Search
Close this search box.

วิธีแก้ปัญหา ถ้าไม่อยากให้พนักงานลาออก

HIGHLIGHT

3 ปัญหาหลักที่มักทำให้คนลาออก

  • ปัญหาเงิน : เงินเดือนน้อยเกินไป มีบริษัทอื่นเสนอเงินสูงกว่า ไม่มีโบนัส ค่าคอมมิชชั่นหดหาย
  • ปัญหางาน : งานหนักจนเกินไป งานล้นมือจนเกินเหตุ งานเกินที่ตกลงไว้ งานกดดันจนเครียด
  • ปัญหาคน : ทะเลาะกัน ความเห็นไม่ลงรอย ไม่มีใครยอมใคร ไม่ทำงานเป็นทีม

วิธีแก้ปัญหา ถ้าไม่อยากให้พนักงานลาออก

ปัญหาพนักงานลาออกนั้นเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับทุกองค์กรเสมอ บางครั้งการย้ายงานอาจเนื่องมาจากการไปหาข้อเสนอที่ดีกว่า หรือบางทีก็อาจมาจากปัญหาต่างๆ ภายในองค์กรตั้งแต่เรื่องหยุมหยิ๋มไปจนถึงเรื่องใหญ่โต ปัญหาในองค์กรเองก็มีตั้งแต่เรื่องงานไปจนถึงเรื่องคน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของการลาออกของพนักงานได้ทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ควรเตรียมรับมืออยู่เสมอ เพราะวัฎจักรนี้จะเกิดขึ้นตลอดเวลา และฝ่าย HR ควรรู้ให้ได้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร บางทีอาจจะแก้ปัญหาได้ทันท่วงที รักษาพนักงานไว้ได้ หรือหาทางป้องกันไม่ให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นได้ดี ไม่ก็เป็นการช่วยให้การจากลากันจบลงด้วยดีทั้งสองฝ่าย

Contents

1. สำรวจอัตราจ้างของพนักงาน ประเมินให้คุ้มค่า

สาเหตุหลักอันดับต้นๆ ที่พนักงานลาออกกันก็คือเรื่องของเงินเดือนนี่ล่ะ บริษัทอาจลองสำรวจดูเสมอว่าจ่ายอัตราจ้างที่เหมาะสมให้กับพนักงานหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็ลองสำรวจคู่แข่งธุรกิจดูด้วยว่าอัตราจ้างอยู่ในระดับไหน เพราะพนักงานอาจลาออกเนื่องมาจากได้ข้อเสนอที่ดีกว่า แล้วกลับมาดูว่าเราให้ข้อเสนอที่ดีพอหรือยัง ต้องประเมินความคุ้มค่าให้รอบด้าน

กดเงินเดือนน้อย…แล้วไปกดดันที่ค่าคอม
หลายบริษัทเลือกวิธีลดความเสี่ยงด้วยการใช้หลักการบริหารนี้ และใช้ค่าคอมมาเป็นเสมือนตัวกระตุ้นให้เกิดความขยันแทน แต่วิธีนี้มักจะไม่สร้างความภักดีให้กับองค์กร สุดท้ายพนักงานมักจะเครียดแล้วลาออกกันบ่อยๆ ลองปรับฐานเงินเดือนให้สูงขึ้น ให้เกิดความสบายใจ แล้วปรับอัตราค่าคอมมิชชั่นให้ลดลง อาจจะลดความเครียด อยู่กันได้ยาวกว่า บริษัทอาจได้ผลกำไรดีในระยะยาว

2. ประเมินความรับผิดชอบงาน ว่าหนักเกินไป หรือเอาเปรียบแรงงานไปหรือเปล่า

หลายบริษัทที่ไม่ใส่ใจเรื่องดูแลบุคคลากรมากนัก มักจะคิดถึงความคุ้มค่าของงานมากกว่าสนใจอัตราจ้าง ประเภทที่ว่าจ้างมาแล้วก็ให้ทำงานให้คุ้มที่สุด บางทีอาจเพิ่มงานจาก JD ที่กำหนดไว้แต่แรก บางครั้งก็อาจอัดงานจนล้นมือ หรือบางคราวก็มอบหลายๆ งานให้ทำพร้อมกันจนยุ่งเหยิง สาเหตุนี้ก็ทำให้พนักงานทนไม่ไหวได้เช่นกัน

