หากองค์กรไหนได้รับรางวัล Best Companies to Work For ของ HR Asia ไปครองสักครั้งหนึ่ง บ่งบอกได้ว่าองค์กรนั้นกำลังเดินหน้ามาถูกทางแล้วในการบริหารคน เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จ
วัตสัน ประเทศไทย (Watsons Thailand) เองไม่เพียงได้รับรางวัล Best Companies to Work For 2022 จาก HR Asia ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังได้รับรางวัล Best Companies To Work For in Asia ประจำปี 2023 แถมกวาดทุกรางวัลของ HR Asia กลับไปประดับองค์กรด้วย
อาจกล่าวได้ว่า การได้รางวัลทรงคุณค่าเหล่านี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากการทำงานหนักของฝ่าย HR ที่นำโดย คุณ จิระวัฒน์ แต่งเจนกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล โดยปีที่แล้ว HREX เคยสัมภาษณ์คุณจิระวัฒน์ไปแล้วครั้งหนึ่ง จนพบว่าเคล็ดลับความสำเร็จซึ่งเกิดจากการสร้างวัฒนธรรม “Fun, Friends, Future”
คราวนี้ยังมีเกร็ดความรู้ด้านการบริหารเรื่องใดที่ HR แต่ละองค์กรสามารถนำไปปรับใช้ได้อีกบ้าง ไปติดตามได้เลยในบทสัมภาษณ์นี้
อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ วัตสันประเทศไทย (Watsons Thailand) ได้รับรางวัลจาก HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2023 และรางวัลนี้มีความหมายต่อองค์กรอย่างไร ?
จิระวัฒน์ : วัตสันประเทศไทยได้รับรางวัลนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ปีนี้นอกจากรางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2023 เรายังได้รับอีก 3 รางวัลคือ Most Caring Company Award, DEI Award และ Digital Transformation Award ครบทุกรางวัลอีกด้วยครับ
ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จก็คือ ความผูกพันของเพื่อนพนักงานในองค์กร และการทำงานร่วมกันเป็นทีม เรากำหนดเป้าหมายธุรกิจเชื่อมโยงกับผลการปฏิบัติงานของเพื่อนร่วมงาน และเสริมด้วยแรงจูงใจ ความสำเร็จร่วมกันของพวกเราคือความสำเร็จขององค์กร และเราก็ตอบแทนความทุ่มเทให้กับทุกคนอย่างยุติธรรมและโปร่งใส
การได้เป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของ วัตสันประเทศไทย นำมาซึ่งความภาคภูมิใจของพวกเรา ขณะเดียวกันฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็ร่วมกับทุกแผนก ช่วยสร้างสรรค์วัฒนธรรมองค์กรให้เอื้อต่อการทำงานอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางบรรยากาศแห่งมิตรภาพ และเติบโตไปด้วยกันในอนาคต สิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกคนอยากร่วมงานกับ วัตสันประเทศไทย และวัฒนธรรมองค์กรของเราช่วยดึงดูดผู้มีความสามารถจากภายนอกมาเข้ามาร่วมสร้างความแข็งแกร่งมากขึ้น
การได้รับความยอมรับจากองค์กรภายนอกเป็นเครื่องยืนยันว่า วัฒนธรรมองค์กรของ วัตสันประเทศไทย เปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดคนได้ถึง 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือคนที่อยู่ในองค์กรอยู่แล้วไม่ให้ออกไปไหน และกลุ่มที่ 2 คือคนที่มีความรู้ความสามารถจากภายนอกนั่นเองครับ
ที่ผ่านมา HR ฟังเสียงของพนักงาน แล้วนำมาปรับปรุงองค์กรให้น่าอยู่ น่าทำงานด้วยอย่างไรบ้าง
จิระวัฒน์ : นอกจากสร้างบรรยากาศในการทำงานที่เอื้อให้เพื่อนพนักงานกล้าแสดงความคิดเห็น กล้าพูด กล้านำเสนอเพื่อการพัฒนา เรายังให้โอกาสพนักงาน แล้วรับฟังเสียงของเพื่อนพนักงานโดยตรงเสมอ หรือ Your Voice Matters ทีม HR จะเป็นผู้ดำเนินการทุกเดือน และเชิญทีมงานแผนกอื่น ๆ เข้าร่วมรับฟังด้วย
