HIGHLIGHT
|
ช่วงนี้มีหลายองค์กรพูดคุยเรื่องสตรีกับบทบาทผู้นำองค์กร และตามความเป็นจริงการรณรงค์เกี่ยวกับผู้หญิงกับบทบาทผู้นำองค์กรถูกทำมานานกว่า 20 ปีแล้ว เพราะผลการศึกษาจากทุกสถาบันระดับโลกยืนยันข้อดีหลากหลายประการของการที่องค์กรทำให้พนักงานรู้สึกถึงความเท่าเทียมในองค์กร
การศึกษาพบว่าประโยชน์จากการที่องค์กรส่งเสริมความหลากหลายและยอมรับความแตกต่าง พนักงานอยากมาทำงานมากขึ้น 10 เท่าเกิดความภาคภูมิใจในงานมากกว่า 6.3 เท่า และอยู่กับองค์กรยาวนานกว่า 5.4 เท่า
อย่างไรก็ตาม หากมาดูตัวเลขที่แท้จริงพบว่า แม้บริษัท ท็อป 500 ของโลก ยังมีผู้หญิงเป็นผู้นำระดับสูงสุดเพียง 21 บริษัทเท่านั้น กลับมาดูตัวเลขในประเทศไทยพบว่า วันนี้มีผู้หญิงที่อยู่ในบทบาทผู้บริหารระดับสูงอยู่เพียง 32% ผู้หญิงในบทบาทของผู้นำสูงสุดขององค์กรเพียง 24% และผู้หญิงที่เป็นตัวแทนรัฐสภาเพียง 16.2% นี่เป็นค่าเฉลี่ยของประเทศไทย หากดูเจาะลงไปจะพบว่าภาคอุตสาหกรรมตัวเลขจะน้อยลงไปถึงตัวเลข 10% เท่านั้น
บทสรุปข้อคิด 6 ประการ กับการผลักดันและสนับสนุนให้ผู้หญิงขึ้นมาอยู่ในบทบาทผู้นำองค์กร
1. วันนี้โอกาสเปิดมากขึ้นกว่าอดีต ผู้หญิงเองต้องชัดเจนในเป้าหมายชีวิต เป้าหมายอาชีพของเรา
2. คำว่าสุภาพสตรี คือ การมีเอกลักษณ์ เป็นตัวของตัวเอง และพึ่งพาตนเองได้
3. โลกต้องการผู้หญิงที่เลิกกลัว เลิกอยู่ภายใต้การควบคุมและข้อจำกัดใด ๆ
4.ความเท่าเทียม ไม่ได้แปลว่าผู้หญิงผู้ชายต้องเหมือนกัน 100% แต่คือการยอมรับความแตกต่าง ความเป็นตัวตนของแต่ละปัจเจกบุคคล ผู้หญิงผู้ชายมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกัน เช่น ผู้ชายมีจุดเด่นกว่าด้านการกล้าตัดสินใจ ผู้หญิงมีจุดเด่นกว่าด้านความเห็นอกเห็นใจเข้าใจความรู้สึก เมื่อเอาจุดแข็งที่แตกต่างมาผนึกพลังจะทำให้องค์กรเกิดความสมดุล
5. บทพิสูจน์ศักยภาพสตรีในบทบาทผู้นำคือ การที่ผู้หญิงแสวงหาโอกาส ลุกขึ้นมาลงมือทำ มีวินัย และทำจนสำเร็จ แสดงให้โลกเห็นว่าฉันก็ทำได้
6. ผู้หญิงหลายคนเชื่อว่าเธอไม่สามารถเป็นแม่ที่ดีหากต้องทำงานที่มีความท้าทายไปพร้อมกัน หนทางสำหรับ Working Mom ทุกคน ในการพบความสุขทั้งที่บ้านและที่ทำงาน คือค้นหาความสำเร็จในแบบฉบับของเราเอง, เลิกเปรียบเทียบตัวเรากับใคร, ลดความสมบูรณ์แบบลง และอย่ากังวลใจกับคำพูดที่ทำให้เรารู้สึกผิดต่อการเลี้ยงลูก
ขอเป็นกำลังใจให้ผู้หญิง Working Woman และ Working Mom ทุกคนได้พบความสุขทั้งที่บ้านและที่ทำงาน