อดทนน้อย VS. เอาเปรียบจนเกินไป
ปัญหาโลกแตกของวงการทำงานยุคนี้ก็คือนายจ้างหรือคนทำงานรุ่นเก่าก็มักจะบ่นว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่มีความอดทนเอาเสียเลย หนักไม่เอา เบาไม่สู้ ในขณะที่เด็กรุ่นใหม่ก็มักจะบ่นว่านายจ้างสมัยนี้เอาเปรียบกันเสียเหลือเกิน ให้งานไม่ดูเงิน ใช้งานไม่ดูเวลา จ้างาตำแหน่งเดียวแต่เทงานให้รับผิดชอบเหมือนหลายตำแหน่ง ซึ่งสิ่งที่บ่นมาทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด ขึ้นอยู่กับมุมมองใครเท่านั้นเอง ทางที่ดีทั้งสองฝ่ายก็ควรปรับตัวกัน และหันมามองตัวเองว่าตัวเองกำลังเป็นอย่างที่เขาพูดหรือเปล่า

3. สร้างทิศทางความก้าวหน้าในอาชีพ เสริมแผนพัฒนาศักยภาพ

ใครๆ ต่างก็ต้องการเติบโตในหน้าที่การงานทั้งนั้น หากมองไม่เห็นทิศทางที่ก้าวหน้าก็อาจเป็นเหตุให้พนักงานลาออกได้ ความก้าวหน้านั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องของตำแหน่งหน้าที่เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการมอบโอกาสงานใหม่ๆ ให้ด้วยเหมือนกัน ความก้าวหน้าอีกด้านก็คือการพัฒนาศักยภาพให้สูงขึ้น ตรงจุดนี้องค์กรมีแผนพัฒนาศักยภาพของพนักงานหรือเปล่า อย่างเช่นการอบรมต่างๆ, การดูงาน, หรือแม้แต่การศึกษาต่อที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน เป็นต้น

4. เสริมความสัมพันธ์ระดับบุคคลให้ดี

บางครั้งปัญหาการลาออกไม่ใช่เรื่องของงานเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเรื่องของสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากกว่า การกระทบกระทั่งจนเกิดความบาดหมางหรือไม่ลงรอยกันอาจเป็นส่วนทำให้การทำงานมีปัญหา บางครั้งฝ่าย HR เองอาจต้องเป็นตัวกลางใจการเจรจาหรือจัดการเรื่องนี้เพื่อป้องกันการลาออกได้ หรืออาจป้องกันไว้ดีกว่าแก้ภายหลัง ด้วยการพยายามหากิจกรรมเสริมสัมพันธ์ระหว่างกัน เพื่อให้เกิดความสนิทสนม กลมเกลียว ทำงานกันอย่างราบรื่น

สร้างการทำงานระบบทีมให้ยอดเยี่ยม
การเสริมสร้างการทำงานระบบทีมก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยม การฝึกการทำงานเป็นทีมที่ดีนั้นจะเกิดความช่วยเหลือกัน สร้างความมุ่งมั่นร่วมกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ช่วยเหลือเกื้อกูล หากทีมที่สร้างขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง ย่อมมีโอกาสเกิดปัญหาน้อยลงตามด้วย เพราะบางครั้งยามเกิดปัญหาจะสามารถช่วยกันแก้ไขได้ดีกว่าการทำงานเดี่ยว และเมื่อเจอทีมที่ดีก็มักจะไม่คอ่ยมีใครอยากลาออก

5. อุปกรณ์การทำงานต้องพร้อม แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

บางครั้งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ หลายคนที่ทำงานระบบออฟฟิศน่าจะเคยเจอปัญหาเรื่องอุปกรณ์การทำงานมาบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะเรื่องคอมพิวเตอร์ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของงานทุกอาชีพไปแล้ว หลายบริษัทมักซื้ออุปกรณ์ในระดับมาตรฐาน ราคาถูก โดยที่ไม่ประเมินศักยภาพของอุปกรณ์กับงานของพนักงาน เพราะคนที่ซื้อมักไม่ใช่เป็นคนที่ใช้งาน อย่างพนักงานที่ต้องเสิร์ชหาข้อมูลบ่อยๆ คอมฯ ช้า อินเตอร์เน็ตก็ช้า สร้างความหงุดหงิดในการทำงานแน่นอน และเมื่อร้องขอการแก้ไข ก็ล่าช้า ถูกบริษัทหมางเมิน เรื่องเล็กๆ แค่นี้ทำให้พนักงานโบกมือลาบริษัทมามากมายแล้ว บริษัทอาจลองเช็คเรื่องนี้ ลองหันมาสนใจ ใส่ใจ อาจแก้ปัญหาได้ดีกว่า

