HIGHLIGHT
|
สวัสดีค่ะ หมอดู HREX ขอทำนายดวงวันนี้ของคุณว่า สิ่งแรกที่คุณทำหลังลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อเช้า และก่อนหลับตาลงนอนในคืนนี้ คือเล่นโทรศัพท์ค่ะ
ความจริงแล้วไม่ต้องถามหมอดูที่ไหน เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าคนเราทุกวันนี้ติดการเล่นโซเชียลมีเดียมากถึงมากที่สุด ทำเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า และสิ่งสุดท้ายก่อนนอน แถมระหว่างวันก็ยังต้องเข้าไปเช็คว่าวันนี้มีเทรนด์อะไร มีเรื่องอะไรอัพเดท หรือคนกดไลค์รูปล่าสุดของเรากี่คนแล้วหนอ ไม่ว่าจะทำอะไร ๆ ก็จะต้องแชร์ ต้องคอนเทนต์ ต้องมีอัพเดทลงโซเชียลตลอดเวลา ไปกินข้าวก็ไม่ได้กิน เพราะกล้องโทรศัพท์กินจนหมด ไปออกกำลังกายถ้ายังไม่มีคอนเทนต์ลงก็ยังออกไม่ได้ ถ่ายจนกว่าจะได้ลง และสารพัดสารเพซึ่งเป็นโรคที่หลายคนเป็นอยู่ตอนนี้
หากการติดโซเชียลไม่ได้กระทบร่างกายและจิตใจ ก็คงจะดีอยู่หรอก แต่มันดันกระทบอย่างมากเลยทีเดียว มากกว่าที่เราจะคาดคิดด้วยซ้ำไป หลายคนชีวิตดีมีความสุขอยู่แล้ว แต่ติดโซเชียลแล้วเห็นคนนั้นโพสต์นู่นที คนนี้โพสต์นี่ที กลายเป็นมองตัวเองชีวิตแย่ ไม่มีความสุขไปเสียแล้ว ทั้งที่เราก็มีทุกอย่าง แค่ไม่มีเหมือนเขา และเมื่อยิ่งจิตตก ย่ำอยู่กับความคิดลบ ๆ ก็จะยิ่งกระทบกับการใช้ชีวิตและโดยเฉพาะส่งผลชีวิตการทำงานด้วย เห็นท่าไม่ดีแบบนี้แล้วเรารีบหยุดมันไว้ก่อนดีกว่า HR NOTE จะพาเรียนรู้วิธีหยุดติดโซเชียลด้วยการทำ Social Detox กันค่ะ
Contents
Social Detox คืออะไร?
ติดโซเชียลจนไม่ได้การ พังทั้งชีวิตส่วนตัวทั้งชีวิตการทำงานแบบนี้ไม่ดีแน่ ใครรู้ตัวรีบแก้ก่อนจะสาย ด้วย ‘Social Detox’
เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักคำว่า ‘Detox’ ซึ่งแปลว่า ‘ขบวนการขับสารพิษ’ โดยมากจะใช้กับการล้างพิษร่างกายและกระบวนการทาง Physical แต่เจ้าโซเชียลมีเดียตัวร้ายที่เราติดกันอยู่ทุกวันก็คือสารพิษต่อจิตใจมนุษย์เช่นกัน ดังนั้นรีบล้างพิษให้ใจเราบ้างดีกว่า Social Detox ก็คือการบำบัดอาการเสพติดโซเชียลมีเดีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของมนุษย์เรา จนเกิดความทุกข์ ความเครียด ทำให้ทำงานไม่ได้ ใช้ชีวิตไม่ได้เลยก็มี เราเลยต้องหันมาบำบัดอาการเหล่านี้เพื่อให้สภาพจิตใจกลับมาสดใส สดชื่น และพาตัวเองออกห่างจากสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์เพื่อเป็นการพักใจ และเรียกความเป็นตัวเองกลับมา
ผลดีของ Social Detox คืออะไร ทำไมคนยุคนี้ต้องทำ?
