12 สวัสดิการยุคใหม่ (Employee Benefit) ที่ดึงดูดใจให้พนักงานมีสุข

HIGHLIGHT
  • ภาวะ Business Disruption ทำให้เกิดการปรับตัวขององค์กรทั่วโลกมากมาย รวมไปถึงฝ่าย HR ที่นอกจากจะมีการปรับการทำงานของแผนกแล้ว ก็ยังมีการสร้างสรรค์สวัสดิการแปลกใหม่ (Employee Benefit) เพื่อเอาใจพนักงานมากมาย
  • สวัสดิการ (Employee Benefit) ที่ดีทำให้พนักงานมีความสุข มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี ส่งผลต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ทำให้องค์กรมีศักยภาพเพิ่มขึ้นได้ด้วย
  • สวัสดิการที่กำลังมาแรงที่สุดในตอนนี้ก็คือสวัสดิการด้านสันทนาการและส่งเสริมสุขภาพ จุดดึงดูดใจสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากเครียดกับการทำงาน ต้องการมีสุขภาวะที่ดี

12 สวัสดิการยุคใหม่ที่ดึงดูดใจให้พนักงานมีสุข

ในยุคที่องค์กรทั่วโลกกำลังปรับตัวให้ทันตามยุคสมัยจนเกิดการพลิกผันในธุรกิจ (Business Disruption) มากมายซึ่งทำให้องค์กรต้องมีการปรับตัวปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานกันใหม่เพื่อให้เข้ากับวิถีชีวิตปัจจุบัน ไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (Human Resource) ที่เราจะเห็นได้ว่ายุคนี้ฝ่ายนี้เป็นฝ่ายหนึ่งในองค์กรที่มีการปรับตัวมากที่สุดเพราะนี่คือหัวใจสำคัญหนึ่งของการขับเคลื่อนองค์กรเลยทีเดียว

อกจากการบริหารงานบุคคลที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว สวัสดิการพนักงานก็ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ฝ่าย HR ให้ความใส่ใจมากที่สุดเพื่อรักษาพนักงานให้ทำงานอยู่กับบริษัทให้นานที่สุด ในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องจูงใจให้คนใหม่ๆ อยากเข้ามาร่วมงานกับองค์กรด้วย ยุคนี้เราจึงได้เห็นสวัสดิการใหม่ๆ น่าสนใจที่จัดขึ้นเพื่อเอาใจพนักงานตลอดจนสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในการทำงานอีกด้วย

องค์กรใหม่ๆ ยุคนี้ต่างก็ใช้เรื่องสวัสดิการนี่ล่ะเป็นเครื่องดึงดูดพนักงานมีฝีมือให้เข้ามาในองค์กร ในขณะที่องค์กรยุคเก่าก็ปรับตัวในการเพิ่มสวัสดิการใหม่ๆ ให้น่าสนใจไม่แพ้กัน ระยะเวลาไม่กี่ปีมานี้เราจึงมักเห็นสวัสดิการพนักงานรูปแบบใหม่ๆ ผุดขึ้นมากมายทั่วโลกซึ่งสวัสดิการหลายๆ อย่างก็เริ่มมีในเมืองไทยแล้วเช่นกัน

เราลองมาดูกันดีกว่าว่าสวัสดิการดีๆ เจ๋งๆ ในรูปแบบใหม่ที่ดีต่อใจพนักงานและเกิดขึ้นจริงในเมืองไทยแล้วจะมีอะไรน่าสนใจหรือดึงดูดใจให้อยากร่วมงานกันบ้าง

Employee Benefit #1 – ทำงานที่ไหนก็ได้แบบไม่ต้องเข้าออฟฟิศ (Work from home)

ชีวิตนั่งติดออฟฟิศแบบ 7 วันต่อสัปดาห์กำลังเปลี่ยนแปลงไปตามโลกยุคนี้ที่เราสามารถทำงานได้ทุกที่บนโลก สำหรับองค์กรที่เกิดขึ้นในยุคใหม่นี้มักจะไม่กำหนดเวลาหรือสถานที่ในการทำงาน แต่จะกำหนดที่ผลงานเสียมากกว่า พนักงานจึงสามารถทำงานที่ไหนบนโลกก็ได้ ขอเพียงแต่ว่ามีอินเตอร์เน็ตในการสื่อสารกัน

