7 องค์กรไทยที่สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานยอดเยี่ยม (Working Environment)

HIGHLIGHT
  • การใส่ใจสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีจะส่งเสริมให้พนักงานมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นได้
  • การผสานสันทนาการ การพักผ่อน การผ่อนคลาย เข้ามาในวิถีการทำงานจะช่วยลดความเครียด และรีเฟรชชีวิตระหว่างวันได้เป็นอย่างดี ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • พนักงานที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถสร้างความสมดุล Work-Life Balance ได้ดี จะมีสุขภาพจิตที่ดี และมีศักยภาพในการทำงานที่สูงขึ้น

7 องค์กรไทยที่สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานยอดเยี่ยม (Working Environment)
ประเทศไทยในยุคนี้ถือเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจสำคัญของโลก แล้วกรุงเทพฯ เองก็ถือเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่ธุรกิจนั้นคึกคักมากที่สุดเมืองหนึ่งของโลกด้วยเช่นกัน ในยุคแห่งเทคโนโลยีนี้กรุงเทพฯ ยังเป็นหนึ่งในฮับ (Hub) สำคัญของโลกที่มีบริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งมากมาย มีคนทำงานหลากหลายสัญชาติรวมตัวกันอยู่ รวมไปถึงมีบริษัทคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นอีกเพียบ นอกจากตึกระฟ้าที่เริ่มผุดขึ้นมากมายอย่างรวดเร็วแล้ว ออฟฟิศต่างๆ ก็มากมายตามไปด้วย นั่นทำให้เราเห็นว่ากรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองที่ธุรกิจมีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกไม่แพ้เมืองใหญ่ไหนๆ เลยทีเดียว

7 ออฟฟิศไทย กับการใส่ใจสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยอดเยี่ยม (Working Environment)

ยุคนี้หลายองค์กรต่างให้ความสนใจในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับบุคลากรของตัวเอง ส่วนหนึ่งก็เพื่อดูแลพนักงานให้ดีที่สุด ให้อยากทำงานอยู่ร่วมกับองค์กรให้นานที่สุด อีกส่วนก็เพื่อดึงดูดให้คนนอกอยากเข้ามาร่วมงานกับองค์กรด้วยเช่นกัน เราเลยได้เห็นหลายองค์กรทั้งองค์กรเก่าและองค์กรใหม่ลุกขึ้นมาใส่ใจสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงาน (Working Environment) ให้น่าอยู่ และมีความสุขขึ้น ซึ่งนี่เป็นเทรนด์เดียวกับทั่วโลกที่กำลังนิยมเลยทีเดียว เรามาลองดูกันดีกว่าว่าจะมีออฟฟิศไหนในเมืองไทยที่ใส่ใจเรื่องสภาพแวดล้อมในการทำงาน (Working Environment) ได้อย่างโดดเด่นกันบ้าง

1.LINE Company (Thailand)

ถึงแม้ว่า LINE Company (Thailand) เพิ่งจะเปิดตัวออฟฟิศใหม่อย่างเป็นทางการที่ตึก Gaysorn Tower ย่านราชประสงค์ไปไม่นาน แต่ LINE Company (Thailand) ก็สื่อสารถึงการสร้างบรรยากาศออฟฟิศให้น่าทำงานออกมาตามสื่อต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ จนทำให้ LINE Company (Thailand) กลายมาเป็นออฟฟิศที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุดในอันดับต้นๆ ของเมืองไทยอย่างรวดเร็วในทันที

สำหรับ LINE Company (Thailand) มาด้วยคอนเซ็ปต์ Creative Workplace ที่หยิบเอารายละเอียดของโปรดักส์ของตัวเองมาใช้ในการสร้างสีสัน ตกแต่งออฟฟิศ ได้อย่างสนุกสนานและสะท้อนภาพของแบรนด์ออกมาได้เป็นอย่างดีที่สุดในขณะเดียวกันด้วย จุดเด่นที่เด่นมากก็คือการนำเอา Sticker Character ต่างๆ ของ LINE มาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งในโซนต่างๆ ตั้งแต่ห้องประชุม, โซนต้อนรับ, ไปจนถึงโซนนั่งจิบกาแฟพักผ่อน ที่นอกจากจะตกแต่งอย่างสร้างสรรค์แล้วมันยังสร้างความสุขและความผ่อนคลายให้กับพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทีเดียว

ธุรกิจหลักของ LINE นั้นคือ Tech & Innovation จึงทำให้จุดเด่นอีกอย่างของการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ยอดเยี่ยมคือการนำเอา Innovation ทันสมัยต่างๆ เข้ามาใช้กับออฟฟิศ ตารางจัดและจองห้องประชุมแบบดิจิตอล ไปจนถึงอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีอันทันสมัยให้พนักงานทุกคนได้ใช้กันเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน

ส่วนอีกจุดเด่นที่ LINE Company (Thailand) โดดเด่นเป็นอย่างมากในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานและการพักผ่อนที่ดีและลงตัวก็คือการสร้างคอนเซ็ปต์ Fun Office ตามแบบที่องค์กรเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลกทั้งหลายกำลังนิยม นอกจากโซนทำงานแล้วที่นี่ก็ยังให้ความสำคัญกับโซนพักผ่อนต่างๆ อย่างเป็นจริงเป็นจังอีกด้วย มีตั้งแต่ โซนนั่งเล่น, ห้องเล่นเกม, ห้องยิม, ห้องกีฬา, โรงอาหาร, ห้องนวด, ไปจนถึงห้องนอนให้ได้งีบพักผ่อนเติมพลังกันด้วย เรียกได้ว่ามีการออกแบบและใส่ใจสภาพแวดล้อมในการทำงาน (Working Environmental) อย่างจริงจัง เพื่อความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีต่อพนักงานอย่างแท้จริง

2.DTAC

ถ้าจะพูดถึงออฟฟิศในเมืองไทยที่โดดเด่นในคอนเซ็ปต์ Fun Office จนติดอันดับโลกนั้นจะไม่พูดถึง DTAC คงไม่ได้ และ DTAC ก็ถือเป็นออฟฟิศอันดับแรกๆ ของไทยที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานแบบสร้างสรรค์อย่างบริษัทยุคใหม่จนทำให้องค์กรพลิกโฉมกลายเป็นองค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานมากที่สุดอันดับต้นๆ ของประเทศเลยทีเดียว

ด้วยความที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นเรื่องเทคโนโลยีและการสื่อสารซึ่งนี่เป็นอุตสาหกรรมแรกๆ ของโลกที่ลุกขึ้นมาปฎิวัติออฟฟิศยุคใหม่อย่างที่เราเห็นๆ กัน นั่นทำให้ DTAC เองก็เนรมิตรบ้านใหม่ที่เรียกว่า DTAC HOUSE ขึ้นที่อาคารจามจุรีแสควร์ ตรงสามย่าน ให้กลายมาเป็นออฟฟิศเก๋เท่สุดสนุก ด้วยการตกแต่งออฟฟิศหลากธีม ทำที่ทำงานให้มีสีสัน มีชีวิตชีวา ผสานวิถีการทำงาน วิธีการพักผ่อน กับวิถีความสุขอื่นๆ เข้าด้วยกัน