ในยุคนี้หลายคนมีอาการติดโซเชียลขนาดหนัก และยังมีอาการที่เรียกว่า FOMO (Fear Of Missing Out) เพิ่มเข้าไปอีก ซึ่ง FOMO คือชื่อเรียกของกลุ่มคนที่มีอาการกลัวว่าจะตามเทรนด์ต่าง ๆ ไม่ทัน กลัวพลาดข่าวอัพเดทในแต่ละวัน จนทำให้นำไปสู่พฤติกรรมการติดโซเชียลมีเดียมากเกินไป นอกจากนี้หลายคนชอบเปรียบเทียบชีวิตของคนอื่นกับชีวิตตัวเอง อยากมี อยากเป็น อยากได้ จนเกิดกิเลสมากมายและยิ่งทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ ทั้งที่ในความเป็นจริงชีวิตเราก็ดีอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้เป็นทุกข์ บางคนถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าไปเลยก็มี ชีวิตการทำงานในโลกทุกวันนี้เครียดมากพอแล้ว การที่เราเอาตัวเองไปสู่สุดที่ทำให้เครียดกว่าเดิมก็ยิ่งทำร้ายสภาพจิตใจตัวเอง
นอกจาก Social Detox จะช่วยลดอาการติดโซเชียลมีเดียลงและลดอาการ FOMO ได้แล้ว ก็ยังส่งผลดีต่อร่างกายของเราด้วย เพราะในทุก ๆ วันที่เราจ้องแต่จอมือถือ ไอแพด หรือคอม ก็เป็นการทำร้ายสายตาของเราไปทีละน้อย ยิ่งบางคนเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนในห้องมืด ก็ยิ่งทำให้ตาทำงานหนักขึ้นมากไปอีก การทำ Social Detox จึงมีอีกข้อดีต่อร่างกายคือช่วยลดการปวดคอบ่าไหล่ ปวดมือ แล้วก็สายตาเสียด้วย
Guideline: วิธีทำ Social Detox คือแบบไหนที่เรียกว่าได้ผล?
หางานอดิเรกอื่นทำเพื่อฆ่าเวลา
ช่วงเวลาที่คนเราเล่นโทรศัพท์กันเยอะและนานที่สุดน่าจะเป็นช่วงระหว่างรอ หรือช่วงระยะเวลาของการเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ ตอนเข้าห้องน้ำ หรือตอนกินข้าวก็มี ลองเปลี่ยนจากหยิบโทรศัพท์มาเป็นหนังสือคู่ใจสักเล่ม ถึงจะใช้สายตาเหมือนกันแต่อย่างน้อยหนังสือก็ไม่มีแสงสีฟ้าออกมาทำร้ายตาเรา และยังพาเราหลุดไปในโลกอีกใบที่จะไม่มีใครตามเจอ และเราก็จะมองไม่เห็ฯใครนอกจากตัวเอง ได้อยู่กับตัวเองนาน ๆ ดีจะตายไป
ปิด Notification
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำ Social Detox แล้ว ก็คือการปิดแจ้งเตือนที่หน้าจอมือถือของเรา โดยเฉพาะพวกโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่ไม่ได้จำเป็น เพราะพอเราเห็นมันเด้งขึ้นมาก็เหมือนเป็นการล่อตาล่อใจให้กดเข้าไปเช็คทันที
ตั้งเวลาใช้งานแอพพลิเคชั่น
เราสามารถตั้งค่า Screen time ได้ เลือกได้ว่าจะใช้แอพไหนวันละกี่ชั่วโมง เมื่อใช้ครบแล้วแอพก็จะล็อค ไม่สามารถเข้าใจงานได้จนถึงอีกวันหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นวิธีหักดิบที่ดีสำหรับคนที่อยากเลิกติดโซเชียลจริง ๆ
รู้จัก “บูโจ” ทำ Social Detox ด้วยการเขียน
บูโจ หรือ ‘Bullet Journal’ เกิดขึ้นโดย ไรเดอร์ แคร์รอล (Ryder Carroll) นักออกแบบและนักเขียนชาวอเมริกัน เป็นวิธีการจดบันทึกบนหน้ากระดาษที่จะทำให้เราสามารถวางแผนชีวิตที่ทั้ง productive และ healthy ได้อย่างไม่จำเจ โดยเริ่มต้นมาจากแพลนเนอร์ธรรมดา ๆ ที่เราคุ้นเคยกันดี บูโจไม่มีหลักการตายตัว แล้วแต่ใครจะเขียนยังไงตามชอบใจ
ทำความรู้จักการเขียนบูโจให้มากขึ้นที่นี่
HR ควรทำอย่างไรหากพนักติดโซเชียลจนชีวิตพัง งานเสีย? Social Detox คือตัวช่วยชั้นหนึ่ง!