สำหรับองค์กรที่ยังคงมีระบบการทำงานแบบดั้งเดิมอยู่ยึดระบบออฟฟิศเป็นหลักก็เริ่มมีนโยบาย Work from home เข้ามาเป็นสวัสดิการเสริมให้กับพนักงานกันบ้างแล้ว โดยให้สิทธิ์พนักงานใช้โควต้าทำงานที่ไหนก็ได้เป็นกี่วันต่อเดือนก็ว่าไป หรือบางบริษัทถึงกับกำหนดเป็นมาตรฐานของบริษัทไปเลยว่าทุกคนจะมีสิทธิ์ในการทำงานแบบ Work from home ได้ 1 วันต่อสัปดาห์

นั่นทำให้พนักงานมีเวลาผ่อนคลายตลอดจนมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น สามารถบริหารเวลาการทำงานของตนเองได้อย่างอิสระ หรือมีวันท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกโดยที่สามารถทำงานไปด้วยได้ ซึ่งสวัสดิการนี้ก็กำลังเป็นที่น่าสนใจอยู่ทีเดียว เพราะถือว่าเป็น win-win situation ที่ได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย

Employee Benefit #2 – ออกกำลังกายในออฟฟิศ (Fitness Room in Office)

คนยุคปัจจุบันเริ่มหันมาใส่ใจในสุขภาพกันมากทำให้การออกกำลังกายกลายมาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการดำรงชีวิตยุคนี้ที่จะช่วยทำให้เกิดสมดุลในการใช้ชีวิต และการออกกำลังกายก็ถือเป็นการผ่อนคลายจากการทำงาน ทั้งยังช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลายองค์กรเริ่มนำเอาสวัสดิการด้านการออกกำลังกายมาเป็นสิทธิประโยชน์ให้กับพนักงาน

ตั้งแต่การให้สิทธิ์ในการใช้บริการตามฟิตเนสต่างๆ ฟรี ไปจนถึงมีห้องออกกำลังกาย (Fitness Room in Office) กันเลยทีเดียว บางออฟฟิศถึงขนาดกับมีการจัดคลาสโดยมีเทรนเนอร์มาคอยสอนอย่างจริงจัง แล้วบางบริษัทก็เปิดให้พนักงานสามารถเล่นฟิตเนสได้ตลอดเวลาตามความต้องการของแต่ละคนอีกด้วย

Employee Benefit #3 – บริการนวดฟรี (Free Massage)

โรคที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรงแต่กลับส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของเราได้อย่างคาดไม่ถึงก็คือโรคของคนทำงานออฟฟิศ (Office Syndrome) นั่นเอง หนึ่งในวิธีแก้โรคนี้ได้ดีที่สุดก็คือการนวดร่างกายเผื่อให้ผ่อนคลายเส้นเอ็นตลอดจนกล้ามเนื้อต่างๆ นั่นเอง สำหรับในเมืองไทยที่การนวดนี้ขึ้นชื่อ มีหมอมีฝีมืออยู่มากมาย และการนวดก็เป็นที่นิยม หลายออฟฟิศก็เลยจัดสวัสดิการนี้ให้กับพนักงานกันเสียเลย

บางออฟฟิศมีพนักงานนวดมาประจำตลอดทั้งวันเพื่อให้พนักงานมาใช้บริการได้ฟรี หรือบางออฟฟิศก็จะมีบริการเรียกพนักงานนวดได้ตามต้องการ สวัสดิการนวดผ่อนคลายนี้กำลังได้รับความนิยมสูงมากในเมืองไทยจนถึงขนาดเกิดเป็นธุรกิจใหม่ที่เปิดบริการพนักงานนวดส่งตรงถึงออฟฟิศเลยทีเดียว และสวัสดิการนี้ก็ยังส่งผลดีโดยตรงต่อการทำงานได้อีกด้วย

