HIGHLIGHT
|
ต่อเนื่องกันเลยกับ 5 หนัง ที่ HR ควรดู เพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง (Part 2) ที่เรายังคงคัดเลือกหนังคุณภาพที่สามารถนำมาประยุกต์กับการทำงานของ HR ได้ สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่าน Part 1 สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ข้างล่างนี้เลย
1. The Pursuit of Happyness (2006)
เรื่องย่อ
สร้างจากเรื่องจริงของการไล่ล่าหาความสุขของคุณพ่อลูกติด “คริส การ์ดเนอร์” ที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตในซานฟรานซิสโก ทั้งสองต้องเจอมรสุมชีวิตสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการโดนไล่ออกจากอพาร์ทเมนท์ ตกงาน ไม่มีเงิน กระทั่งกลายเป็นคนไร้บ้านในที่สุด
แต่สุดท้ายเขาก็ค่อย ๆ ผ่านความยากลำบาก จากการมองโลกในแง่ดี การไม่ยอมแพ้ และการหมั่นเรียนรู้ ฝึกงานในบริษัทนายหน้าค้าหุ้น จนสามารถตั้งบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์เป็นของตัวเองได้ ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังลำบาก
ทำไม HR ต้องดูหนังเรื่องนี้
เพราะชีวิตไม่มีคำว่าสิ้นหวัง การมองโลกในแง่ดีจึงเป็นสิ่งที่โอบอุ้มคนคนหนึ่งให้ก้าวพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบาก และไม่ว่าเขาจะเจอปัญหาอุปสรรคอะไร การ์ดเนอร์จะเชื่ออยู่เสมอว่า “ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเสมอ”
The Pursuit of Happyness เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นสุดยอดหนังให้แรงบันดาลใจที่ทุกคนควรดู เพราะหนังจะปลุกเร้าให้ผู้ชมไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค อดทน และหมั่นเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ให้ตัวเอง โดย HR สามารถชมเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปลูกฝังทัศนคติเชิงบวกให้กับองค์กรได้
HR สามารถส่งเสริมการสร้างความสุขในการทำงานได้ผ่านปัจจัยมากมาย ไม่ว่าการมีเจ้านายที่ดี การมีชีวิตและการทำงานที่สมดุล การส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีในองค์กร รวมไปถึงมอบผลตอบแทนและสวัสดิการที่เหมาะสม
อย่าลืมว่าการดึงศักยภาพของคนให้ได้มากที่สุดต้องแลกมาด้วยแรงกดดันมหาศาล องค์กรยุคใหม่จึงไม่สามารถมองข้ามประเด็นความสุขในการทำงานของพนักงานได้เลย
2. The Intern (2015)
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ “เบ็น วิทเทเกอร์” หนุ่ยใหญ่วัย 70 ปี ผู้ไม่ต้องการใช้ชีวิตหลังเกษียณให้หมดไปวัน ๆ เขาจึงมาสมัครเป็นพนักงานฝึกหัดในบริษัทเว็บไซต์ด้านแฟชั่นที่ก่อตั้งและบริหารโดย “จูลส์ ออสติน” เบ็นได้รับมอบหมายให้เป็นเด็กฝึกงานในทีมของจูลส์ เจ้าของบริษัทสาวรุ่นใหม่ไฟแรงที่แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย การได้กลับมาทำงาน ทำให้เขาได้พบกับสังคมการทำงานรูปแบบใหม่ของคนหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยี แต่เบ็นยังคงเป็นผู้ใหญ่โลว์เทคในสายตาของคนในออฟฟิศ ทำให้จูลส์ยืนกรานว่าไม่ต้องการพนักงานฝึกงานอาวุโสมาเป็นผู้ช่วยของเธอ แต่สุดท้ายเรื่องราวสุดประทับใจก็เกิดขึ้น
ทำไม HR ต้องดูหนังเรื่องนี้
“Old dog learning new tricks” คือคอนเซปต์ของภาพยนตร์ที่ชัดเจน ผ่านตัวละครรุ่นใหญ่ที่เข้ามาทำหน้าที่พื้นฐานสุด ๆ ในบริษัทอย่างการฝึกงาน สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึง Growth Mindset หรือแนวคิดที่เชื่อว่าความสามารถของทุกคนนั้นเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผ่านความพยายาม ไม่ยอมแพ้ และการเรียนรู้ และไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็ยังสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