นอกจากโซนทำงานจะดูสนุกแล้ว พื้นที่ในออฟฟิศยังแบ่งเป็นโซนพักผ่อนต่างๆ มากมาย ซึ่งเราสามารถไปนั่งพักชิลๆ หรือเอางานไปนั่งทำเก๋ๆ ตามโซนต่างๆ ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้จุดเด่นมากๆ ของออฟฟิศในสไตล์ Fun Office ให้พนักงานได้ Play and Learn ก็คือการแทรกกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในออฟฟิศ ผสานการทำงานและการผ่อนคลายไว้ในวิถีเดียวกัน โซนรีแลกซ์ต่างๆ ก็ได้แก่ โซนนั่งเล่น, โซนห้องสมุด, โซนห้องคาราโอเกะ, โซนห้องดูหนัง, โซนเล่นเกม, และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ก็ยังมีโซนเด่นอีกโซนนั่นก็คือกีฬาที่มีตั้งแต่ห้องฟิตเนสไปจนถึงลู่วิ่งจริงจังให้ได้วิ่งออกกำลังกายเก๋ๆ กันที่ออฟฟิศเลยทีเดียว อีกโซนที่ดูเหมือนจะเป็นที่ถูกอกถูกใจคนชอบความรื่นเริงเป็นอย่างมากก็คือโซนเวทีคอนเสิร์ตที่เปิดให้มีการแสดงดนตรีเพื่อสังสรรค์และผ่อนคลายให้กับพนักงานไปในตัว สมแล้วกับที่เป็นสุดยอดออฟฟิศที่มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมและสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีและยอดเยี่ยมทีเดียว

3.Google Thailand

ผู้นำแห่งการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมการทำงาน (Working Environmental) ในสไตล์ Fun Office ที่ยอดเยี่ยมของโลกนั้นต้องยกให้กับ Google เลยล่ะ แล้ว Google เองก็ส่งต่อดีเอ็นเอนี้ไปยังออฟฟิศของ Google ต่างๆ ทั่วโลกที่ก็รวมถึงที่กรุงเทพฯ ด้วย

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของการสร้าง Fun Office ของ Google ก็คือการใช้สีสันสดใสที่ดึงมาจากสีโลโก้ของ Google ใส่ไปในการตกต่างตลอดจนข้าวของต่างๆ ให้ดูมีชีวิตชีวานั่นเอง ซึ่งที่ Google ประเทศไทยก็เช่นกัน ตกแต่งออฟฟิศได้อย่างมีสีสัน มีชีวิตชีวา และน่าสนุกสุดๆ รวมถึงการสร้างพื้นที่สนุกกับห้องและกิจกรรมสันทนาการขึ้นมาผสามผสานกับออฟฟิศเช่นเดียวกับ Google ทุกสาขาทั่วโลก ตั้งแต่ ห้องออกกำลังกาย, ห้องนั่งเล่น, ห้องดูหนัง, ห้องเล่นเกม, ไปจนถึงห้องนวดสไตล์ไทย ไว้ให้พนักงานผ่อนคลาย

แต่จุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่ Google ใส่ใจจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของ Google ทั่วโลกและเป็นต้นแบบให้กับหลายบริษัททำตามไปแล้วก็คือเรื่องของมุมอร่อยและโรงอาหารที่สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานและเป็นสวัสดิการที่ยอดเยี่ยมทีเดียว โดยที่ Google ประเทศไทยนั้นก็จะมีโซนอาหารที่เรียกว่า “เยาวราช คาเฟ่” ให้ได้อิ่มอร่อยกันทั้งวันตั้งแต่ขนมหวาน, ไอศกรีม, เครื่องดื่ม, อาหารมื้อเช้า-กลางวัน-เย็น (สามารถห่อกลับไปกินที่บ้านได้ด้วย), ซึ่งโซนอาหารนี้ปรุงสดใหม่เสมอและได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเซฟฝีมือเยี่ยมเลยทีเดียว และความอร่อยนี้ก็ยังเป็นที่เลื่องลือจนได้รับการยกย่องและขนานนามว่า “เยาวราช คาเฟ่” นี้เป็นห้องอาหารที่อร่อยที่สุดในบรรดาสวัสดิการอาหารของสำนักงาน Google ทั่วโลกเลยทีเดียว