6. จัดการบริหารความเครียด ลดความกดดัน

บางครั้งการกดดันการทำงานจนเกินไป หรือสร้างความเครียดให้กับพนักงานจนเกินไป ก็อาจทำให้เกิดผลเสียกับงานได้เช่นกัน องค์กรอาจลองหันมามองตรงจุดนี้ ว่าควรลดการกดดันที่ไม่เหมาะควร กำหนดเป้าหมายให้เหมาะสม หรือแม้แต่ลดความเครียดในการทำงานระหว่างกันลง บางครั้งอาจจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในงานมากกว่าก็เป็นได้ ถ้าจัดการได้ดีก็อาจจะลดอัตราการลาออกของพนักงานได้

พื้นที่พักผ่อน … ห้องไว้ปลีกวิเวก
องค์กรยุคใหม่ไม่ใช่ใส่ใจแค่พื้นที่ทำงาน แต่หันมาใส่ใจพื้นที่พักผ่อนให้พนักงานระหว่างทำงานด้วย บางทีอาจมีห้องเอนกาย ห้องคลายเครียด ห้องเล่นเกม ห้องอ่านหนังสือ ห้องดูหนัง หรือแม้แต่ห้องส่วนตัวให้ปลีกวิเวก ให้พนักงานได้ปลีกตัวออกไปอยู่กับตัวเองเพื่อลดความเครียดระหว่างการทำงานได้ อาจจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น ชีวิตการทำงานมีความสุข ไม่อยากลาออกจากองค์กรที่ใส่ใจดูแลเรื่องอื่นๆ ด้วย

7. แชร์ความคิดเห็นกันเสมอ สอบถามความคิดเห็นกับตลอด

บางองค์กรที่ไม่มีระบบแชร์ความรู้ความคิดเห็น หรือเปิดโอกาสให้พนักงานได้พูดคุยส่วนตัวกับหัวหน้างาน พนักงานอาจเจอปัญหาแล้วเก็บกด ไม่มีที่ระบาย ทั้งปัญหาส่วนตัว, ปัญหาผู้ร่วมงาน, หรือว่าแม้แต่ปัญหาในการทำงาน ก็อาจจะเครียดจนต้องลาออกได้ องค์กรควรเปิดโอกาสให้ทุกคนได้พูด ร่วมกันแสดงความคิดเห็น ช่วยกันแก้ปัญหา และควรมีการนัดคุยแบบส่วนตัวอย่างเท่าเทียมกันทุกคนและสม่ำเสมอด้วย เพื่อให้พนักงานได้ feedback และไม่รู้สึกผิดในการถูกเรียกไปคุย กล้าพูด ผู้บริหารหรือหัวหน้างานอาจได้ข้อมูลมาปรับปรุงให้ดีขึ้น และควรต้องเก็บความลับให้ได้ด้วย

8. สร้างความเชื่อมั่นให้พนักงาน สร้างความหมายในตัวเองให้กับบุคลากร

หลายคนตัดสินใจออกจากงานเพราะอาจไม่มั่นใจว่าตนเองจะสามารถรับผิดชอบงานได้ดี ทำงานได้บรรลุเป้าหมาย หรือตนมีความสามารถไม่พอ หรือแม้แต่ตัวเองรู้สึกไม่มีความหมายต่อองค์กร สิ่งเหล่านี้หัวหน้างานไปจนถึงฝ่าย HR เองควรรู้วิธีสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวพนักงานเอง ส่งเสริม ให้กำลังใจ ให้โอกาส สร้างความมั่นใจ ยืนเคียงข้างเมื่อล้ม หากพนักงานไม่ได้ต่อสู้คนเดียวก็อาจจะกล้าเดินต่อได้ และเขาอาจจะพบความสำเร็จที่เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะทำได้ก็เป็นได้