นี่คือสิ่งที่ HR สามารถนำไปใช้วางแผนฝึกทักษะให้กับพนักงานรุ่นใหญ่ในองค์กร สร้าง Learning Mindset ให้กับพนักงานทุกคน โดยเฉพาะช่วง New Normal มาพร้อมกับ New Challenge
ทั้งนี้ การเรียนรู้ต้องคู่กับการพัฒนา L&D จึงเป็นเรื่องที่องค์กรควรนำมาใช้ และเป็นเครื่องมือที่ HR ควรสร้างให้เกิดขึ้นในองค์กรและเกิดกับพนักงานทุกคน การเรียนรู้และการพัฒนาจึงเป็นความท้าทายของงานด้านทรัพยากรบุคคลทั้งปัจจุบันและอนาคต
และขอให้คิดไว้เสมอว่า การเรียนรู้เป็น input ที่ดี เมื่อผ่านกระบวนการพัฒนา องค์กรก็จะได้ output ที่ดีเช่นกัน
3. Remember the Titans (2000)
เรื่องย่อ
อ้างอิงจากเหตุการณ์จริงในช่วงต้นทศวรรษที่ 70 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งทางสีผิวในสหรัฐอเมริกาอย่างรุนแรง แม้ภาครัฐจะออกนโยบายรวมชาติไม่แบ่งแยกคนขาวและคนดำก็ตาม
โดยโรงเรียนแห่งหนึ่งในเวอร์จิเนีย กำลังสร้างทีมอเมริกันฟุตบอล Titans ถูกบังคับให้เกิดการรวมตัวของนักเรียนผิวขาวและผิวสีมาเรียนด้วยกันเพื่อเป็นต้นแบบในการรวมเชื้อชาติ ทั้งยังแต่งตั้งหัวหน้าโค้ชคนใหม่ “เฮอร์แมน บูน” ที่เป็นคนผิวสีมาแทนคนเก่าที่เป็นคนขาว ทำให้เกิดเหตุการณ์คนขาวท้องถิ่นไม่ยอมรับ
บูนจึงพยามสร้างความสามัคคีภายในทีมด้วยการไปเข้าแคมป์ละลายพฤติกรรม ทำความรู้จัก และให้เกียรติซึ่งกันและกัน จนเกิดมิตรภาพที่ไม่มีเรื่องสีผิวและเชื้อชาติมาขัดขวางอีกต่อไป
ทำไม HR ต้องดูหนังเรื่องนี้
ความยากของหัวหน้างานคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน คือการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้เกิดขึ้นในทีม โดยเฉพาะทีมที่มีความขัดแย้งคุกรุ่นอยู่ภายใน แต่ด้วยสไตล์การบริหารทีมที่เน้นการโค้ชชิ่ง มากกว่าการบังคับ ทำให้เฮอร์แมน บูน ได้รับความไว้วางใจจากทุกคน
ประเด็นหลักของหนังเรื่องนี้จึงเน้นไปที่การสร้าง Team Building หรือทีมสัมพันธ์ให้องค์กรแข็งแกร่ง เนื่องจากความสามัคคีจะทำให้ทุกคนในองค์กรสามารถร่วมมือกันขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้ ผ่านกระบวนการรที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นร่วมกันอย่างเท่าเทียม และยอมรับซึ่งกันและกัน
ไม่ต่างอะไรกับองค์กรที่คนหลากหลายรูปแบบมาร่วมกลุ่มกันเพื่อทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ หากคนหลากหลายรูปแบบเหล่านั้นไม่มีการทำงานที่มีระบบร่วมกัน ไปในทิศทางเดียวกัน หรือแม้แต่ไม่ร่วมแรงร่วมใจกัน ก็จะทำให้องค์กรนั้นล้มเหลวได้
ดังนั้นกระบวนการการสร้างทีมสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่หลายองค์กรให้ความสนใจในการนำมาใช้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในองค์กรให้ไปในทิศทางเดียวกัน ร่วมมือกัน สร้างเป้าหมายเดียวกัน เพื่อให้ทุกคนร่วมกันทำให้เกิดความสำเร็จ และทำให้องค์กรขับเคลื่อนไปด้วยประสิทธิภาพนั่นเอง
4. The Social Network (2010)
เรื่องย่อ
ภาพยนตร์ดราม่าที่สร้างจากชีวประวัติของ “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ผู้ให้กำเนิด Facebook และกลายมาเป็นมหาเศรษฐีพันล้านอายุน้อยที่สุดในโลก
มาร์คสร้างเว็บไซต์เพื่อการติดต่อสื่อสารระหว่างเพื่อนฝูงจนประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่สวนทางกับแนวคิดนี้ก็คือ เขากลับเป็นคนขาดความมีมนุษยสัมพันธ์ ปล่อยปะละเลยเพื่อนสนิทที่สุดของเขา จนนำไปสู่เหตุการณ์ที่ทำให้มิตรกลายเป็นศัตรู
ทำไม HR ต้องดูหนังเรื่องนี้
นอกเหนือประเด็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดในเชิงธุรกิจ หนึ่งในสิ่งสำคัญของเรื่องคือการรวมทีมพนักงานกลุ่มแรกในการก่อตั้ง Facebook เมื่อมาร์คคัดสรรเฉพาะผู้ที่มีความสามารถระดับสูงเข้ามาร่วมทีมตั้งแต่แรก ทำให้ Facebook สร้างนวัตกรรมที่โดดเด่นได้
