ต่างคนต่างไป องค์กรเองก็สามารถจัดนโยบาย Workcation ได้แบบบหมู่คณะ เพื่อให้พนักงานในองค์กรสามารจัดกลุ่มไปทำงานกันเองได้อิสระ เครื่องมือนี้แตกต่างจาก Company Outings ที่ลักษณะแกมบังคับ และเป็นการไปเพื่ออบรม สังสรรค์ หรือทำกิจกรรมมากกว่านั่งทำงานจริง ๆ

ทั้งนี้ หากองค์กรต้องการ Workation เพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างทีมสัมพันธ์ เรามีเหตุผลหลัก ๆ 6 ข้อมาช่วยสนับสนุนให้องค์กรของคุณน้อมรับนโยบาย Workation ไปพิจารณาดังนี้

1. พนักงานจะรู้จักกันมากขึ้น

การเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกันจะสร้างโอกาสให้พนักงานเปิดใจ ซึ่งถึงแม้จะมีงานวิจัยบอกว่า การมี “เพื่อน” ในที่ทำงานจะเพิ่มระดับความพึงพอใจ เพิ่มการักษาพนักงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น แต่ลองคิดดูว่าเรามีเพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตร เราจะมีความสุขขนาดไหนในทุกเช้าแห่งการทำงาน

2. ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น

การพาตัวเองออกจากบริบทเดิม ๆ จะช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์พุ่งทยายจนสามารถคิดไอเดียใหม่ ๆ กลยุทธ์ใหม่ ๆ ได้ รวมไปการร่วมกลุ่มกันก็จะเกิดการปะทะสังสรรค์ของความคิดที่จะต่อยอดกันไปมาจนเกิดความคิดที่ดีที่สุดออกมานั่นเอง

3. ประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

Workcation จะช่วยตัดสิ่งรบกวนในออฟฟิศออกไป เช่น การประชุม การพบปะผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ฯลฯ ทำให้พนักงานมีโฟกัสในการทำงานมากขึ้น เช่นเดียวกัน ก็จะโฟกัสกับการพักผ่อนได้เต็มที่ ทำให้การท่องเที่ยวเปรียบเสมือนการชาร์จพลัง เพราะหลังกลับจาก Workation ยังช่วยจิตใจและร่างกายของคุณพร้อมทำงานในออฟฟิศต่อไป

4. เปิดมุมมองใหม่

การเปลี่ยนสถานที่ทำงานทำให้เกิดบรรยากาศใหม่ ๆ ในบทสนทนา ช่วยให้เกิดแนวคิดที่แตกต่างไปจากการนั่งประชุมในห้องออฟฟิศ เราอาจจะได้เห็นมุมมองอื่นของเพื่อนร่วมงานในครั้งนี้ก็ได้

5. ผ่อนคลายมากขึ้น

ไม่ว่าคุณจะทำงานหนักและมีประสิทธิภาพเพียงใด สมอง ร่างกาย และจิตใตของคุณต้องการพักผ่อน Workation จะช่วยบาลานซ์ไม่ให้คุณละเลยสุขภาพของตัวเอง การปล่อยตัวเองช้าลงบ้างเพียงสัปดาห์เดียว จะช่วยให้พนักงานปลดปล่อยความตึงเครียดได้

6. แรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น

ทีงานวิจัยว่าพนักงานที่ไม่มีแรงจูงใจในการทำงานจะสูญเสียประสิทธิภาพลง 31% ความคิดสร้างสรรค์ลดลง 3 เท่า และ 87% ตัดสินใจลาออก และแรงจูงใจที่ดีที่สุดก็คือแรงจูงใจภายใน ดังนั้นนโยบาย Workation จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสร้างแรงจูงใจที่นอกเหนือไปจากโบนัสหรือค่าตอบแทน เพราะมันให้ได้ทั้งความยืดหยุ่นในการทำงาน ความอิสระ การเรียนรู้ใหม่ๆ และบรรยากาศความรื่นรมย์ เราจึงสามารถสร้าง Team-Building ผ่าน Workation ได้

ถ้าองค์กรอยาก Workation ต้องเตรียมตัวอย่างไร

Workation ทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย

สำหรับองค์กรที่พิจารณานโยบาย Workation แล้วเกิดสนใจ เรามีเทคนิคการเตรียมตัวพื้นฐานที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้แบบง่าย ๆ ได้ดังนี้
1. สนับสนุน Workation สำหรับการสร้าง Team-Building – ย้ำแล้วย้ำอีกกับประโยชน์ของ Workation ที่สามารถสร้างนโยบายในการทำงานเป็นทีมได้ ไม่เพียงจะเพิ่มความสนุกสนานร่วมกัน ยังส่งเสริมให้สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้นอีกด้วย
2. ปรับปรุงนโยบายวันหยุดงาน – จริง ๆ แล้ว Workation ก็คือการไปทำงานเหมือนกันจึงไม่ควรกระทบกับนโยบาย ควรจัดการแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างนโยบาย Workation และนโยบาย Vacation เพื่อป้องกันการสับสน และเปิดโอกาสให้พนักงานได้หยุดพักผ่อนแบบจริง ๆ รวมไปชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นด้วย
3. เตรียมเทคโนโลยีให้พร้อม – ทั้งเทคโนโลยีที่สนับสนุนการทำงาน และเทคโนโลยีในการประเมินผลและวัดผลปฏิบัติงาน เนื่องจากองค์กรยังต้องเห็นผลลัพธ์ในการทำงานที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ไม่เช่นนั้นการ Workation ก็จะเปล่าประโยชน์
4. กำหนดเป้าหมาย โครงการ หรือแผนการทำงานที่ชัดเจน – เพราะ Workation ไม่ใช่การท่องเที่ยวพักผ่อนอย่างเดียว แต่คือการทำงานด้วย จึงต้องมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การทำโปรเจกต์ใดโปรเจกต์ให้สำเร็จ,​การสร้างแคมเปญการตลาดใหม่ ฯลฯ ฉะนั้นอย่าหลุดโฟกัสเรื่อผลลัพธ์ของงานเด็ดขาด

บทสรุป

Workation หรือการทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ในโลกการทำงาน ที่ทุก ๆ องค์กรสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ และเป็นเครื่องมือที่สร้างทีมสัมพันธ์และรักษาพนักงานคนเก่งให้ยังอยู่กับองค์กรของเราได้อย่างมีนัยยะสำคัญ

ถึงแม้ในประเทศไทยจะยังเป็นเทรนด์ใหม่ แต่ต่างประเทศเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติกันแล้ว ทำให้ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Workation ที่ยังให้พวกเราศึกษากันอีกสารพัด เพื่อนำมาสร้างสรรค์นโยบายที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณ

Workation จึงมีเรื่องราวให้น่าค้นหาอีกมากมาย และยังรอให้ทุกองค์กรน้อมรับเทรนด์นี้อยู่

ผู้เขียน

Sahatorn Petvirojchai

Sahatorn Petvirojchai

Manager of HREX.asia who works in media platforms for a long time. Interested in Global Culture, Marketing, and Self Development.

บทความที่เกี่ยวข้อง