Search
Close this search box.

สรุปทุกเรื่องที่ผู้นำควรรู้จากคลาสเรียน Manager of the Future #2 คนที่ไม่ใช้ AI ช่วยงาน จะถูกแทนที่ด้วยคนที่ใช้ AI อย่างเกิดประโยชน์

HIGHLIGHT

  • ชั้นเรียน Manager of the Future คลาสที่ 2 อัดแน่นด้วยบทเรียนเกี่ยวกับ Data และ AI ตลอดทั้งวัน บทเรียนแรกว่าด้วยการใช้ Big Data ให้เกิดประโยชน์ ในยุคที่ทุกองค์กรมีข้อมูลอยู่ในมือเยอะมาก หากองค์กรไหนเอา Insight ที่ได้ มาสกัดต่อ แล้วนำไปสร้างกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ จะเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างในการแข่งขัน และนำไปสู่ความสำเร็จ
  • บทเรียนต่อมาว่าด้วยการใช้ Generative AI โดยเฉพาะ ChatGPT ให้เกิดประโยชน์ที่สุด ต้องมอง ChatGPT เป็นเหมือนเด็กฝึกงาน ที่แม้จะมีความเก่งกาจ แต่ก็ยังมีความไม่เป๊ะหลายอย่าง เพราะฉะนั้นอย่าลืมตรวจทานข้อมูลที่ได้จาก AI เสมอก่อนนำไปใช้งานจริง
  • ทั้งนี้ ในโลกยุคต่อไป AI จะไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ในการทำงาน แต่คนที่เอา AI มาปรับใช้ในการทำงานต่างหาก ที่จะมาแทนคนที่ไม่ใช่ AI ดังนั้น อย่าลืมเรียนรู้เสียตั้งแต่ตอนนี้ก่อนสายเกินไป

สรุปทุกเรื่องที่ผู้นำควรรู้จากคลาสเรียน Manager of the Future #2 คนที่ไม่ใช้ AI ช่วยงาน จะถูกแทนที่ด้วยคนที่ใช้ AI อย่างเกิดประโยชน์

ในยุคที่เทคโนโลยีล้ำสมัยไปไกล การเขียนโปรแกรมเป็น เข้าใจการ Coding ไปจนถึงการใช้ Generative AI ให้เป็นคือแต้มต่อสำคัญที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ ผู้ที่จะเป็น Manager of the Future อย่างน้อยต้องพอมีความรู้เรื่องนี้ด้วย เพื่อจะได้สามารถก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง

ในชั้นเรียน Manager of the Future คลาสที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นโดย Disrupt Technology Venture ผู้มีประสบการณ์บ่มเพาะผู้นำธุรกิจมากกว่า 3,000 คนทั่วประเทศไทย ได้นำ Speakers ที่มีประสบการณ์ตรง และมีความรู้ครบครับด้าน Data และ AI มาให้ความรู้ตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นประโยชน์มาก ๆ ไม่เพียงแค่ผู้เรียน แต่ยังรวมถึงคนทำงานทั้งหลาย และ HR ด้วย

บทเรียนครั้งนี้มีเนื้อหาอะไรน่าสนใจบ้าง HREX สรุปมาให้อ่านกันแล้วในบทความนี

Manager of the Future ต้องเปลี่ยนข้อมูลสุด Insight ให้เป็นสร้างกลยุทธ์ที่แตกต่างกว่าใคร

สำหรับบทเรียนแรกของวันว่าด้วย Data Analytics for Manager บรรยายโดยคุณทอย กษิดิศ สตางค์มงคล Data Team Lead, Adapter Digital และเป็นเจ้าของเพจ DataRockie คุณทอยเริ่มต้นจากการอธิบายประวัติศาสตร์ Big Data หรือการเก็บข้อมูลจำนวนมากมาใช้งานว่า คำนี้เป็น Buzzword มานานเกินสิบปีแล้ว  เป็นสิ่งที่ในปัจจุบันถ้าใครไม่ใช่ จะเสียโอกาสในการทำธุรกิจ เสียโอกาสในการเพิ่ม Productivity และเสียโอกาสในการแข่งขันกับผู้อื่นอย่างมหาศาล

