‘การพูดคุยกันในออฟฟิศน้อยเกินไป’ ความในใจของคนไทยที่ทำงานอยู่ในบริษัทญี่ปุ่น

'การพูดคุยกันในออฟฟิศน้อยเกินไป' ความในใจของคนไทยที่ทำงานอยู่ในบริษัทญี่ปุ่นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเมื่อคุณต้องทำงานร่วมกับคนต่างชาติคือ ความเข้าใจในวัฒนธรรมของกันและกันระหว่างคนไทยและคนประเทศนั้นๆ เพื่อทำให้ทีมสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในครั้งนี้เราจะขอพูดถึงการทำงานของคนไทยร่วมกับคนญี่ปุ่น

เชื่อว่าคนไทยที่เคยทำงานกันคนญี่ปุ่นหลายๆคนน่าจะมีความคิดเห็นคล้ายๆกัน บางครั้งในการทำงานเราก็ไม่เข้าใจชุดความคิดของคนญี่ปุ่น และสำหรับคนญี่ปุ่นเองก็คงมีความกังวล มีคำถามที่ค้างคาใจอยู่มากมาย อย่างเช่น ตอนนี้พนักงานของเรากำลังคิดอะไรอยู่ หรือ พวกเขามีแรงจูงใจในการทำงานน้อยลงหรือเปล่า เป็นต้น

ดังนั้นเราจึงได้หาโอกาสสัมภาษณ์พนักงานคนไทยถึงความในใจในการทำงานร่วมกับคนญี่ปุ่น

เราได้สัมภาษณ์กับคุณ C (นามสมมติ) ที่ทำงานอยู่ในบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในประเทศไทย เรามาดูกันว่าเขามีความรู้สึก ความคิดเห็นอย่างไรในการทำงานร่วมกับคนญี่ปุ่น

※หมายเหตุ บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เราได้เข้าใจคนญี่ปุ่นและคนไทยมากขึ้น

คุณ C อายุ 20 ตอนปลาย ผู้หญิง
ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อจบมัธยมปลายจึงได้ตัดสินใจไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น
เมื่อจบการศึกษาจึงได้กลับมาทำงานที่ประเทศไทย ปัจจุบันทำงานอยู่ในบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง

“เวลาที่อยู่ร่วมกับครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ”
เมื่อเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น จึงกลับมาทำงานที่ไทย

-ก่อนที่จะมาทำงาน คุณ C ได้ไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นมา ความรู้สึกในช่วงแรกตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้างครับ?

ตอนไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นรู้สึกได้ถึง ‘กำแพง’ ระหว่างเรากับคนญี่ปุ่นค่ะ

แน่นอนว่ามันก็แล้วแต่คนนะคะ จะพูดว่าไงดี มันรู้สึกได้ถึงความมีอคติต่อคนที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นิดหน่อยน่ะค่ะ

อย่างเช่น เขาจะมีวิธีการพูดคุยกับคนที่มาจากตะวันตกแตกต่างกับคนที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ

-แล้ว เคยเจอเหตุการณ์ที่คล้ายกันแบบนั้นนอกมหาวิทยาลัยรึเปล่าครับ?

เคยเจอค่ะ ตอนที่ทำงานพาร์ทไทม์ในร้านปิ้งย่าง เคยเจอลูกค้าชาวญี่ปุ่นบอก ให้ไปเรียกพนักงานคนญี่ปุ่นมารับออเดอร์หน่อย ด้วยค่ะ
เราก็คิดแหละ ว่าคนญี่ปุ่นไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมด ลูกค้าคนนั้นคงจะแค่ไม่อยากให้พนักงานคนต่างชาติมารับออเดอร์

แต่พอนึกย้อนกลับไปคิดดูแล้ว ตอนนั้นสกิลภาษาญี่ปุ่นของเราก็ยังไม่เท่าไหร่ด้วยแหละค่ะ แต่การทำงานก็สนุกดี ผู้จัดการร้านเองก็เข้าใจว่าเราเป็นคนต่างชาติ อาจจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารบ้าง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก ทำให้ทำงานด้วยกันง่ายค่ะ

-สำหรับประเทศญี่ปุ่นที่กำลังต้องการคนต่างชาติเข้าไปทำงาน เรื่องนี้คงเป็นปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขสินะครับ แล้วพอเรียนจบคุณ C ก็กลับมาที่ไทยเลยรึเปล่า?

หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น ก็กลับมาไทยเลยค่ะ ถ้าให้พูดตามตรง คงเพราะรู้สึกเบื่อญี่ปุ่นแล้วน่ะค่ะ (หัวเราะ)

อีกเหตุผลหนึ่งคือ พ่อแม่อยากให้กลับไทยค่ะ เพราะเราเป็นลูกสาวคนเดียวด้วย และสำหรับเราเองก็คิดถึงพ่อแม่มากๆ เช่นกัน ดังนั้นเราเลยตัดสินใจกลับประเทศไทยค่ะ

-อย่างที่ผมคิดไว้ การใช้เวลากับครอครัวคือสิ่งสำคัญที่สุดสินะครับ?

โดยส่วนตัวคิดว่า สำหรับคนไทยการใช้เวลากับครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญที่สุดนะคะ พอเรียนจบมหาวิทยาลัยคิดว่ามีเพียงไม่กี่คน ที่หางานทำต่อที่ญี่ปุ่นเลย อย่างคนไทยรอบตัวเองประมาณ 9 ใน 10 หลังเรียนจบก็กลับมาไทย

คนที่ยังอยู่ญี่ปุ่นต่อก็มีนะ แต่พอผ่านไปซัก 2 ปี ส่วนใหญ่ก็บ่น อยากกลับไทย กันค่ะ

ทำงานในบริษัทญี่ปุ่นที่ไทย
“การพูดคุยกันในออฟฟิศน้อยเกินไป” ความในใจของคุณ C

'การพูดคุยกันในออฟฟิศน้อยเกินไป' ความในใจของคนไทยที่ทำงานอยู่ในบริษัทญี่ปุ่น

-หลังจากกลับมาไทย อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เข้าทำงานในบริษัทญี่ปุ่นครับ?

เหตุผลที่ทำให้เลือกทำงานในบริษัทญี่ปุ่นคงเป็นเพราะว่า อยากใช้ภาษาญี่ปุ่นค่ะ อุตส่าห์ไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นมาจนพูดได้พอสมควรแล้ว ก็อยากจะใช้ต่อยอดในการทำงาน เพราะภาษาเป็นสิ่งที่ถ้าเรียนมาแล้วไม่ใช้ มันจะลืมได้น่ะค่ะ

-ทำไมถึงอยากพูดภาษาญี่ปุ่นไปตลอดครับ?

คงเพราะชอบภาษาญี่ปุ่นน่ะค่ะ ในความคิดของเรารู้สึกว่าคนที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ดูดี ดูเท่ห์ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษกันได้อยู่แล้ว แต่คนที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ยังมีน้อยอยู่ ด้วยเหตุผลนี้เลยทำให้เราอยากเรียน อยากใช้ภาษาญี่ปุ่นอยู่ตลอดค่ะ

ตอนนี้ก็ยังใช้ภาษาญี่ปุ่นทำงานอยู่รึเปล่าครับ?

ใช้ค่ะ ใช้ตอนคุยงานกับคนญี่ปุ่นในบริษัท ที่บริษัทมีคนญี่ปุ่นทำงานอยู่ 7 คนค่ะ
แต่ช่วงนี้ เราต้องคุยงานกับลูกค้าคนไทยหรือลูกค้าประเทศอื่นเยอะ เลยจะได้ใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาญี่ปุ่นแล้วค่ะ (หัวเราะ)

-มีเรื่องอะไรที่คาดหวังไว้ก่อนเข้าทำงานรึเปล่าครับ?