9. เช็คสมดุลชีวิตของพนักงาน

พนักงานยุคใหม่ส่วนใหญ่เติบโตมาในช่วงที่ทุกคนหันมาใส่ใจตัวเอง ดูแลสุขภาพกันมากขึ้น การสร้างสมดุลชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ เรื่องเงินเดือนอาจไม่สำคัญเท่าเวลาส่วนตัวในชีวิต หากเราสามารถช่วยบลาลานซ์ชีวิตของเขาได้ ก็อาจทำให้ไม่ต้องลาจากกัน เพราะบางครั้งก็เป็นสิทธิ์ของพนักงาน อย่างเช่นการเลิกงานตรงเวลา ไม่ล่วงเวลาจนบ่อยเกินไป ให้เขาได้มีเวลาพักผ่อนส่วนตัว

ฟิตที่ออฟฟิศ
องค์กรยุคใหม่หลายองค์กรเริ่มปรับตัวในด้านนี้ บางทีก็ให้สวัสดิการการออกกำลังกาย บางครั้งก็สร้างสถานที่ออกกำลังกายในบริษัท หรือจัดคอร์สออกกำลังกายให้พนักงานได้มาใช้บริการได้ฟรี นอกจากจะช่วยให้สุขภาพดี ยังช่วยให้ผ่อนคลายได้ด้วย และเป็นสวัสดิการหนึ่งที่คนยุคนี้สนใจทีเดียว

10. สร้างความยุติธรรมให้ทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม

การที่พนักงานรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม ไม่เท่าเทียมกัน หรือมีการโอนเอียงเข้าหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแบบไร้เหตุผล เรื่องที่เหมือนจะเล็กนี้กลับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลายคนที่ทำให้เกิดการน้อยเนื้อต่ำใจจนลาออกได้ ความยุติธรรมนั้นอาจไม่ได้หมายถึงความเท่าเทียมกันไปเสียทุกกรณี แต่อาจหมายถึงความเหมาะสมด้วย ไม่เลือกปฎิบัติ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน องค์กรต้องช่างน้ำหนักแต่ละเรื่องให้ดี

11. เช็คว่าตัวองค์กรเอง หรือผู้บริหารมีปัญหาหรือไม่

หากปัญหาไม่ได้อยู่ที่งาน หรือพนักงาน องค์กรอาจต้องลองย้อนมามองตัวเองว่าแท้ที่จริงแล้วปัญหาที่ทำให้พนักงานลาออกนั้นอยู่ที่ผู้บริหารหรือองค์กรเองหรือไม่ บกพร่องตรงจุดไหน ทำผิดพลาดไปหรือเปล่า หรือควรปรับปรุงเช่นไร องค์กรที่มีอีโก้ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองอาจทำให้ไม่มีผู้อยากอยู่ร่วมงานด้วย หากพบปัญหาแล้วรีบแก้ไข ก็อาจทำให้ทุกคนร่วมงานกันอย่างมีความสุข

บทสรุป

  • การลาออกนั้นเป็นสิทธิ์ของพนักงานทุกคน แต่สิ่งที่ฝ่าย HR หรือแม้แต่ผู้บริหารองค์กรควรทำก็คือควรรู้สาเหตุที่แท้จริงให้ได้ ทั้งนี้เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น หรือแม้แต่ไม่ทำให้มันเกิดซ้ำรอย องค์กรที่ดีควรมีการทำ Exit Interview ด้วย เพื่อถามไถ่ ให้กำลังใจ และเก็บข้อมูลไปในตัว ไม่ใช่ทำเพื่อเอาผิด ไล่บี้ หรือเรียกมาประนาม
  • การที่พนักงานลาออกนั้นไม่จำเป็นว่าจะเป็นผลเสียเสมอไป บางครั้งการลาออกอาจจะเป็นการตัดเนื้อร้ายทิ้งแล้วทำให้องค์กรดีขึ้นก็เป็นได้ อย่างไรก็ดีองค์กรต้องรู้ข้อมูล และช่างน้ำหนักให้ดี
  • หากเกิดการลาออกจริง ก็ควรจบลงด้วยดีทั้งสองฝ่าย ไม่ติดใจอะไรกัน แบบที่สามารถมาร่วมงานกันใหม่อีกในอนาคตได้

ผู้เขียน

Picture of HREX.asia

HREX.asia

Connect People to the Best HR Solution เพื่อสนับสนุนการเติบโตขององค์กรผ่านผู้คน

บทความที่เกี่ยวข้อง