4.Facebook Thailand

หนึ่งในออฟฟิศที่โดดเด่นเรื่องการตกแต่งโดยเฉพาะการนำเอาศิลปะมาผสมผสานได้อย่างลงตัวและมีเสน่ห์มากที่สุดในโลกนั้นต้องยกให้ Facebook เค้าเลยล่ะ นั่นก็รวมถึงออฟฟิศ Facebook ประเทศไทยด้วยที่ตกแต่งได้อย่างเท่มีสไตล์ เต็มไปด้วยสีสันสนุกสนาน และความอาร์ตที่ดูมีระดับอย่างยิ่ง

Photo Credit : The Standard
https://thestandard.co/facebook-thailand/

จุดเด่นที่สุดก็คือการหยิบเอาคำว่า “สวัสดี” มาทำเป็นกราฟฟิกสมัยใหม่อย่างมีเอกลักษณ์ และมีสีสันสะดุดตา เช่นเดียวกับการละเลงสีสันกราฟฟิติมาตกแต่งออฟฟิศให้ดูคูล ดูเท่ แบบคนรุ่นใหม่ เหมือนกับออฟฟิศ Facebook ทุกแห่งทั่วโลก จนกลายเป็นตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว

Photo Credit : The Standard
https://thestandard.co/facebook-thailand/

นอกจากสีสันสดใสแล้ว สภาพแวดล้อมแห่งความสนุกสนานอื่นๆ ก็ยังนำมาใช้สร้างคุณภาพชีวิตให้กับพนักงานอีกด้วย อาทิ โซนพักผ่อนสุดชิลล์, โซนกีฬาสุดเก๋, ไปจนถึงโซนประชุมสุดชิค เหมาะแก่การเป็นออฟฟิศที่มีจิตวิญญาณของคนรุ่นใหม่คละคลุ้งเต็มไปหมด

Photo Credit : The Standard
https://thestandard.co/facebook-thailand/

5.SCG

หนึ่งในบริษัทเก่าแก่ยักษ์ใหญ่ของไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกนั้นต้องยกให้ SCG ซึ่งองค์กรนี้เพิ่งจะรีโนเวทองค์กรตลอดจนแบรนด์ดิ้งของบริษัทใหม่หมดไปเมื่อเร็วๆ นี้ รวมถึงการเนรมิตอาณาจักรย่านบางซื่อให้เป็นเมืองแห่งอนาคตรูปโฉมใหม่เพื่อรองรับการก้าวสู่โลกอนาคตด้วยนั่นเอง

ธีมหลักของการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยอดเยี่ยมของ SCG นั้นก็คือ Creative and Design Office ที่ไม่ใช่แค่การใส่ใจการออกแบบให้เก๋เท่ทันสมัยเท่านั้น แต่ SCG ยังใส่ใจในนวัตกรรมการออกแบบตั้งแต่การออกแบบตัวอาหาร ไปจนถึงการวางแผนการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วยนั่นเอง ซึ่งแก่นของการออกแบบสภาพแวดล้อมในการทำงานของ SCG นั้นยืนอยู่บนพื้นฐาน Sustainable & Innovation คือการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาใช้กับออฟฟิศในด้านต่างๆ เพื่อให้ออฟฟิศเกิดวิถีที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุด

องค์กรใหญ่ระดับโลกที่ต้องการสร้างแบรนด์และความรับผิดชอบต่อโลกและสังคมไปในตัวนั้นถือเป็นองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก เพราะนั้นเป็นการใส่ใจสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่เฉพาะที่ทำงานแต่เป็นองค์รวมของโลกเลยทีเดียว นอกจาก SCG ของไทยที่ใส่ใจวิถียั่งยืนแล้ว องค์กรระดับโลกที่ใส่ใจใน Sustainable & Innovation อย่างชัดเจนและโดดเด่นที่สุดในโลกนั้นก็คือ Apple Inc. อย่างที่ทุกคนรู้ดีนั่นเอง

การใสใจในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีนั้นเริ่มตั้งแต่การตกแต่งออฟฟิศที่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในการทำงาน รวมถึงการออกแบบที่คำนึงถึงแม้กระทั่งสีทาห้องที่ต้องดีต่อสุขภาพพนักงานและช่วยประหยัดพลังงานไปในตัวด้วย ซึ่งในส่วนของออฟฟิศนี้ทาง SCG ออกแบบให้เป็นลักษณะ SCG Smart Office ที่เป็นสถานที่ทำงานยุคใหม่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย และอีกนัยหนึ่งของ Smart Office ก็คือการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยบริหารอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ และรักษ์โลก อย่างเช่น Daylight Sensor ที่ใส่ใจตั้งแต่การจัดสถานที่ทำงานให้ได้รับแสงที่เหมาะสม เพื่อประหยัดการใช้ไฟ และเมื่อแสงแดดไม่เพียงพอกับการทำงานก็จะเปิดไฟให้อัตโนมัติ คำนวนอย่างเหมาะสม, หรือจะเป็นระบบควบคุมอุณหภูมิและอากาศบริสุทธิ์ที่เหมาะสมภายในอาคาร, การใช้พลังานสะอาดอย่างพลังงานแสงอาทิตย์, ไปจนถึงการสร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจและลดอุณหภูมิภายนอกอาคารไปพร้อมกันด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีการออกแบบอาคารภายนอกอย่าง “อาคารเอสซีจี 100 ปี” เพื่อเป็นต้นแบบของอาคารแห่งความยั่งยืนสำหรับอนาคตที่ใส่ใจคุณภาพชีวิตของบุคลากรไปจนถึงคุณภาพชีวิตของสังคม ตลอดจนสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้

6.สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

หนึ่งในหน่วยงานที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการรณรงค์เรื่องการดูแลสุขภาพตลอดจนสร้างเสริมสมรรถภาพร่างกายด้วยการออกกำลังกาย ไปจนถึงดูแลคุณภาพชีวิตในหลากหลายมิติก็คือองค์กร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม สสส. นั่นเอง ซึ่งนอกจากจะดูแลสังคมในเรื่องนี้แล้ว สสส. ยังถือเป็นองค์กรที่ดูแลบุคลากรที่ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน

สสส. สร้างอาณาจักรที่ทำงานของตนเองขึ้นแถบย่านสาทร โดยมีอาณาบริเวณกว้างขวางซึ่งนั่นทำให้เกิดการบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ทั้งกับบุคลากรและสังคมไปในตัว ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์กรที่ดูแลและส่งเสริมด้านสุขภาพตลอดจนคุณภาพชีวิตนั่นทำให้ สสส. สร้างสรรค์สภาพแวดล้อมในการทำงานของตนให้เพื่อให้ตรงตามวัตถุประสงค์การทำงานหลักของออฟฟิศด้วย โดยเฉพาะการมีสวัสดิการด้านการออกกำลังกาย, การตรวจสุขภาพ, ตลอดจนมีสวนสาธาณะขององค์กรเองที่ให้บุคลากรในออฟฟิศมาใช้ประโยชน์ ตลอดจนสังคมโดยรอบก็มาใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีขึ้นได้ด้วย

Photo Credit : สถาบันอาศรมศิลป์
https://www.arsomsilp.ac.th/thai-health-promotion-foundation/

นอกจากนี้แก่นอีกอย่างที่ดีของการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานของ สสส. ก็คือหลักการสร้าง Green Office ที่ สสส. ใส่ใจตั้งแต่สภาพแวดล้อมและความเขียวขจีของธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตของบุคลากร ตลอดจนการสร้างวิถีการทำงานที่ยั่งยืนในรูปแบบต่างๆ เพื่อช่วยกันรักษ์โลกด้วย เรียกได้ว่าเป็นออฟฟิศที่เป็นต้นแบบของการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ส่งเสริมสุขภาวะที่ดีตลอดจนสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้กับพนักงาน และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับบุคลากรและสังคมไปพร้อมกันด้วย