โดยส่วนตัวคิดว่า คนญี่ปุ่นมีความสามารถในการวางแผนทำโปรเจคต่างๆ ดีมากค่ะ

ถ้าเราได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนมีความสามารถ จะทำให้เราได้เรียนรู้วิธีดำเนินงาน การวางแผนแบบญี่ปุ่น และอาจจะทำให้เราสามารถทำงานได้เร็วขึ้น นั่นคือสิ่งที่คาดหวังไว้ค่ะ

นอกจากนั้นแล้วเวลาที่เจอปัญหาในการทำงาน คนญี่ปุ่นจะหาสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขให้เรียบร้อย ซึ่งต่างจากคนไทยที่บางครั้งอาจจะปล่อยปัญหาไว้ครึ่งๆ กลางๆ แบบนั้นเลย (หัวเราะ)

ซึ่งจริงๆ มันก็แล้วแต่บริษัทด้วย แต่ในความคิดความรู้สึกก่อนทำงานในบริษัทญี่ปุ่นของเราเป็นแบบนี้ค่ะ

-ในความเป็นจริงเมื่อเข้าไปทำงานแล้วเป็นไปตามที่คาดหวังไหมครับ?

ถ้าเรื่องความสามารถในการวางแผน หรือการดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามที่หวังเลยค่ะ

ได้ทำงานในบรรยากาศที่ทุกคนมีความสามารถกันทุกคนเลย ทั้งเรื่องการวางแผนและการดำเนินงาน แต่ก็มีส่วนที่รู้สึกว่าไม่โอเคอยู่คือ เรื่องการพูดคุยกันในออฟฟิศค่ะ

-การพูดคุยกันในออฟฟิศ? ช่วยอธิบายถึงรายละเอียดด้วยได้ไหมครับ?

ตอนนี้ทำงานร่วมกับทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นค่ะ บางครั้งคนญี่ปุ่นก็จะคุยกันแค่เฉพาะคนญี่ปุ่นเอง หรือคนไทยคุยกันแค่เฉพาะคนไทย การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานระหว่างคนไทยและคนญี่ปุ่นค่อนข้างน้อยค่ะ

และเพราะไม่ค่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เลยทำให้บางครั้งก็ทำงานยากค่ะ แล้วด้วยความที่อำนาจในการตัดสินใจอยู่กับคนญี่ปุ่น บ่อยครั้งที่พวกเขาจะคุยตัดสินใจกันเอง ไม่มีการแชร์ข้อมูลหรือผลลัพธ์ให้กับพนักงานคนไทยได้ร่วมรู้ด้วย หรือบางทีก็มีการเปลี่ยนแปลงโดยที่ไม่ได้บอกพนักงานคนไทยก่อน ทำให้เกิดความสับสนขึ้นมา

ถึงแม้จะเป็นแค่การแลกเปลี่ยนข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ แต่ฉันคิดว่ามันก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น

ใจจริง 1
การพูดคุยกันน้อยเกินไป

-อย่างนั้นเองสินะครับ ผมเองตอนทำงานก็ไม่ค่อยคุยเหมือนกัน

คนญี่ปุ่นอาจจะคิดว่าเรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูด ต้องบอก ก็เข้าใจ สื่อถึงกันได้ แต่จริงๆ ก็มีอีกหลายเรื่องที่ถ้าไม่พูดไม่บอกก็ไม่เข้าใจค่ะ

แต่เรื่องที่คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีในบริษัทก็มีนะคะ คือ ทุกเช้าจะมีเวลาประชุมกัน 5 – 10 นาทีค่ะ ในช่วงเวลานั้น ทำให้เราสามารถแชร์ข้อมูลในการทำงานได้ ไม่ใช่แค่นั้นนอกจากเราจะสามารถแชร์ข้อมูลงานของเราให้พนักงานคนอื่นได้รู้และเข้าใจแล้ว เรายังได้รู้ความเคลื่อนไหวอื่นๆ และเข้าใจในเนื้อหาของงานมากขึ้นด้วยค่ะ ฉันเลยคิดว่าการกำหนดเวลาซักสิบนาทีเพื่อให้ทุกคนได้มาร่วมประชุมกันเป็นเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องนะคะ