ถ้าในบริษัทมีพนักงานติดโซเชียลหนัก ๆ บอกเลยว่าไม่ดีแน่ HR ต้องพยายามหานโยบายมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ อาจจะดูเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้ามากระทบงานเมื่อไหร่ มันจะกลายเป็นเรื่องของผลประโยชน์บริษัทขึ้นมาทันที การดูแลพนักงานถือเป็นเรื่องของ HR อยู่แล้ว การสอดส่องดูพฤติกรรมของพนักงานก็เป็นหน้าที่ HR เช่นกัน หรือหากบริษัทใหญ่มาก ๆ ก็อนุมาณไปเลยว่ายังไงก็ต้องมีคนที่ติดโซเชียลอยู่แน่ ๆ
วิธีการง่าย ๆ คือเสนอให้บริษัทคิดกิจกรรมให้พนักงานได้ relax ขึ้นมา เช่น เข้าคลาสออกกำลังกายตอนเย็น หรือหาคลาสเรียนงานอดิเรกต่าง ๆ มาให้พนักงานได้ลองเข้าไปเรียน เพราะเพื่อนพนักงานอาจจะได้เจอสิ่งที่ตัวเองชอบ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปแต่ละวีค เช่น คลาสเรียนร้องเพลง ทำอาหาร ปลูกต้นไม้ ถักโครเชต์ ฯลฯ นอกจากนี้อาจจะเพิ่มสวัสดิการน่ารัก ๆ ให้พนักงาน เช่น โควต้าซื้อหนังสือได้เดือนละหนึ่งเล่ม
เป็นนโยบายที่อาจจะต้องลงทุนและมีค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสวัสดิการพนักงานที่ดี จะยิ่งช่วยให้พนักงานรักในตัวองค์กรและมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น มีเรื่องน่าตื่นเต้นแปลกใหม่ให้ทำ ก็จะได้ไม่ขลุกอยู่แต่กับการเล่นโซเชียล
บทสรุป
การเป็นคนนำเทรนด์ หรือชอบที่จะติดตามข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพียงแต่เราต้องควบคุมการเล่นโซเชียลให้ได้ ปล่อยไปตามอารมณ์ ตามอำเภอใจ นอกจากเสียสุขภาพกายและจิตแล้ว ยังเสียเวลาทำสิ่งต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ไปมหาศาล เพราะเวลาก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน ที่สำคัญคือการที่เรารู้สึกเป็นทุกข์เพราะไม่ได้ ไม่มี ในสิ่งที่เราเห็นว่าคนอื่นมีมากกว่า เป็นเพียงแต่ปัจจัยภายนอกในชีวิตเท่านั้น และเป็นสิ่งที่เห็นเพียงแค่เปลือกนอก แต่กลับทำให้เราต้องจมกับความทุกข์ ซึ่งไม่ควรเลย หันกลับมาใช้ชีวิตที่เรามีให้ความสุขดีกว่า
ที่มา |