Office Massage
  • หนึ่งในองค์กรที่ให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างจริงจังก็คือ LINE Thailand ที่มีการจ้างพนักงานนวดมาประจำอยู่ที่ออฟฟิศทุกวันตั้งแต่ 09.00-17.00 น. และมีบริการห้องนวดอย่างเป็นกิจลักษณะ พนักงานทุกคนสามารถนวดได้ 15 นาที/ครั้ง แล้วสวัสดิการนี้ทาง LINE Thailand ยังใช้ทำ CSR ของบริษัทด้วย เพราะพนักงานนวดนั้นจะจัดจ้างมาจากสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการช่วยเหลือให้คนพิการมีงานทำอีกทางหนึ่งด้วย
  • หนึ่งในธุรกิจบริการนวดส่งตรงถึงออฟฟิศที่กำลังเติบโตและได้รับความนิยมสูงก็คือ OREASE ที่มีบริการนวดถึงออฟฟิศอย่างครบวงจร ตลอดจนมีพนักงานนวดที่เป็นระบบระเบียบ การทำงานบริการในระบบองค์กรนี้ทำให้องค์กรใหญ่ๆ เข้ามาเป็นลูกค้ามากมาย ไม่เว้นแม้แต่ฟิตเนสเจ้าดังอย่าง Virgin Active ที่ก็ใช้บริการของที่นี่ในการผ่อนคลายให้กับพนักงานตลอดจนเทรนเนอร์ของตัวเองอีกด้วย

Employee Benefit #4 – บริการอาหารฟรี (Free Food Service)

บริการอาหารฟรีอาจไม่ใช่เรื่องใหม่เท่าไรนัก แต่บริการนี้เมื่อก่อนมักจะอยู่กับการจ้างงานระบบอุตสาหกรรมหรือโรงงานเสียมากกว่า แต่ในปัจจุบันออฟฟิศใหญ่ๆ ยุคใหม่ต่างนำเรื่องนี้มาเป็นสวัสดิการสำคัญหนึ่งขององค์กรกันเลยทีเดียว หลายองค์กรชั้นนำระดับโลกทั้งในไทยและต่างประเทศอย่าง Google หรือแม้กระทั่ง LINE ก็ยังใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง มีอาหารกลางวันบริการฟรีให้กับพนักงาน หรือบางครั้งก็รวมถึงอาหารเช้าด้วย

การบริการอาหารกลางวันนี้ไม่ใช่แค่การสักจะมีแต่อาหารเท่านั้น แต่สวัสดิการยุคนี้ใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ, การปรุงความอร่อย, คุณภาพของอาหาร, คุณค่าทางโภชนาการ, ไปจนถึงการจัดห้องอาหารที่สะอาดน่านั่งไว้บริการพนักงานบริษัท ด้วยนั่นเอง การบริการอาหารฟรีในยุคนี้นั้นมีประโยชน์มากมาย ช่วยให้พนักงานประหยัดรายจ่ายในการดำรงชีวิตได้ ตลอดจนประหยัดเวลาในการเดินไปหาอาหารทานด้านนอก อีกทั้งยังได้โภชนาการที่ดีกว่าอีกด้วย

หรือในบางองค์กรที่มีขนาดใหญ่มาก รับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ก็อาจปรับนโยบายเป็นการบริการอาหารที่ดีในราคาที่ถูกแทน โดยควบคุมราคาและกำหนดคุณภาพของร้านอาหารที่จะเข้ามาบริการให้กับพนักงาน เป็นต้น

Chef Table at the Office
การบริการอาหารฟรีอาจไม่ใช่สวัสดิการที่หวือหวาแล้วสำหรับยุคนี้ แต่ก็ยังเป็นสวัสดิการที่ยอดเยี่ยมที่ดึงดูดให้คนอยากมาร่วมงานด้วยเสมอ หลายองค์กรเริ่มปรับเปลี่ยนลูกเล่นในสวัสดิการนี้เพิ่มขึ้นโดยเริ่มเชิญเชฟที่มีชื่อเสียงมาให้บริการความอร่อยถึงที่อาจจะ 1 ครั้ง/สัปดาห์ หรือทุกวันศุกร์ โดยสามารถสั่งความอร่อยตามความต้องการได้เอง

Employee Benefit #5 – ห้องสันทนาการ (Entertainment Area)

ยุคปัจจุบันการทำงานมีความเครียดสูง หนึ่งในสวัสดิการที่ดึงดูดใจคนทำงานได้ดีอย่างหนึ่งก็คือความสันทนาการต่างๆ ที่ออฟฟิศสร้างสรรค์ขึ้นมาบริการผ่อนคลายความเครียดนั่นเอง หลายออฟฟิศใหญ่ชูประเด็นนี้เป็นจุดขายด้วย ให้การทำงานกับการพักผ่อนผสมผสานกลมกลืนเป็นหนึ่งวิถีชีวิตเดียวกัน