-เป็นไอเดียที่ดีเลยนะครับ ให้ทุกคนได้มาร่วมแชร์ความคิดกันใน 10 นาที

แต่คนญี่ปุ่น บางทีไม่ค่อยชอบพูดใจจริงออกมานี่สิคะ อย่างเช่นที่เคยเจอ เวลาทำงานเขาจะไม่ค่อยบอกว่าอยากให้ทำอะไร จะรู้สึกเกรงใจไปหมด ไม่ยอกพูดให้ชัดเจน จนบางทีคนไทยอย่างเราๆ รู้สึกสับสน ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเขาไม่พูดอะไรให้ชัดเจน

ใจจริง 2
ไม่ค่อยให้ Feedback อย่างตรงไปตรงมา

-ในความคิดของผม การพูดตรงๆ อาจจะทำให้คนฟังเสียความรู้สึกได้มากกว่ารึเปล่าครับ

ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ถ้าเป็นเรื่องงานคิดว่าพูดออกมาตรงๆเลยจะดีกว่าค่ะ

จริงๆ ก็มีเรื่องอื่นๆ อีกที่คิดว่าแปลกๆ ขัดๆ อย่างเช่นเรื่องที่คนญี่ปุ่นจะชอบไปดื่มกับลูกค้า ไม่ก็คนของบริษัทอื่นนอกเวลางานค่ะ ถ้าเป็นคนไทยจะชอบไปทานข้าวกลางวัน หรือไปดื่มด้วยกันหลังเลิกงานมากกว่า อีกอย่างคือ คนญี่ปุ่นไม่ค่อยจัดการเรื่องสังสรรค์ให้เท่าไหร่ค่ะ (หัวเราะ)

ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเราสามารถหาโอกาสพูดคุยหรือแชร์ความคิดเห็นกันนอกเหนือจากเวลางานหรือคุยเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากเรื่องงานได้คงจะดีไม่น้อยเลยน่ะค่ะ

-นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เรารู้สึกว่าแปลกๆ ขัดๆ อีกบ้างไหมครับ?

เรื่องคนญี่ปุ่นจะตอบรับลูกค้าเร็วมากค่ะ แต่วิธีการตอบรับค่อนข้างแปลก คือบางทียังไม่ได้ฟัง หรือรู้เนื้อหางานที่เขาขอร้องมาเลย ก็ตอบไปก่อนแล้วว่า ‘เข้าใจแล้ว จะทำครับ’ อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ

ถ้าเป็นคนไทยหากรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ตัวเองไม่น่าจะทำได้ ก็จะพูดไปตรงๆ เลยว่า ทำไม่ได้ หรือ ไม่ทำได้ไหม มากกว่า

ส่วนตัวคิดว่าการดูแล หรือตอบรับลูกค้าเป็นข้อดีของคนญี่ปุ่นข้อหนึ่งเลย แต่บางครั้ง ทั้งที่บอกกับลูกค้าไปแล้วว่า ‘ทำได้’ แต่สุดท้ายทำไม่ได้ ก็มีให้เห็นอยู่หลายเคสเหมือนกัน

คือถ้าเป็นคนญี่ปุ่นไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่พูดว่า ทำไม่ได้ หรือถ้าพูดก็จะเป็นส่วนน้อยมากค่ะ

ใจจริง 3
ยังไม่ได้เช็คเนื้อหาของงานให้ดี ก็ตอบตกลงทำไปก่อน

-อืม เข้าใจเลยครับ แล้วเพื่อนที่ทำงานอยู่ในบริษัทอื่นๆ เช่นบริษัทของไทย เคยเล่าให้ฟังไหมว่ามีข้อแตกต่างอะไรที่ต่างจากบริษัทเราอีก?

