HIGHLIGHT
|
เพราะ “คน” คือหัวใจหลักขององค์กร การขับเคลื่อนธุรกิจต่าง ๆ จึงต้องอาศัยพนักงานที่มีจิตวิญญาณเดียวกัน เพื่อทำให้เป้าหมายทางธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จไปด้วยกัน
ไม่ต่างอะไรกับแนวคิดของคุณ เต๋อ – สาธร อุพันวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LEARN Corporation ที่เชื่อว่า องค์กรที่ดีพนักงานต้องมีจิตวิญญาณเดียวกัน
“เพราะเราเชื่อว่า EdTech เป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่จะช่วยยกระดับการเรียนรู้ พัฒนาศักยภาพบุคคลให้ประสบความสำเร็จ และมีความสุขในแบบของตนเอง เราจึงไม่หยุดพัฒนาและต่อยอดกลุ่มธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง เพื่อเป็นประตูสู่โอกาสการเรียนรู้ ที่จะมอบความสุขอย่างยั่งยืนให้กับสังคมต่อไป”
HREX.asia ได้พูดคุยกับเขาถึงแนวทางในการบริหารจัดการคนว่า LEARN Corporation ทำอย่างไรถึงได้เป็น Best Companies To Work For ปี 2022
ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของ LEARN Corporation คือ OnDemand ทำไมตอนนั้นถึงตัดสินใจทำธุรกิจ Edtech
สาธร: ผมเป็นเด็กกิจกรรมครับ เรียบง่ายเลยคืออยากช่วยคน แล้วก็เคยไปทำงานภาคเกษตรมา 5-6 ปี เพราะอยากช่วยเกษตรกร แต่พอถึงจุด ๆ หนึ่งเรารู้สึกว่าคาแรกเตอร์ตัวเองไม่ Match กับตรงนั้น ก็เลยลองมามองเรื่องการศึกษาครับ
ผมรู้สึกว่าการศึกษาอยู่กับคนเราตั้งแต่เกิดจนตายได้เลย และมันสร้าง Impact ได้มากกว่า เราพยายามใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เข้ามาประยุกต์กับกวดวิชา ก็เลยเป็นเจ้าแรกที่เรียนคอมพิวเตอร์แบบตัวต่อตัว จาก OnDemand ก็ขยายกลายเป็น LEARN Corporation จนถึงทุกวันนี้
การทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น มันต้องไม่ใช่แค่สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจบไป เพราะโลกทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา องค์ความรู้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว นำมาใช้กับโลกปัจจุบันไม่ได้ เพราะฉะนั้น “การศึกษาตลอดชีวิต” จึงเป็นมิติที่สำคัญมาก เราจึงวางตัวเองเป็น Lifelong Learning EdTech
นี่คือจุดเริ่มต้นที่เราอยากทำอะไรเกี่ยวกับการศึกษาหรือการเรียนรู้ของคนครับ
จากพนักงานเพียงไม่กี่คน จนมาถึงปัจจุบันที่มาพนักงานหลักพันคน คุณเรียนรู้การบริหารจัดการคนอย่างไรบ้าง ?
สาธร: จริง ๆ โชคดีที่ได้เรียนรู้ตั้งแต่ตอนทำกิจกรรมสมัยมัธยมฯ และมหาวิทยาลัย ได้เรียนรู้จากเพื่อนและคนรอบตัวที่บางคนเก่งกว่าเราอีก การได้ฝึกทำงานทำกิจกรรมเป็นการเรียนรู้กับของจริง ทุกอย่างล้วนเป็นพื้นฐานที่ดี
เพราะพอมาทำงานจริงแล้วมันไม่เหมือนกันนะ พนักงาน 1 คน 30 คน หลักร้อย หรือหลักพันคน มันบริหารคนละแบบเลย เครื่องมือในการบริหารก็เปลี่ยนไป เรามีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับเรื่องนี้ด้วย เพื่อวิเคราะห์และนำไปพัฒนาให้ตอบโจทย์กับทั้งองค์กรและพนักงานมากขึ้น ก็ค่อย ๆ เรียนรู้จากประสบการณ์ ศึกษาเพิ่มเติม และแลกเปลี่ยนกับคนอื่นด้วยครับ
สถานการณ์ COVID-19 เป็นวิกฤตที่ทุกองค์กรต้องเผชิญ ทาง LEARN Corporation เผชิญหน้ากับอะไรบ้าง แล้วได้เรียนรู้อะไรจากวิกฤตครั้งนี้ ?