โดย Big Data มีหลักการที่เรียกว่า 3V ดังนี้

  1. Volume หมายถึง ปริมาณข้อมูล การจะเรียกว่า Big Data ได้ ข้อมูลจะต้องใหญ่มาก และใหญ่เกินกว่าที่จะบันทึกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งไหว และยิ่งมี Volume มาก แสดงว่ามีข้อมูลมากนั่นเอง
  2. Velocity หมายถึง ความรวดเร็ว ในแต่ละวินาทีมี Data เกิดขึ้นเยอะมาก เช่น มีคนค้นหาข้อมูลใน Google วินาทีละ 90,000 ถึง 100,000 ครั้ง ดังนั้นยิ่งเข้าถึง Data ได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีข้อได้เปรียบมากเท่านั้น 
  3. Variety หมายถึงความหลากหลายของข้อมูล ความท้าทายของทีม Data ก็คือเมื่อต้นทุนในการเก็บข้อมูลมีราคาถูกลงมาก สิ่งที่ต้องทำก็คือค้นหาว่า Data ที่มีประโยชน์จริง ๆ เท่านั้นมีอะไรบ้าง 

สรุปทุกเรื่องที่ผู้นำควรรู้จากคลาสเรียน Manager of the Future #2 คนที่ไม่ใช้ AI ช่วยงาน จะถูกแทนที่ด้วยคนที่ใช้ AI อย่างเกิดประโยชน์

จาก 3V ที่เล่ามานี้ คุณทอย อธิบายต่อว่าในเชิงธุรกิจ องค์กรที่มี Big Data เยอะ ก็จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้มากกว่าองค์กรที่ข้อมูลน้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจจะเติบโตดีกว่าบริษัทที่มีน้อยกว่า เพราะมันขึ้นอยู่กับการเอาข้อมูลที่มีนั้นสกัดออกมาแล้วเจอแก่นที่เป็นประโยชน์จริง ๆ 

ดังนั้นต้องคัดกรองข้อมูลที่มีก่อน แล้วนำ Insight ที่ได้ไปต่อยอดด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น กลยุทธ์การตลาดที่ไม่เหมือนใคร เพื่อสร้างผลกำไรให้งอกเงยตามมา องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่คิดสร้างกลยุทธ์ สร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์จากข้อมูลที่มีได้มากกว่ากัน 

คุณทอยยกตัวอย่างกรณีศึกษาของบริษัทเทคโนโลยี Samsung และ Oppo ที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนจอพับได้มาแข่งกัน แรกเริ่มเดิมที Samsung คือผู้นำในท้องตลาด เพราะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Samsung Galaxy Z Fold และ Z Flip มาก่อนหลายปีแล้ว แต่ยังมีปัญหาบางอย่างในผลิตภัณฑ์ เช่น มีความเสี่ยงจะพังง่าย บนจอจะมองเห็นรอยพับชัดเจน และมักจะมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้หญิงซื้อมากกว่า เป็นต้น 

Oppo ที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนพับได้ชื่อว่า Oppo Find N2 Flip เองก็รับรู้ถึงข้อมูลเหล่านี้ดีเช่นกัน ตอนที่สร้างมือถือจอพับได้รุ่นแรก Oppo Find N1 Flip พบว่ายังมีข้อบกพร่องบางประการแบบเดียวกับ Samsung จึงยังไม่นำมาขายในไทยเพราะกลัวจะเกิดกระแสที่ไม่ดีต่อสินค้ามากกว่า

แต่พอปรับปรุงเป็น Find N2 Flip ที่แก้ปัญหาทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แล้วค่อยนำเข้ามาขายในเมืองไทย กลายเป็นตัวเปรียบเทียบในท้องตลาดให้เห็นว่ามีสมาร์ทโฟนที่แก้เพนพอยต์ต่าง ๆ จากค่ายเกาหลีได้แล้ว และเกิดกระแสการพูดถึงที่มากกว่า Samsung ชัดเจน เมื่อพิจารณาจากกราฟใน Google Trends

นอกจากนั้นในระดับโลก Oppo ยังเป็นสปอนเซอร์หลักของการแข่งขันฟุตบอลโลก FIFA World Cup 2022 ที่คนส่วนใหญ่ที่ดูคือผู้ชายด้วย กลายเป็นการเอาผลิตภัณฑ์เข้าถึงคนที่มีกำลังซื้ออีกกลุ่ม จนได้ยอดขายเพิ่มขึ้นตามมา ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการเอา Insight ที่มีมาต่อยอดเป็น Execution ที่สร้างความแตกต่างให้กับองค์กร

