ปัจจุบันเข้าสู่ยุค Digital แบบเต็มตัว รูปแบบการทำงานมีแบบ Work from home Work from anywhere มีการทำงานที่บ้านสลับกับที่ทำงาน มีการแข่งขัน และจากการวิจัยพบว่า สิ่งที่องค์กรส่วนใหญ่ประสบปัญหามีปัจจัยหลายด้าน อาทิ
- พนักงานหมดไฟในการทำงาน เกิดภาวะ Burnout จากงานที่จำเจ ปริมาณงานที่มากและควบคุมไม่ได้
- พนักงานปรับตัวไม่ทันกับการทำงานแบบยุค Digital
- การสื่อสารผิดพลาด และล่าช้า
- การประสานงานกันไม่ราบรื่น เกิดความขัดแย้ง
- การบริการลูกค้าไม่ดี
- พนักงานลาออกบ่อย หรือหาพนักงานที่เหมาะสมกับองค์กรยากขึ้น
ด้วยเหตุผลนี้สิ่งที่องค์กรจำเป็นต้องมีการปรับตัวอย่างยิ่งก็คือ เรื่องของคน เพราะคนคือทุกสิ่ง คนคือผู้ขับเคลื่อนองค์กร คนคือผู้ริเริ่ม สร้างสรรค์ และคนทุกคนนี่เองคือ ผู้นำพาองค์กรสู่ความสำเร็จ และสร้างความยั่งยืน
สิ่งที่องค์กรควรพัฒนาและปลูกฝังเป็นอย่างยิ่งก็คือ วัฒนธรรมองค์กร (Corporate Culture) สำหรับทุกองค์กร หรือ วัฒนธรรมบริการ (Service Culture) สำหรับธุรกิจบริการ เช่น โรงพยาบาล ศูนย์บริการ ร้านค้า ร้านอาหาร/ร้านกาแฟ ธนาคาร Showroom ห้างสรรพสินค้า และอื่นๆ ที่หัวใจของธุรกิจขับเคลื่อนด้วยการให้บริการลูกค้า
เพราะวัฒนธรรมองค์กร วัฒนธรรมบริการ เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความแข็งแกร่งในองค์กร ที่จะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความมั่นคง อุปมาได้ว่า หากองค์กรเหมือนบ้านหนึ่งหลัง วัฒนธรรมองค์กรหรือวัฒนธรรมบริการ ก็เสมือนเป็นเสาเข็มของบ้านที่จะสร้างความมั่นคง แข็งแรงเป็นพื้นฐานของบ้านนั่นเอง
การสร้างวัฒนธรรมจะช่วยให้พนักงานมีสิ่งยึดเหนี่ยว มีแนวทางด้านความคิดและพฤติกรรมในการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ และทำให้เกิดบรรยากาศในการทำงานที่ดี มีคนดีดีมาอยู่ร่วมกัน มีคนคิด พฤติกรรม และรูปแบบการทำงานที่ใกล้เคียงกัน ทำให้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวของพนักงานในการอยู่กับองค์กร มีความผูกพันต่อองค์กร และพนักงานเก่งๆ ก็ไม่อยากลาออกไปทำงานในที่ที่ให้เงินเดือนสูงกว่า เพราะเขาไม่แน่ใจว่าบรรยากาศการทำงานที่ดีแบบนี้ จะเกิดขึ้นในที่ทำงานใหม่หรือเปล่า อีกทั้งอัตราจำนวนของพนักงานหมดไฟ หมดแรงในการทำงาน (Burnout) ก็ลดลงด้วย ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ ด้วย ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ (https://www.impgroup.net/consulting-corporate-culture-core-value-vision-mission-strategy/)
หลักสูตรยอดนิยมที่จะช่วยแก้ปัญหาพื้นฐานขององค์กรส่วนใหญ่ หรือเรียกได้ว่าเป็นเหมือนยาสามัญประจำบ้านขององค์กรได้ ก็คือ 5 หลักสูตรนี้
1. การลดภาวะหมดไฟ ในการทำงาน (Burnout Recovery)
มีเนื้อหาที่ทำให้เข้าใจสาเหตุของภาวะหมดไฟในการทำงาน ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น การปรับความคิด อารมณ์ พฤติกรรมในการทำงาน พร้อมทั้งเทคนิคการจัดการกับภาวะหมดไฟในการทำงาน
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ (https://www.impgroup.net/burnout-recovery/)
2. Digital Mindset
มีเนื้อหาที่ปลูกฝังค่านิยม ความเชื่อ และเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะได้รับในการปรับตัวเองเข้าสู่โหมดทำงานแบบ Digital พร้อมเรียนรู้ เครื่องมือ เทคนิค พร้อมรู้จักศัพท์ ที่เกี่ยวกับ Digital พื้นฐาน เช่น Chatbot AI Blockchain และอื่น ๆ
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ (https://www.impgroup.net/digital-mindset/)
3. การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เทคนิคการถ่ายทอดข้อมูล พูดคุย สื่อสาร ภาษากาย ระหว่างบุคคลทั้งเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกน้อง ให้เกิดประสิทธิภาพ พร้อมแก้ไขปัญหาในการสื่อสาร
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ (https://www.impgroup.net/effective-communication/)
4. เทคนิคการประสานงานและลดความขัดแย้ง
ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เทคนิคการประสานงานระหว่างบุคคล หน่วยงานและองค์กรพร้อมทั้งรูปแบบการจัดการความขัดแย้งและการขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ (https://www.impgroup.net/conflict-management-2/)
5. การบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ
ในการทำงานให้บริการลูกค้าจำเป็นต้องมีใจบริการ มีทัศนคติที่ดี ในการทำงาน เข้าใจลูกค้า มีเทคนิคค้นหาความต้องการ และเสนอการบริการ ที่เหมาะสมกับลูกค้า อีกทั้งแนวทางการรับเมื่อเกิดปัญหากับลูกค้า
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่
ทั้ง 5 หลักสูตรนี้ก็จะช่วยส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรให้แข็งแกร่งเพื่อให้สามารถส่งมอบการทำงานที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงแก่องค์กรและลูกค้าได้