สาธร: เรียกว่าเป็นวิกฤตที่ดีนะ ทำให้เรารู้ว่าการแก้วิกฤตที่ดีที่สุดคือการป้องกันก่อนเกิดวิกฤต ในเชิงการบริการ เราเตรียมระบบการเรียนออนไลน์และครูของเราพร้อมก่อนโควิดเข้ามาอีก ดังนั้นหลังจากโควิดเข้ามา เราก็เปลี่ยนจากการเรียนปกติมาเป็นเรียนออนไลน์ได้แบบ 100%
ส่วนในการบริหารคนภายใน มันมากเลย (หัวเราะ) ก็โชคดีที่เราทำให้กับนักเรียนของเราได้แล้ว เราก็ทำให้กับทีมงานกันเองด้วย ฉะนั้นการ Work From Home จึงไม่ได้เป็นปัญหากับเรามาก เราเริ่มปรับตัวทำ Digital Transformation มาก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งแล้ว มีการใช้ระบบ Cloud ในการทำงานที่บ้านต่าง ๆ
แม้กระทั่งในมุม Production การบริหารจัดการก็ยากนะ แต่เราก็กระจาย Production ไปตามสาขาในกรุงเทพฯ เพื่อจะลดความเสี่ยง เราประคับประคองทีมและเปลี่ยนหน้าที่การทำงาน มีการเข้าไปเชิงรุกมากขึ้น เข้าหาโรงเรียน เข้าหานักเรียนโดยตรง ก็มีการปรับตัวในการทำงาน
เรื่องการดูแลพนักงาน ช่วงโควิดระลอกแรกที่ทั่วโลกยังไม่มีวัคซีน พนักงานและครอบครัวต่างได้รับผลกระทบ เราจึงตั้งทีมดูแลเรื่องโควิดโดยเฉพาะ หลายคนยังไม่มีความรู้เรื่องอาการ การดูแลตัวเอง สถานที่ตรวจ สถานพยาบาล หรือรถรับ-ส่ง เราก็ช่วยประสานให้ ตรงนี้เราดูแลทั้งพนักงานและครอบครัวพนักงานด้วย รวมทั้งน้อง ๆ พนักงานเองก็ร่วมเป็นอาสารับ-ส่งประชาชนทั่วไปไปยังสถานพยาบาลอีกแรง
ขณะที่เรื่องวัคซีน เราก็มีการประสานงานขอวัคซีนซิโนฟาร์มกับทางสถาบันจุฬาภรณ์ และกระจายให้กับพนักงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานต่างชาติหรือแม่บ้านทุกคนต้องเข้าถึงวัคซีนหมด จังหวะนั้นเป็นเรื่องของชีวิต ทุกคนต้องได้รับวัคซีนอย่างเท่าเทียม ก็เป็นความดีใจของทีมงานที่ได้ทำหน้าที่นี้
ทราบมาว่าช่วง COVID-19 มีการสร้าง Online Community ในองค์กรด้วย เล่าให้ฟังหน่อยว่าสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร ?