เจ้าของเพจ DataRockie ยังอธิบายถึงการนำ AI โดยเฉพาะ Generative AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร ในยุคที่หลายคนนำมาใช้งานหลากหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่คุณทอยเน้นย้ำ ว่าเป็นที่สิ่งที่ต้องระวังในการใช้งาน มีดังนี้

  1. AI ในปัจจุบันเป็น AI ประเภท ANI หรือ A Narrow Intelligence ที่เก่งในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น เช่น ChatGPT เก่งเรื่องภาษา เก่งในการคุยกับมนุษย์ เก่งเรื่องภาษา และมันจะเกิดประสิทธิภาพจริง ๆ เมื่อใช้งานถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของมัน
  2. AI ไม่ได้ถูกเสมอ แต่มันสามารถผิด และเห็นภาพหลอนได้
  3. AI เก่งในการหาแพทเทิร์นขนาดใหญ่ การให้ AI ช่วยประมวลข้อมูล เอา Insight เหล่านั้นมาทำ Execution จะต่อยอด ช่วยให้การทำงานได้เร็วขึ้น
  4. เวลาใช้ AI อย่าสนใจเพียงแค่การเขียน Prompt หรือเขียนคำสั่งเพื่อให้มันทำงานให้ แต่เราเองในฐานะผู้ใช้งานต้องเรียนรู้ไปกับมันด้วย มิฉะนั้นหากวันหนึ่งไม่สามารถใช้งาน AI ได้ จะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองไม่เป็น
  5. ข้อนี้อาจไม่เกี่ยวกับ AI โดยตรง แต่พึงตระหนักว่านักการตลาดพยายามสร้าง Customer Data Platform ที่เก็บข้อมูลลูกค้า แล้วเอาไปใช้ในทางการตลาดเสมอ ทั้งนี้ทั้งนั้นพึงระวังว่า ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ดีก็ดีไป แต่้ใช้ในทางที่ผิด จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา เช่น ปัญหาเรื่องการหลอกลวง ปัญหาข้อมูลรั่วไหล 

กรณีตัวอย่างของปัญหานี้เกิดขึ้นกับการทำงานของ Cambridge Analytica ที่เอาข้อมูลของชาวสหรัฐอเมริกามาวิเคราะห์พบว่า มีกลุ่มคนที่ยังตัดสินใจไมไ่ด้ว่าจะเลือกใครเป็นประธานาธิบดี ระหว่าง ฮิลารี่ คลินตัน และ โดนัลด์ ทรัมป์ อยู่มาก 

ทีมหาเสียงจึงสร้าง Propaganda ในแคมเปญหาเสียงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของ โดนัลด์ ทรัมป์ ปล่อยข้อมูลลวง โฆษณาชวนเชื่อใส่คนกลุ่มเหล่านี้ กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้คนตัดสินใจเลือก ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี เพราะตัดสินจากข้อมูลที่ได้รับ

และกว่าผู้คนจะตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวก็สายเกินไป

Manager of the Future ต้องใช้ ChatGPT เหมือนเป็นน้องฝึกงาน

สำหรับบทเรียนที่ 2 ของวันเป็นเรื่อง AI for Manager ที่ได้รับเกียรติจากคุณเจมส์ ธีรานนท์ ศิริกุลพิริยะ Founder, Wealth Genius Co,. Ltd. มาอธิบายว่า เมื่อ AI มีบทบาทมากขึ้นในการทำงานให้ง่ายขึ้นและดีขึ้น สิ่งที่คนทำงานทุกคน โดยเฉพาะระดับ Manager ต้องมีคืออะไรบ้าง 

สรุปทุกเรื่องที่ผู้นำควรรู้จากคลาสเรียน Manager of the Future #2 คนที่ไม่ใช้ AI ช่วยงาน จะถูกแทนที่ด้วยคนที่ใช้ AI อย่างเกิดประโยชน์

คุณเจมส์ มองว่า AI นั้นจะไม่ได้มาทำงานแทนมนุษย์ เพราะมีหลายงานที่ AI ไม่สามารถทำเองได้ หรือทำแล้วจะไม่เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งเท่ามนุษย์ และถึงทุกคนจะใช้งาน AI กันหมด ผลลัพธ์ที่ได้จากป้อน Prompt ให้ AI ช่วยประมวลผลก็อาจไม่เหมือนกันอยู่ดี เพราะยังมีช่องว่างที่ต้องทำต่ออีกมาก