ประเด็นดังกล่าว HR สามารถนำไปประยุกต์ในกระบวนการสรรหาพนักงานที่มีความสามารถ ซึ่งบางครั้งเราก็สามารถสกีนได้ตั้งแต่การคัดเลือก Resume ภายใน 7 วินาที มองหาดาวเด่นที่สามารถเป็นพนักงานคุณภาพในอนาคต
หรือกระทั่งวางแผน Creative Recruitment เพื่อสร้างสรรค์การคัดสรรเพื่อดึงดูดพนักงานที่มีพรสวรรค์ ซึ่งจะช่วยดึงดูดใจคนเก่งและมีความสามารถให้มาสมัครงานกับองค์กรได้เพิ่มขึ้น ทำให้องค์กรมีตัวเลือกมากขึ้น และช่วยให้องค์กรได้พนักงานที่มีศักยภาพ
เพราะเมื่อองค์กรได้คนที่มีความสามารถและศักยภาพมาร่วมงานแล้ว โอกาสที่องค์กรจะประสบความสำเร็จก็ตามมาเช่นกัน
5. The Upside (2017)
เรื่องย่อ
ปิดท้ายลิสต์ด้วยภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริง (อีกแล้ว) โดยเป็นเรื่องของมิตรภาพระหว่าง “ฟิลลิป ลาแคส” เศรษฐีที่เป็นอัมพาตทั้งตัว และอดีตผู้ต้องขัง “เดลล์ สก๊อทท์” ที่ต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เนื่องจากเขายังคงต้องรับภาคทัณฑ์ทำให้การหางานนั้นยากลำบาก อย่างไรก็ดีฟิลลิปกลับชอบในตัวเขา และต้องการให้เดลล์มาเป็นผู้ดูแล
ทั้งสองต่างได้เรียนรู้จากประสบการณ์ซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เชื่อมความสัมพันธ์ด้วยความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในทุกมิติ ทำให้เขาได้เรียนรู้ความคิดใหม่ แลแง่คิดของการใช้ชีวิต
ทำไม HR ต้องดูหนังเรื่องนี้
ภาพยนตร์เรื่องนี้คือตัวอย่างความสัมพันธ์ที่ดีของนายจ้างและลูกจ้างในแบบที่ควรจะเป็น หากเป็นองค์กรก็เปรียบเสมือน Candidate Relationship Management (CRM) หรือการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้สมัครงาน ซึ่งก็คือ กลยุทธ์ในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างองค์กรกับผู้สมัครงาน เพื่อสรรหาวิธีสร้างความพึงพอใจที่จะนำไปสู่ความจงรักภักดีต่อองค์กร
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ความสัมพันธ์ที่ดีนั้นเกิดจากมีส่วนร่วมและผูกพันของบุคคลากร หรือ Employee Engagement ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บุคคลากรรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร สัมผัสได้ว่าองค์กรใส่ใจดูแลพนักงานเป็นอย่างดี นั่นทำให้บุคลากรอยากร่วมงานในระยะยาว และเกิดความจงรักภักดีต่อองค์กรได้ในที่สุด
ทั้งนี้ การสร้าง Employee Engagement นั้น ไม่ใช่หน้าที่ของแผนกใดแผนกหนึ่ง หรือคนใดคนหนึ่ง แต่ควรเป็นหน้าที่ของทุกคนในองค์กรที่ร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันให้องค์กรประสบความสำเร็จ ซึ่งการมี Employee Engagement ที่ดีมีส่วนอย่างยิ่งที่จะเป็นพลังสำคัญในการทำงานของทุกคน และสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นกับองค์กรได้ รวมถึงสร้างพลังขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่และมีประสิทธิภาพที่จะผลักดันองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างยั่งยืนในที่สุดด้วย
บทสรุป
“ภาพยนตร์ยังให้เกิดปัญญา” นี่คือคำขวัญของหอภาพยนตร์ไทยที่มุ่งเน้นเผยแพร่ภาพยนตร์ในฐานะสื่อการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ซึ่งเราก็เชื่อเช่นนั้น เพราะนอกเหนือจากความสนุก ความสุข หรือความตื่นเต้นที่ได้จากการรับชมแล้ว หนังเรื่องหนึ่งยังสามารถให้ความรู้และสร้างบันดาลใจในชีวิตจริงได้
10 หนัง ที่ HR ควรดู เพื่อเรียนรู้และพัฒนาตัวเองทั้ง 2 พาร์ทนั้น เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของโลกภาพยนตร์ที่ HREX.asia อยากให้ HR หรือคนทำงานทุกคนไปค้นหา แล้วสังเคราะห์นำเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน
โลกนี้ยังมีภาพยนตร์อีกมากมายที่รอให้ HR ไปค้นพบ มีเรื่องไหนที่น่าสนใจอีกบ้าง ทักมาบอกเราได้นะ