ควรทำอย่างไรเมื่อพนักงานเล่นหุ้น (Investment) ในเวลางาน

HIGHLIGHT

  • พบพนักงานเล่นหุ้น (Investment) ในช่วงเวลาทำงาน องค์กรควรทำความเข้าใจก่อนว่ามาจากสาเหตุใด
  • การลงทุน ไม่เท่ากับ การเก็งกำไร
  • การลงทุนจำเป็นหรือแค่เฟ้อฝัน ?

ควรทำอย่างไรเมื่อพนักงานเล่นหุ้น (Investment) ในเวลางาน

ย้อนกลับไปในสมัยก่อน เรามักจะเคยได้ยินว่า ทำงาน เก็บเงินฝากไว้ในธนาคารก็รวยแล้ว นั่นก็เพราะ ดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 10% – 15% เลยทีเดียว ทำให้คนสมัยก่อนไม่ต้องศึกษาเรื่องการลงทุนมากนัก ตัดกลับมาในยุคปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเตี้ยอยู่ที่ 0.25% แทบจะไม่ได้อะไร ถ้าเราฝากออมทรัพย์ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ มีแต่จนลงๆ เพราะลำพังแค่เงินเฟ้อที่ทำให้ข้าวของแพงขึ้นเฉลี่ยกว่าปีละ 3% ก็สูงกว่าดอกเบี้ยเป็นไหนไหน การลงทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เงินมีมูลค่ามากขึ้นนำเงินมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในอนาคต 

การลงทุนในยุคสมัยนี้ค่อนข้างเฟื่องฟู มีการลงทุนให้เราหยิบจับหลากหลายรูปแบบการลงทุน เหมือนเราเข้าไปใน Supermarket หยิบการลงทุนเข้ารถเข็นให้เลือกมากมาย

ควรทำอย่างไรเมื่อพนักงานเล่นหุ้นในเวลางาน

ตัวเลือกสินทรัพย์การลงทุน เช่น

  • ตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ ให้ผลตอบแทนประมาณ 3-5%
  • หุ้นไทย ให้ผลตอบแทนประมาณ 6-10%
  • หุ้นต่างประเทศ ให้ผลตอบแทนประมาณ 8-12%
  • กองทุนรวม ขึ้นอยู่กับกองทุนที่เลือก ให้ผลตอบแทนประมาณ 1-10% แล้วแต่ประเภทกองทุน
  • สกุลเงินดิจิทัล ให้ผลตอบแทนประมาณ 20%+

ด้วยการเครื่องมือที่ทันสมัย เราจึงสามารถส่งคำสั่งซื้อขายกันได้โดยง่าย ผ่านเพียงปลายนิ้วสัมผัส เข้าแอปพลิเคชั่น สั่งซื้อแบบ Realtime ติดตามผลได้ตลอด 

ปัญหาที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า คือ พนักงานบริษัทมักใช้เวลางานในการส่งคำสั่งซื้อขายและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ  เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดการลงทุนส่วนใหญ่ เปิดซื้อขายในเวลาทำการ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับเวลาทำงานของพนักงานนั่นเอง ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ต้องใช้เวลาไปโฟกัสพอร์ตการลงทุนมากกว่างาน หนำซ้ำหากพอร์ตติดลบหรือขาดทุน ย่อมต้องมีผลกระทบถึงสภาพจิตใจเป็นแน่ 

ควรทำอย่างไรเมื่อพนักงานเล่นหุ้นในเวลางาน

แนวทางการแก้ไขปัญหาการลงทุน (Investment) ที่พนักงานและ HR ควรทำความเข้าใจ

1.การลงทุนเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนในยุคนี้ เพราะเราไม่สามารถฝากเงินไว้กับธนาคารได้เหมือนเดิม ดังนั้นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนมากกว่าเงินเฟ้อ จึงสำคัญ

2.การลงทุน ไม่เท่ากับการเก็งกำไร จุดสำคัญที่ต้องเข้าใจก่อน คือ การลงทุน กับการเก็งกำไรนั่นต่างกัน

  • การลงทุน วัตถุประสงค์คือ นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ให้เกิดดอกผลงอกเงย เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับวันข้างหน้า เช่น การเกษียณ เป็นต้น
  • การเก็งกำไร คือ การที่เราซื้อสินทรัพย์และคาดหวังให้เติบโตในระยะเวลาอันสั้น เพราะฉะนั้น การซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ หรือ เปิดกราฟวิเคราะห์ข้อมูลตลาดหุ้นในเวลาทำงาน คือการเก็งกำไร หากมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน เป็นเรื่องที่ควรตักเตือนได้ เพราะส่งผลเสียกับองค์กร

แต่การลงทุน ซึ่งเป็นการวางเงินไว้ในสินทรัพย์ที่เลือก นั้นใช้เวลาไม่มาก และสามารถทำนอกเวลาทำงานได้ คือ วิเคราะห์สินทรัพย์ต่าง กดคำสั่งซื้อล่วงหน้า และใช้เวลาติดตามผลไม่นาน เชื่อว่าการลงทุนที่แท้จริงนั้น ไม่ส่งกระทบต่อการทำงานมาก 

3.ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้การเงินกับพนักงาน ส่วนใหญ่สังคมไทยไม่ได้มีการเรียนการสอนวิชาการเงินตั้งแต่ยังอยู่ในโรงเรียน ทำให้พนักงานหลายคนมีความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับเรื่องการลงทุน เพราะฉะนั้นการสอนให้รู้จักหลักการลงทุนที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ควรทำ และยังสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้พนักงานอีกด้วย ทุกคนมีการวางแผนเกษียณ มีความรับผิดชอบทางการเงิน 

ควรทำอย่างไรเมื่อพนักงานเล่นหุ้นในเวลางาน

สรุป

การลงทุนนั่นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับยุคนี้ที่ดอกเบี้ยไม่ตอบโจทย์การเก็บเงิน เนื่องจากแพ้เงินเฟ้อ

แต่การลงทุนไม่ควรเบียดเบียนเวลาการทำงาน หากเป็นการลงทุนนั้นใช้เวลาไม่มาก และสามารถทำนอกเวลางานได้ หากเป็นการเก็งกำไรมักใช้เวลาในการวิเคราะห์และติดตามในเวลาทำการ หากส่งผลตอบประสิทธิภาพการทำงานสามารถตักเตือนได้ สิ่งที่ควรทำคือ ปลูกฝังให้ความรู้การเงินที่ถูกต้องแก่พนักงาน นอกจากจะส่งเสริมเรื่องคุณภาพชีวิตพนักงานดีขึ้นแล้ว ยังส่งผลกับความผูกพันองค์ให้มากขึ้นด้วย

ผู้เขียน

HREX.asia

HREX.asia

Connect People to the Best HR Solution เพื่อสนับสนุนการเติบโตขององค์กรผ่านผู้คน

บทความที่เกี่ยวข้อง