สาธร: เรามีสาขาหลายสาขาและกระจายอยู่ต่างจังหวัดครับ ผมคิดว่าการสื่อสารสำคัญมาก โดยเฉพาะยิ่งในภาวะแบบนั้นการสื่อสารต้องหนักและถี่ โชคดีที่น้อง ๆ ในทีมเขาเก่งเรื่องนี้ ก็พยายามทำกิจกรรมแปลก ๆ ใหม่ ๆ ให้เล่นเกมผ่านออนไลน์ มีการไลฟ์บ่อยมาก เหมือนหาเรื่องมาเล่นกันน่ะ (หัวเราะ) คือเราต้องสร้างทั้งกำลังใจและความเข้าใจของทีมงานระหว่างการประคับประคองธุรกิจกับความเครียด ต้องบาลานซ์เรื่องสุขภาพใจของทีมด้วย อันนี้เป็นหัวใจสำคัญ
คิดว่าอะไรที่ทำให้ LEARN Corporation เหมาะสมกับคำว่า “Best Companies To Work For”
สาธร: จริง ๆ แล้วควรให้รางวัลนี้กับจิตวิญญาณของน้อง ๆ ทีมงานมากกว่านะ ผมโชคดีที่ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน เพราะการศึกษาเป็นธุรกิจที่โดยตรงมันชัดเจนมาก ถ้าเราเป็นเนื้อแท้กับการช่วยเหลือคนอื่น มันก็จะเป็นสายใยในการเกาะเกี่ยวกัน สมมติเราเถียงกันเรื่องอะไรที่เห็นไม่ตรงกัน สุดท้ายเรากลับไปที่ว่า “นักเรียนได้ประโยชน์อะไร” สิ่งเหล่านี้เป็นจุดสำคัญ พื้นฐานสำคัญที่สุดคือจิตวิญญาณที่อยากจะช่วยคนของน้อง ๆ ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ … พูดเหมือนโลกสวยนะแต่มันไม่ใช่โลกสวย มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ (หัวเราะ)
สองคือเราพยายามสร้างภูเขาให้คนที่มีจิตวิญญาณแบบนั้นเข้ามาแล้วทำให้เกิดขึ้นจริง มีหลาย ๆ หน่วยงานของเราที่น้อง ๆ เข้ามาทำแล้วมีส่วนในการถือหุ้นการเป็นเจ้าของบริษัทด้วย นั่นคือความแตกต่างที่ต่อยอดมากจากจิตวิญญาณที่เขามี
สุดท้ายที่สำคัญคือเรื่องของ Data เราเชื่อว่าเขามีจิตใจที่ดี เขามีความสามารถแล้ว ผมว่า Data จะทำให้เราเห็นภาพเดียวกัน เช่น เราโชว์ข้อมูลนักเรียน โชว์ความรู้สึกนักเรียน หรือโชว์ผลประกอบการทางธุรกิจ ถ้าเขาเห็นข้อมูลเหล่านี้ทุกคนจะเข้าไปแก้ไขด้วยตัวเอง
สามเรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาคนที่เราแตกต่างจากที่อื่น
คุณมีวิธีการคัดเลือกพนักงานที่มีจิตวิญญาณเดียวกันอย่างไร ?
สาธร: ส่วนใหญ่ผมเน้นคุยไปเรื่อย ๆ ครับ แต่ก็ตั้งเป้าว่าเราจะดูมุมมองเขาจากสิ่งที่สนใจ แล้วก็ถามว่าเขาคิดอย่างไร ? บางครั้งผมเจอน้อง ๆ ที่มีความรู้ความสามารถนะ แต่รู้สึกว่ามีจิตวิญญาณที่ทำเพื่อนักเรียนหรือทำเพื่อคนอื่นน้อย ผมก็ไม่รับ ฉะนั้นถ้าพนักงานมี Culture Fit กับเรา เราก็จะทำงานไปด้วยกันได้ครับ
ประเด็นเรื่องความแตกต่าง (DEI&B) เป็นธีมหลักของการประกาศรางวัล HR Asia ประจำปี 2022 LEARN Corporation มีมุมมองต่อเรื่องความหลากหลายในองค์กรอย่างไร
สาธร: พูดถึงเรื่องความหลากหลาย ผมว่ามองอีกมิติคือเราอาจจะใช้ความไม่หลากหลาย (หัวเราะ) หมายถึง ทุกคนมีจุดร่วมเดียวกันมากกว่า
จุดร่วมของเราคือการมองเห็นคุณค่าของความเป็นคน ความเป็นมนุษย์ ถ้าเรามีจุดนี้อยู่ในใจของทุกคน ความหลากหลายมันจะหายไปเลยนะ กล่าวคือทุกคนมีคุณค่าของความเป็นมนุษย์ นโยบายของเราทุกอย่างจึงออกมาจากจุดนี้ จุดที่เชื่อในคุณค่าของความเป็นมนุษย์
สองอย่างที่ตามมาคือแนวคิดครับ หนึ่งคือเราต้องเมตตาต่อกัน ให้เกียรติต่อกัน สองคือต้องมีเหตุมีผล ต้องใช้เหตุใช้ผลกันว่าทำไมแบบนี้เราถึงไม่อนุญาตให้ทำหรือเพราะอะไร
จริง ๆ ในความเมตตากับการใช้เหตุใช้ผลคือการรับฟังการสื่อสารกันนะ สมมติว่าเรารับฟังน้อง ๆ ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เหตุผลเขาคืออะไร เราก็สามารถที่จะแลกเปลี่ยนกันได้ นี่เป็นจุดพื้นฐานที่ทำให้การเข้าใจเรื่องความหลากหลายหรือความแตกต่างเกิดขึ้นได้จริงในทางปฏิบัติ
นอกจากนี้เรายังมีนโยบายอื่น ๆ ค่อนข้างเยอะอยู่นะ เพราะว่าเรื่องเพศ เรื่องศาสนา ชนชาติ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เรามีพนักงานผสมรวมอยู่แล้ว เช่น เรามี Benefit สำหรับ LGBTQ เกี่ยวกับการแต่งงาน ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง หรือกระทั่งตำแหน่งผู้บริหารในเครือ เราก็มีผู้บริหารอายุน้อย ๆ เหมือนกัน เพราะทุกคนคือมนุษย์ครับ เราไม่มีการแบ่งแยกอะไร
ทราบมาว่า LEARN Corporation มีสวัสดิการที่ดูแลครอบคลุมไปถึงครอบครัวของพนักงานด้วย ?
