Search
Close this search box.

สรุปทุกเรื่องที่ HR ต้องรู้จากงานเปิดตัวหนังสืออัปเดตเทรนด์แห่งปี Future Trends Ahead 2025

สรุปทุกเรื่องที่ HR ต้องรู้จากงานเปิดตัวหนังสืออัปเดตเทรนด์แห่งปี Future Trends Ahead 2025

Future Trends สื่อออนไลน์ชั้นนำด้านเทรนด์ เทคโนโลยี และธุรกิจ เปิดตัวหนังสือ “Future Trends Ahead 2025 Presented by SCBX” เมื่อวันอังคารที่ 7 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ณ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 สยามพารากอน

หนังสือเล่มนี้ต่อยอดความสำเร็จจากหนังสือ “Future Trends Ahead 2024” ที่มียอดดาวน์โหลดกว่า 18,000 เล่ม โดยในปีนี้ได้รับการสนับสนุนจาก SCBX พร้อมแนวคิด “The Next Frontier of The Future” ซึ่งรวบรวม 62 เทรนด์สำคัญจาก 13 หมวดหมู่ เช่น เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี-เอไอและบล็อกเชน การเงินและการลงทุน ความยั่งยืน การตลาด ศิลปะและการออกแบบ ทักษะอนาคต สุขภาพ และไลฟ์สไตล์

สรุปทุกเรื่องที่ HR ต้องรู้จากงานเปิดตัวหนังสืออัปเดตเทรนด์แห่งปี Future Trends Ahead 2025

การจัดทำหนังสือครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากองค์กรชั้นนำด้านเทรนด์ในหมวดต่าง ๆ ประกอบด้วย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC), คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, SCB 10X, InnovestX, หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, SBDi, Ipsos, THINK NEXT ASIA (TrendWatching), Number 24 x Shutterstock (สนับสนุนทั้งเนื้อหาและภาพประกอบในกลุ่ม Creative), FutureSkill, Slingshot Group, MedPark Hospital และ CEA รวมกับทีมทำหนังสือจาก aomMONEY และ Future Trends จึงเป็นการร่วมมือการทำงานระหว่าง 15 องค์กรเพื่อรังสรรค์หนังสือคุณภาพฉบับนี้

ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดได้แล้วที่ลิงก์นี้ https://bit.ly/40kZiCT

สรุปทุกเรื่องที่ HR ต้องรู้จากงานเปิดตัวหนังสืออัปเดตเทรนด์แห่งปี Future Trends Ahead 2025

เทรนด์ทักษะอนาคต: การปรับตัวสู่ยุคแห่ง “Skill-based Organization”

นอกจากเปิดตัวหนังสือแล้ว ในงานยังมี Keynote สั้น ๆ เพื่อพูดถึงเทรนด์ในอนาคตที่น่าสนใจ 3 ด้าน โดยเทรนด์แรกเป็นเรื่อง ทักษะอนาคต (Future Skill) ในยุคที่ทักษะมีบทบาทสำคัญเหนือวุฒิการศึกษา 

สรุปทุกเรื่องที่ HR ต้องรู้จากงานเปิดตัวหนังสืออัปเดตเทรนด์แห่งปี Future Trends Ahead 2025

คุณโอชวิน จิรโสตติกุล CEO และผู้ก่อตั้ง FutureSkill ชี้ให้เห็นว่าองค์กรทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่โมเดล “Skill-based Organization” โดยเน้นให้ความสำคัญกับศักยภาพของบุคคล มากกว่าตำแหน่งงานหรือใบปริญญา การสำรวจของ Deloitte เผยว่า 66% ของคนทำงานชื่นชอบองค์กรที่ตัดสินใจบนพื้นฐานของทักษะ นำไปสู่การสร้างระบบการจ้างงานและพัฒนาแรงงานที่เริ่มต้นจาก “คน” เป็นหลัก โดยมี “ทักษะ” และ “งาน” เป็นส่วนประกอบ ส่งผลให้องค์กรต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง

ความต้องการเรียนรู้ในปัจจุบันสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน จากการสำรวจพบว่า ผู้เรียนในปี 2024 มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทักษะด้าน AI และ Data ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทิศทางที่โลกกำลังมุ่งหน้า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อความก้าวหน้าในสายงาน (50%) หรือการสร้างโอกาสใหม่ (35%) 

ทั้งนี้ คนไทยมีความตั้งใจเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก โดยมีอัตราการเรียนจนจบถึง 48% เทียบกับค่าเฉลี่ยเพียง 26% ทักษะที่เป็นที่นิยมเปลี่ยนไปตามเวลา เช่น จาก Marketing & Data ในปี 2021 ไปสู่ Soft Skills & Data ในปี 2023 และ AI & Data ในปี 2024

คุณโอชวินยังเน้นถึงความสำคัญของ Talent Mobility ผ่านการสร้าง Talent Marketplace ภายในองค์กร ซึ่งรวบรวมโปรไฟล์พนักงานและโอกาสต่าง ๆ ไว้ในที่เดียว เช่น โครงการฝึกอบรม เส้นทางอาชีพ และโปรแกรมพี่เลี้ยง ช่วยเสริมสร้างแรงงานที่มีความคล่องตัว เพิ่มการมีส่วนร่วม และรักษาพนักงานไว้ในระยะยาว การสร้างระบบเช่นนี้ไม่ได้เพียงแค่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง แต่ยังเป็นการปูทางสู่ความยั่งยืนในโลกธุรกิจแห่งอนาคตด้วย

เทรนด์โลกที่ต้องจับตา: ปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุนตลอดปี 2025

ใน Session ต่อไป คุณสุทธิชัย คุ้มวรชัย จาก InnovestX มาแจกแจงเกี่ยวกับเทรนด์โลกที่ต้องจับตา ซึ่งมีผลต่อการลงทุนในปี 2025

สรุปทุกเรื่องที่ HR ต้องรู้จากงานเปิดตัวหนังสืออัปเดตเทรนด์แห่งปี Future Trends Ahead 2025

คุณสุทธิชัย เผยว่าปี 2025 มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุนทั้งในด้านบวกและลบ ด้านหนึ่ง การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารหลักและการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศ เช่น จีนและไทย ยังคงช่วยผลักดันตลาด ในขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มชะลอตัวแบบ soft landing อย่างไรก็ตาม ความผันผวนยังคงอยู่ ทั้งจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงได้ช้า เศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่ำกว่าคาด และปัจจัยการเมืองทั้งในและนอกประเทศ 

ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ คุณสุทธิชัยได้เสนอ 4 กลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจในตลาดหุ้นไทย ดังนี้

  • Value Stock: เน้นหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน เช่น AOT, BBL, CPALL
  • Dividend Stock: หุ้นปันผลสูงเพื่อสร้างรายได้ประจำ เช่น AP, BCP, LHHOTEL
  • Laggard Stock: หุ้นที่ปรับตัวขึ้นช้ากว่า แต่ผลประกอบการส่งสัญญาณเชิงบวก เช่น BCH, GPSC, HMPRO
  • Mid-Small Cap Growth: หุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีศักยภาพเติบโตสูง เช่น AMATA, AU, INSET

ขณะเดียวกัน เทรนด์โลกปี 2025 ก็ชี้ให้เห็นโอกาสสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่

  1. Wellness Tourism การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มาแรง
  2. Sustainability ที่เติบโตผ่านพลังงานหมุนเวียนและ Carbon Credit
  3. Sustainable Aviation Fuel (SAF) ที่ช่วยลดมลพิษทางการบิน
  4. Data Center ที่ขยายตัวตามการใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้น
  5. Pharmaceutical โดยเฉพาะยารักษามะเร็งที่มาพร้อมความหวังและความท้าทาย