ห้องสันทนาการนี้ก็อาจมีตั้งแต่ห้องดูหนังฟังเพลง, ห้องเล่นเกม, ห้องเล่นกีฬาคลายเครียดง่ายๆ, ห้องดื่มชากาแฟ, หรืออาจเป็นสวนเล็กๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลายก็เป็นได้ บางคนอาจบอกว่าเรื่องงานกับเรื่องเล่นควรแยกกัน แต่องค์กรยุคใหม่หลายองค์กรกลับมองว่าเรื่องเล่นจะช่วยทำให้ผ่อนคลายและสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้นต่างหาก

Employee Benefit #6 – ห้องนอน (Sleeping Room)

เราเชื่อว่าทุกคนคงเคยรู้สึกเหนื่อยล้าขณะทำงานและอยากหาที่งีบสักพักแน่ๆ หลายองค์กรก็เลยดึงความลับสำคัญนี้มาเป็นจุดขายของสวัสดิการเสียเลย

สวัสดิการนี้บางคนก็มองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมแต่บางที่ก็ให้ความสำคัญ เพราะการได้พักผ่อนแล้วตื่นมาทำงานอย่างสดชื่นนั้นยิ่งทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นทีเดียว บางที่อาจจัดมุมโซฟาให้เอนกายพักผ่อนหรือแอบงีบได้ แต่สำหรับบางทีนั้นจัดเป็นห้องนอนที่มีเตียงนอนนุ่มๆ หมอนหนุนให้หลับได้อย่างมีความสุข ให้พักผ่อนกันได้เต็มที่

Sleep Cabin in Office
องค์กรในเมืองไทยที่ใส่ใจสวัสดิการการนอนอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมก็อย่างเช่น LINE Thailand และ THE STANDARD สื่อยักษ์ทางโลกออนไลน์ของไทย ซึ่งทั้งสององค์กรนี้มีบริการห้องนอนอย่างเป็นกิจลักษณะที่คล้ายๆ กับ Hostel ที่เป็นที่นิยมกันนั่นเอง โดยพนักงานสามารถที่จะเบรกงานเครียดๆ หรืองานที่เหนื่อยล้า มานอนได้อย่างเต็มที่แบบไม่ผิดกฎบริษัท

Employee Benefit #7 – ตั๋วเครื่องบิน (Travel Ticket)

คนยุคใหม่มักรักการออกไปเผชิญโลกกว้าง การได้ไปเปิดหูเปิดตาท่องเที่ยวต่างประเทศจึงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่หลายคนชอบทำกันเป็นกิจวัตร โดยเฉพาะบรรดาเด็กรุ่นใหม่ๆ หลายออฟฟิศก็เลยมีสวัสดิการการท่องเที่ยวให้พนักงาน

และสวัสดิการหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากๆ ก็คือตั๋วเครื่องบินไป-กลับให้พนักงานได้เดินทางไปต่างประเทศ อาจมีทั้งแบบกำหนดเส้นทางตลอดจนประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางไว้แล้ว หรือเป็นตั๋วเปิดที่ให้พนักงานเลือกไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ในโลก รวมไปถึงการดีลส่วนลดอื่นๆ ด้วย

Employee Benefit #8 – คุณพ่อลาคลอด (Parental Benefit)

ยุคนี้หน้าที่ในการเลี้ยงลูกไม่ใช่หน้าที่ของแม่เพียงอย่างเดียวเสมอไป พ่อบ้านหลายคนก็ต้องช่วยกันเลี้ยงลูกด้วย โดยเฉพาะครอบครัวเล็กในเมืองใหญ่ที่พ่อกับแม่ช่วยกันเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง เนื่องจากสังคมที่เปลี่ยนไปองค์กรหลายองค์กรก็เริ่มให้ความสำคัญตรงจุดนี้ให้สิทธิ์คุณพ่อลาเพื่อไปช่วยคุณแม่ดูแลลูกที่เพิ่งคลอดได้

โดยสวัสดิการนี้มักมีในบริษัทใหญ่ๆ จำนวนวันที่สามารถลาได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละบริษัทด้วย แถมบางบริษัทใจป้ำยังมอบเงินขวัญถุงให้กับบุตรของพนักงานที่เกิดใหม่ด้วย นโยบายนี้เป็นหนึ่งในสวัสดิการด้านครอบครัวที่ดีทีเดียว