สาธร: พื้นฐานเราอาจจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ แต่ชีวิตจริงมันไม่มีใครหรอกที่เจอปัญหาส่วนตัวเยอะ ๆ แล้วยังทำงานได้ดี ฉะนั้นเราจึงอยากดูแลทุกข์สุขหรือความเป็นอยู่ของทีมเราไปจนถึงครอบครัว ขณะเดียวกันเขาก็ต้องการมีชีวิตส่วนตัวที่สุขภาพดีด้วย มี Work-Life Balance ไปจนถึงการเติบโตในอาชีพการงานครับ
คิดว่า HR ต้องเตรียมพร้อมกับโลกอนาคตอย่างไรบ้าง ?
สาธร: โลกปัจจุบันเปลี่ยนเร็วมาก ฉะนั้นองค์กรควร Lead ด้วยกลยุทธ์ด้านคนครับ สมัยเดิม HR อาจจะทำงานตามฟังก์ชันต่าง ๆ แต่สมัยใหม่ต้องเข้าใจตัวธุรกิจด้วยเพื่อตอบโจทย์เรื่องคน
การเข้าใจธุรกิจหมายถึงการเข้าใจทิศทางของธุรกิจว่าคืออะไร องค์กรกำลังเผชิญหน้ากับอะไร ปัญหาหรือความท้าทายคืออะไร แล้ว HR ต้องย้อนกลับมาออกแบบเป็นความคิดเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะคนเก่า ๆ หรือปรับเปลี่ยน Flow การทำงานใหม่ เพื่อช่วยให้ทีมงานทำงานต่อได้
ต่อไป HR ต้องมีความเข้าใจในธุรกิจของตัวเองให้ลึกขึ้นครับ คนที่ทำงานด้านคนจะเป็นกลยุทธ์สำคัญขององค์กรเลย และต้องทำงานคู่ขนานไปกับ CEO เช่น คิดกลยุทธ์ได้ปุ๊บ ก็เอามาประยุกต์ใช้กับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจได้ทันที ผมว่าเป็น Mindset ของ HR สมัยใหม่ที่ควรจะเป็น
สุดท้ายคิดว่า HR สามารถสนับสนุนการเติบโตขององค์กรได้อย่างไร ?
สาธร: สำคัญมากนะ ยิ่งผมทำเรื่องการศึกษาด้วย การเรียนรู้สำคัญมาก คอนเทนต์ต่าง ๆ มาจากสมองหมดเลย ดังนั้นผมจึงมองว่าคนเป็นทั้งหัวใจ เป็นทั้งกล้ามเนื้อ และเป็นทั้งมันสมอง เฉพาะสำหรับ LEARN Corporation ธุรกิจเราขับเคลื่อนด้วยมันสมองและจิตใจ ยิ่งอนาคตที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็ว สมองกับจิตใจมันต้องยิ่งใช้เยอะขึ้น ฉะนั้น HR ต้องประยุกต์ใช้ได้เร็ว ปรับตัวเยอะเหมือนกัน และมีความท้าทายมาก ๆ รออยู่ครับ