Photo Credit : สถาบันอาศรมศิลป์
https://www.arsomsilp.ac.th/thai-health-promotion-foundation/

7.Shopee

ขอปิดท้ายด้วยบริษัทยุคใหม่ของคนรุ่นใหม่อย่าง Shopee ช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังที่สร้างสรรค์สภาพแวดล้อมในการทำงานได้โดดเด่นไม่แพ้ใคร ซึ่งออฟฟิศของ Shopee ก็เพิ่งจะเปิดตัวที่ตึก SINGHA COMPLEX แถบย่าน อโศก-เพชรบุรี ไปไม่นานมานี้ พร้อมชูจุดเด่นของการออกแบบออฟฟิศที่เหมาะสำหรับคนยุคดิจิตลอดยุคใหม่อย่างแท้จริง

Photo Credit : บ้านและสวน
https://www.baanlaesuan.com/79542/dontmiss/shopeebangkok-office

นอกจากการใช้สีสันและลายเส้นที่ทันสมัย กระตุ้นพลังงานในการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว พื้นที่การทำงานยังถูกออกแบบให้เป็นคอนเซ็ปต์ Smart Office ที่สะดวกต่อการทำงานและทำงานได้อย่างมีความสุขด้วย แต่โซนที่สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวไม่เหมือนใครก็คือโซน Town Hall ที่เนรมิตรพื้นที่เกือบทั้งชั้นให้เป็นโซนพักผ่อนในคอนเซ็ตป์ Work-Life Integration ผสานชีวิตการทำงานกับวิถีชีวิตการพักผ่อนเข้าด้วยกัน โดยโซนนี้จะเป็นเสมือนโรงอาหารขนาดใหญ่ มีกระจกบานใหญ่เปิดให้ชมวิวในมุมสูงโดยรอบอย่างสวยงาม มีมุมนั่งกินอาหารและพักผ่อนให้เลือกมากมาย แถมยังมีบริการอาหาร, น้ำดื่ม, ขนมขบเคี้ยวต่างๆ ให้บริหารอย่างเต็มที่อีกด้วย และเปิดให้พนักงานลงมาพักผ่อนได้ตลอดเวลา ซึ่งนั่นช่วยให้พนักงานไม่เกิดความเครียด และเกิดความอึดอัดในการทำงาน แถมยังเติมพลังด้วยอาหารได้ตามความต้องการอีกด้วย เป็นการรีเฟรชตัวเองได้ดี ก่อนที่จะกลับไปทำงานอีกครั้ง

Photo Credit : บ้านและสวน
https://www.baanlaesuan.com/79542/dontmiss/shopeebangkok-office

บทสรุป

เมืองไทยเองก็เริ่มมีองค์กรหลายองค์กรทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ องค์กรรัฐไปจนถึงเอกชน ต่างเริ่มหันมาใส่ใจในคุณภาพชีวิตของบุคลากรอย่างจริงจัง รวมถึงใส่ใจการดูแลและสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมในการทำงาน (Working Environmental) ให้ดีด้วยเช่นกัน เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นได้ด้วย และยังสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กรไปในตัว รวมถึงสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับบุคลากร เมื่อบุคลากรได้รับการดูแลอย่างดีจากองค์กร อยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยอดเยี่ยม ก่อให้เกิดความสุขในการทำงานและการใช้ชีวิต สร้างสมดุลให้กับวิถีชีวิตของตนเองได้ นั่นย่อมทำให้เขาอยากร่วมงานและจงรักภักดีในองค์กรในระยะยาวด้วยเช่นกัน และยังทำให้องค์กรเกิดความน่าเชื่อถือ คนนอกองค์กรก็อยากมาร่วมงานด้วย ซึ่งนั่นล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่หลอมรวมกันให้เกิดความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมในที่สุด

ผู้เขียน

HREX.asia

HREX.asia

Connect People to the Best HR Solution เพื่อสนับสนุนการเติบโตขององค์กรผ่านผู้คน

บทความที่เกี่ยวข้อง