New Parent Benefit
หนึ่งในองค์กรใจป้ำที่เข้าใจหัวอกความเป็นคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวเองเพื่อลดภาระครอบครัวก็คือยักษ์ใหญ่ด้านบันเทิงอย่าง NETFLIX นั่นเอง โดยเขามีสวัสดิการพิเศษให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่เป็นคนรุ่นใหม่สามารถใช้สิทธิ์ลางานได้ 1 ปีเต็ม เพื่อไปเลี้ยงลูกด้วยตนเองให้ดีมีคุณภาพ
และหลังจากนั้นแล้วพนักงานก็สามารถเลือกรูปแบบการทำงานที่เหมาะสมกับตนได้ทั้งแบบที่กลับมาเป็นพนักงานแบบเต็มเวลาเหมือนเดิมหรือจะทำงานแบบพาร์ทไทม์เพื่อปรับให้เหมาะกับวิถีชีวิตและความรับผิดชอบของแต่ละคนได้เช่นกัน

Employee Benefit #9 – บริการปรึกษาจิตแพทย์ (Psychiatrist)

ความเครียดของคนยุคปัจจุบันมีสูงมาก ทั้งจากเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน ปัญหาต่างๆ มักก่อให้เกิดอาการทางจิตได้ง่าย องค์กรหลายแห่งให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นเพิ่มสวัสดิการด้านจิตแพทย์เข้ามานอกเหนือจากการรักษาพยาบาลด้านอื่นๆ โดยอาจเปิดเป็นศูนย์ปรึกษาจิตแพทย์ให้โทรศัพท์ไปปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีในทุกๆ เรื่อง

หรือมีจิตแพทย์มานั่งประจำคอยให้คำปรึกษาที่ออฟฟิศ และยิ่งในยุคปัจจุบันที่คนป่วยทางจิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับการรักษาด้านจิตแพทย์นี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายและได้รับการยอมรับในสังคมที่ดี นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการสำคัญที่พนักงานในยุคนี้ให้ความสนใจมากเลยทีเดียว

Employee Benefit #10 – สวัสดิการในการเรียนภาษา (Languages Course)

ในยุคปัจจุบันนี้ใครที่ยิ่งรู้ภาษาหลากหลายมากเท่าไรก็ยิ่งจะมีโอกาสในการได้งานที่สูงขึ้นตามไปเท่านั้น องค์กรหลายแห่งจึงมีนโยบายด้านภาษาดึงดูดพนักงานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะภาษาที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจในยุคนี้อย่างภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน, ภาษาญี่ปุ่น หรือแม้แต่ภาษาอื่นๆ ที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้ดีขึ้น หรือจำเป็นต่อการทำงานของแต่ละตำแหน่ง

องค์กรใหญ่ๆ อาจมีการเปิดสอนภาษาที่จริงจังในองค์กร เชิญอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญมาสอนให้ หรือบางองค์กรก็อาจเปิดโอกาสให้พนักงานในบริษัทมาเป็นอาจารย์สอนภาษาให้กับพนักงานภายในบริษัทซึ่งทำให้พนักงานมีรายได้พิเศษเพิ่มขึ้นได้ด้วย สำหรับคนยุคใหม่นั้นมีแนวโน้มสนใจในการเรียนภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมมาก ถึงแม้ว่าจะต้องจ่ายเงินมากเพียงใดก็ตาม

ดังนั้นสวัสดิการด้านนี้จึงกลายมาเป็นหนึ่งแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดพนักงานที่ต้องการพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้มาร่วมงานกับองค์กรต่างๆ ที่ให้ความสำคัญเรื่องนี้ด้วยนั่นเอง

Employee Benefit #11 – เปลี่ยนสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ทุกปี (New smartphone & gadget)

จะว่าเป็นเรื่องเล็กก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะโลกทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทแทบในทุกวิถีชีวิตตั้งแต่การทำงานไปจนถึงชีวิตส่วนตัว หลายบริษัทเอาใจคนยุคใหม่ด้วยสวัสดิการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนใหม่ให้ทุกปี นอกจากจะได้ใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ แล้วสมาร์ทโฟนยังถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำงานสูงอีกด้วย รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวแทนขององค์กร โดยเฉพาะองค์กรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ

นอกจากนี้ก็ยังมีอุปกรณ์ตลอดจนเทคโนโลยีอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น Mac Book หรือ iPad ที่มีความจำเป็นอย่างมากต่อภาพลักษณ์และการทำงานยุคปัจจุบัน ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้สามารถอำนวยความสะดวกในการทำงานได้ดี และช่วยให้พนักงานเองมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยใช้ตลอดเวลา

Employee Benefit #12 – สวัสดิการพิเศษด้านการเงิน (Special Money Benefit)

สวัสดิการพิเศษด้านการเงินนี้ยังคงจำเป็นเสมอไม่ว่ายุคไหนๆ ในยุคใหม่นี้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลต่างก็มีกลยุทธ์ในสวัสดิการด้านการเงินนี้มาให้พนักงานมากมาย ตั้งแต่ระบบโบนัสที่ออกมากกว่าปีละครั้ง ไปจนถึงการให้กูเงินในอัตราดอกเบี้ย 0% เพื่อนำเงินก้อนไปใช้ฉุกเฉิน ตลอดจนให้กูเงินดอกเบี้ยต่ำสำหรับซื้อที่อยู่อาศัย เป็นต้น

ซึ่งสวัสดิการทางด้านการเงินที่แต่ละบริษัทนำมาให้เป็นของรางวัลตลอดจนช่วยเหลือพนักงานนั้นถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเข้าทำงานกับบริษัทอย่างหนึ่งเลยทีเดียว

Urgent Money
บริการเบิกเงินฉุกเฉินล่วงหน้าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่หลายองค์กรนำมาช่วยพนักงาน หนึ่งในเครื่องมือน่าสนใจที่จะช่วยเป็นสวัสดิการพนักงานที่ดีในเรื่องนี้ก็คือ Application ใหม่ที่ชื่อว่า Ultra Tech ซึ่งเป็นนวัตกรรมจากญี่ปุ่นที่ช่วยให้พนักงานสามารถเบิกเงินเดือนล่วงหน้ามาใช้ในยามฉุกเฉินก่อนได้ โดยเงินก้อนนี้จะเป็นของพนักงานเองจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเสียดอกเบี้ยใดๆ เหมือนการเบิกเงินสดล่วงหน้าจากบริการอื่นๆ (แต่เสียค่าธรรมเนียมในการเบิกเงินล่วงหน้านิดหน่อย) เป็นการดีลกับองค์กรที่พนักงานสังกัดอยู่ และเมื่อถึงสิ้นเดือนทางแอพฯ Ultra Tech ก็จะจัดการเคลียร์เงินกับทางบริษัทเองโดยตรงเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพนักงานนั่นเอง

บทสรุป

Management Concept

ยุคที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา องค์กรมีการปรับปรุงอยู่สม่ำเสมอ การทำงานในหน่วยงานต่างๆ ก็มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย รวมถึงวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ก็เปลี่ยนไปจากเดิม การทำงานของฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันต้องมีการปรับตัวกันยกใหญ่ไม่แพ้กัน รวมไปถึงในเรื่องของสวัสดิการพนักงานที่ก็มีสิทธิใหม่ๆ ที่ช่วยเหลือตลอดจนเอื้อประโยชน์ให้กับพนักงานมากยิ่งขึ้น

เรื่องสวัสดิการนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยดูแลสาระทุกข์สุกดิบให้กับคนในองค์กรแต่เพียงเท่านั้น มันยังสามารถสร้าง Work-Life Balance ในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตให้สมดุลกันด้วย นอกจากนี้สวัสดิการที่ดียังช่วยทำให้พนักงานเกิดความซื่อสัตย์กับองค์กรและอยากทำงานให้ในระยะยาว เป็นการซื้อใจพนักงานได้ดีวิธีหนึ่งทีเดียว รวมถึงเป็นเครื่องจูงใจให้พนักงานใหม่ๆ อยากเข้ามาร่วมงานกับบริษัทได้เป็นอย่างดีทีเดียว

สวัสดิการที่ดียังช่วยเสริมสร้างศักยภาพของพนักงานให้ทำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ นั่นย่อมทำให้องค์กรประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น กลายเป็นองค์กรที่มีศักยภาพสูงในการแข่งขันทางธุรกิจในที่สุด

ผู้เขียน

HREX.asia

HREX.asia

Connect People to the Best HR Solution เพื่อสนับสนุนการเติบโตขององค์กรผ่านผู้คน

บทความที่เกี่ยวข้อง