ที่ได้ฟังมาจากเพื่อนที่ทำงานอยู่ในบริษัทของไทย สิ่งที่รู้สึกว่าแตกต่างจากบริษัทของญี่ปุ่นก็คือ บรรยากาศในการทำงานหรือในออฟฟิศค่ะ
ถ้าเป็นออฟฟิศของบริษัทญี่ปุ่นโดยปกติแล้วจะเงียบ แต่ถ้าเป็นออฟฟิศของไทยจะให้ความรู้สึกครึกครื้น มีเสียงคุยกันมากกว่าและสามารถทานขนมระหว่างทำงานได้ด้วย (หัวเราะ)

เพื่อนที่ทำอยู่ในบริษัทของญี่ปุ่นอีกคนก็บอกเหมือนกันว่าที่ออฟฟิศตัวเองก็เงียบ ไม่ค่อยมีคนคุยกันเท่าไหร่ค่ะ (หัวเราะ)

ใจจริง 4
บางทีก็อยากคุย กินขนมกันตอนทำงานบ้าง

-ก็จริงนะครับ ผมก็เคยได้ขนมจากพนักงานคนไทยบ่อยๆเหมือนกัน อร่อยมากด้วย

สุดท้ายนี้ มีความคิดเห็นอะไรไหมที่เรารู้สึกว่า ถ้าทำแบบนี้จะทำให้ทำงานด้วยกันง่ายขึ้น?

อยากให้ลองเปลี่ยนวิธีการสั่งงานดูค่ะ

คนไทยส่วนใหญ่ก็จะมองว่าคนในออฟฟิศเป็นเพื่อนร่วมงานค่ะ ถ้ามีใครมีเรื่องเดือดร้อนและเรื่องนั้นไม่หนักหนาเกินไปก็จะช่วยเหลือกันและกันค่ะ เวลาทำงานก็เช่นกัน เมื่อจะสั่งให้ทำงานสักชิ้นหนึ่ง ก็จะไหว้วาน แบบขอให้เพื่อนช่วย แต่คนญี่ปุ่นจะสั่งงานแบบเป็นการออกคำสั่งไปเลย

เพราะฉะนั้นเลยคิดว่าถ้าลองเปลี่ยนการสั่งงานจากการพูดด้วยลักษณะออกคำสั่ง เป็นการไหว้วานแบบเพื่อนร่วมงานน่าจะดีขึ้นไม่น้อยเลยค่ะ อย่างเช่น ช่วยทำงานนี้หน่อยได้รึเปล่า หรือคำพูดในลักษณะคล้ายๆ กันกับแบบนี้ จะทำให้รู้สึกอยากทำมากกว่าคำพูดเชิงคำสั่งค่ะ

-เป็นความคิดเห็นที่ดีมากเลย เดี๋ยวผมลองเอาไปปรับใช้ดูบ้าง ต้องขอขอบคุณที่เสียสละเวลามาในวันนี้ด้วยนะครับ

ใจจริง 5
แทนที่จะสั่งงานด้วยคำพูดเชิงคำสั่ง อยากให้ลองเปลี่ยนเป็นการพูดแบบไหว้วานเพื่อนร่วมงาน
อาจจะทำให้มีแรงจูงใจในการทำงานมากกว่า

สรุป

ได้ความคิดเห็นมากมายจากคนไทยที่ทำงานร่วมกับคนญี่ปุ่นแล้ว อาจจะมีทั้งเรื่องที่รู้สึกว่ายากที่จะยอมรับ และเข้าใจได้ในมุมมองของคนญี่ปุ่น หรือเป็นเรื่องที่แปลกไปในมุมมองของคนไทย

และบทความในครั้งนี้คงไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นความคิดเห็นจากพนักงานคนไทยร้อยเปอร์เซ็น แต่ความคิดเห็นทั้งหมดนี้จะทำให้คนไทยและคนญี่ปุ่นเข้าใจวัฒนธรรม การทำงานของกันและกันมากขึ้น เพิ่มความเป็นหนึ่งเดียวกันและทำให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ผมหวังว่า บทความในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนได้นะครับ

ผู้เขียน

HREX.asia

HREX.asia

Connect People to the Best HR Solution เพื่อสนับสนุนการเติบโตขององค์กรผ่านผู้คน

บทความที่เกี่ยวข้อง