แต่ AI คือสิ่งที่จะช่วยให้มนุษย์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และคนที่ใช้ AI ได้อย่างเกิดประโยชน์ จะก้าวขึ้นมาแทนผู้ไม่ใช้ AI ในการทำงานต่างหาก

ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง ๆ คุณเจมส์ มองว่า Manager แห่งอนาคตไม่เพียงจะต้องมี Soft Skill และ Professional Skill แต่ยังต้องมีทักษะใหม่อย่าง AI Skill เสริมเข้าไปด้วย ต้องมีทักษะในการวิเคราะห์ รู้ว่าจะใช้ประโยชน์จาก Data ที่มี เปลี่ยนให้เป็นยอดขาย ช่วยสร้าง Impact ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น ภายใต้ต้นทุนที่น้อยลงได้อย่างไร

สำหรับ Generative AI ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ ChatGPT ซึ่งมีชื่อเต็มว่า Chat Generative Pre-Training Transformer คุณเจมส์เล่าว่ามีหลายนิยาม บางสำนักบอกว่า เหมือนเลขา ผู้ช่วย แต่สำหรับคุณเจมส์แล้ว นิยามที่ใกล้เคียงสุด ChatGPT เหมือนน้องฝึกงานที่จบด้านภาษาศาสตร์ ซึ่งแม้จะมีความเก่งกาจในการประมวลผลข้อมูล แต่ยังมีความผิดพลาดในการทำงานอยู่ ดังนั้นต้องใช้ให้เป็น

“ทุกครั้งได้คำตอบจากเขา ตรวจงานเขาก่อน อย่าเพิ่งเอาไปใช้ทั้งหมด เราต้องเชี่ยวชาญกว่ามัน บางทีมันก็มั่วเหมือนกัน”

สรุปทุกเรื่องที่ผู้นำควรรู้จากคลาสเรียน Manager of the Future #2 ในยุคที่ AI คือผู้ช่วยในการทำงาน ต้องรู้จักใช้งานให้เป็น

และยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันโปรแกรม AI ทั้งหลายที่ใช้งานในเมืองไทยนั้น สามารถฟังไทยรู้เรื่อง แต่พูดไทยไม่เก่ง ดังนั้น หากอยากได้คำตอบที่มีความกระจ่าง ก็อย่าลืมเขียนให้มัน Answer in English ด้วย

การเอา ChatGPT มาใช้นั้น ต้องรู้จักวิธีการตั้งคำถาม โดยมีวิธีตั้งคำถามดังนี้

  1. ตั้งคำถามง่ายๆ เบสิค เวิร์บ ยูสเคส เอาท์พุตฟอร์แมต คำตอบที่ได้จะกลางๆ
  2. ตั้งคำถามโดยใส่ Insight เข้าไปเป็นตัวแปร ยิ่งมี Insight คำตอบจะเปลี่ยนไป ยิ่งมี Insight มาก คำตอบก็จะยิ่งไม่เหมือนใคร

การอบรมในวันนี้สิ้นสุดลงด้วยการที่คุณเจมส์ ให้ โดยให้ใช้ ChatGPT ในการช่วยออกไอเดียในการทำธุรกิจใหม่ ๆ และใช้ทำสไลด์ประกอบการนำเสนอ ซึ่งเปิดโลกในการทำงานอย่างยิ่งว่า ChatGPT จะสามารถช่วยให้เกิด จากการคีย์ข้อมูล และใช้ Prompt ที่มี Insight ได้อย่างไร

สุดท้ายนี้ คอร์สเรียน Manager of the Future รุ่นที่ 2 เปิดรับสมัครแล้ว เริ่มเรียนวันที่ 5 ก.ค. – 2 ส.ค. 2567 สามารถสมัครได้ทางลิงก์นี้ https://forms.gle/tPeRmed8XsffdFYk7

5 เหตุผลที่ควรใช้ Disrupt Corporate Program เทรนนิ่งยุคใหม่ ที่ช่วยเปลี่ยนผ่านองค์กรอย่างแข็งแกร่งจากภายใน

ผู้เขียน

Picture of Paranaphat Anui

Paranaphat Anui

Take Off Toward a Dream

บทความที่เกี่ยวข้อง