การลงทุนที่เชื่อมโยงกับกระแสเหล่านี้เป็นโอกาสที่น่าจับตามองสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตในระยะยาว

เศรษฐกิจไทยปี 2025: ท้าทายจาก Trump 2.0 และโอกาสในการปรับตัว

Session สุดท้าย ดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) กล่าวว่าปี 2025 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับแรงกดดันสำคัญจากนโยบายของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่นำโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นครั้งที่ 2 หรือ Trump 2.0 ซึ่งสร้างความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์และการค้าระหว่างประเทศ

สรุปทุกเรื่องที่ HR ต้องรู้จากงานเปิดตัวหนังสืออัปเดตเทรนด์แห่งปี Future Trends Ahead 2025 

ดร.ฐิติมา ชี้ว่า มาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ เช่น การขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน 20% และจากประเทศอื่นๆ 10% จะส่งผลต่อการค้าและการลงทุนทั่วโลก โดยเศรษฐกิจโลกในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพียง 2.5% ขณะที่ไทยอาจเผชิญกับภาวะชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะในภาคการส่งออกที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูง

ส่วนเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 3% โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่เร่งตัวก่อนมาตรการกีดกันการค้าใหม่จะมีผล รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐที่ยังเติบโต แต่ช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อสงครามการค้าเริ่มส่งผลสุกงอมเต็มที่ เศรษฐกิจไทยจะเติบโตเพียง 2% โดยการผลิตในภาคอุตสาหกรรมยังคงเปราะบาง และการส่งออกไทยต้องเผชิญกับความท้าทายจากทั้งสหรัฐฯ และสินค้าจีนที่เข้ามาแข่งขันในตลาด

เพื่อปรับตัว ธุรกิจไทยควรพิจารณากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับศักยภาพการผลิตและการแข่งขัน เช่น การลงทุนในสินค้ามูลค่าสูง การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต หรือการลดพึ่งพาตลาดเดิม นอกจากนี้ การมุ่งพัฒนา High-value Product และการใช้พลังงานหมุนเวียนยังช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในระยะยาว การปรับตัวอย่างมีเป้าหมายนี้จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางความผันผวนในปี 2025

ประกาศจัดงาน Future Trends Ahead Summit 2025

สรุปทุกเรื่องที่ HR ต้องรู้จากงานเปิดตัวหนังสืออัปเดตเทรนด์แห่งปี Future Trends Ahead 2025

นอกจากเปิดตัวหนังสือและจัดงานเสวนาเพื่อบอกเล่าถึงเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2025 Future Trends ยังได้ประกาศจัดงาน “Future Trends Ahead Summit 2025” ครั้งแรกในประเทศไทยงานสัมมนาที่รวบรวมองค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านเทรนด์ระดับโลกและระดับประเทศ ได้แก่ SCB 10X, InnovestX, หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, SBDi, Ipsos, THINK NEXT ASIA (TrendWatching), FutureSkill และ aomMONEY 

พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับประเทศ อย่างเช่น ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, สนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สุธีรพันธุ์ สักรวัตร Chief Customer Officer, สันติธาร เสถียรไทย นักเศรษฐศาสตร์ นักเขียนและผู้บริหารผู้มีประสบการณ์ทำงานในระดับโลก, พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ CEO & Founder Show No Limit (BT Beartai) และ CK Cheong CEO of Fastwork เป็นต้น

งาน Future Trends Ahead Summit 2025 จะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 – 18.00 น. ณ TDPK Hall, True Digital Park ท่านใดที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.zipeventapp.com/e/future-trends-ahead-summit-2025

สรุปทุกเรื่องที่ HR ต้องรู้จากงานเปิดตัวหนังสืออัปเดตเทรนด์แห่งปี Future Trends Ahead 2025

ผู้เขียน

Picture of HREX.asia

HREX.asia

Connect People to the Best HR Solution เพื่อสนับสนุนการเติบโตขององค์กรผ่านผู้คน

บทความที่เกี่ยวข้อง