ทั้งนี้ถ้ามีทั้งคำถามที่ต้องการคำอธิบาย และมีปัญหาที่ต้องการการแก้ไข เราอาจไม่สามารถแก้ไขทุกปัญหาได้ในคราวเดียว แต่อย่างน้อยเราก็ได้รับฟังเสียงจากพนักงานแนวหน้า ที่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง เพื่อปรับปรุงให้สามารถบริการลูกค้าและเพื่อนพนักงานด้วยกันได้ดียิ่งขึ้น
เรายังมีเวทีพูดคุยครั้งใหญ่ ที่มีตัวแทนพนักงานจากทั่วประเทศโดยจะมาพบปะพูดคุยและทานอาหารร่วมกันกับทีมผู้บริหาร และทุกไตรมาส Managing Director ของเรา (คุณพสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์) จะพบปะพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับพนักงานใหม่ (Freshy) ที่เราเรียกว่า Coffee Talk with MD เป็นต้น
และเรายังมีช่องทางการสื่อสารโดยตรงที่พนักงานจากทุกสาขาทุกจังหวัดสามารถเข้าถึง HR ได้ตลอดเวลาอีกด้วย ซึ่งก็คือ say@watsons.co.th หากเพื่อนพนักงานมีปัญหาเรื่องใด สามารถติดต่อมาได้เสมอครับ
HR ยุคใหม่ สามารถสนับสนุนการเติบโตของ วัตสันประเทศไทย (Watsons Thailand) ให้เป็นองค์กรที่ทุกคนอยากร่วมงานด้วยได้อย่างไร
จิระวัฒน์ : People Promise ของเราคือ “Fun, Friends, Future” และหนึ่งในนั้นคือ Future ที่เราจะบอกกับทุกคนว่า วัตสันประเทศไทย เป็น “A Workplace of Opportunity” เราขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และทุก ๆ ก้าวของการเติบโตของธุรกิจ เราจะสร้างโอกาสให้คนที่พร้อมได้เติบโตไปด้วยกันกับเรา เราเตรียมความพร้อมทั้งความรู้ และทักษะ ผ่านโปรแกรมการพัฒนา Retail Academy ของเรา และเราทำเช่นนี้มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเติบโตของธุรกิจไม่สะดุด
เราส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยหลักสูตร และโปรแกรมต่าง ๆ ทั้งการเวิร์คชอปและให้เครื่องมือพนักงานในการเรียนรู้ด้วยตนเอง การได้เป็นส่วนหนึ่งของ วัตสันประเทศไทย ไม่ใช่แค่โอกาสก้าวหน้าที่เราจะได้เท่านั้น แต่ยังได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแบบ Lifetime Learning อีกด้วยครับ
มีคำกล่าวว่า HR ยุคใหม่ต้องเป็นนักวางกลยุทธ์ และเป็น Business Driver แล้วเราจะเปลี่ยนตัวเองให้มีความพร้อมได้อย่างไร
จิระวัฒน์ : หมดยุคของ Traditional HR ไปนานมากแล้วครับ องค์กรที่จะประสบความสำเร็จได้นอกจากจะต้องมีผู้นำมากความสามารถ (Capable Leader) ในตำแหน่งสำคัญ ๆ แล้ว HR ก็นับเป็นอีกตำแหน่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้นำฝ่ายต่าง ๆ สามารถขับเคลื่อนงานของตัวเองได้ตามเป้าหมาย
ดังนั้น นอกจาก HR จะต้องมีความสามารถระดับมืออาชีพ (Professional Capability) ในของงานตัวเองแล้ว คุณสมบัติอื่น ๆ ที่จำเป็นก็คือ ต้องเป็นนักวางกลยุทธ์ (Strategist) เป็นผู้ประสานงานที่ดี (Collaborator) และเป็นผู้ช่วยนักบินที่ดี (Co-Pilot) เพื่อช่วยให้เกิดวัฒนธรรมในการทำงานที่เชื้อเชิญคนเก่งเข้ามาและรักษาคนเก่าให้อยู่คู่องค์กร
คุณสมบัติของ HR อีกประการก็คือ ต้องเข้าใจธุรกิจและมองเกมให้ขาด แม้เราจะไม่ได้ลงไปแข่งเองในสนาม แต่การอยู่ข้างสนามก็ทำให้เราเห็นแต่ละคนชัดเจนว่า ใครเก่งอะไร หรือต้องการให้เราเสริมอะไร HR จะต้องรู้รอบ ไม่ใช่แค่รู้เฉพาะงานของตัวเองเท่านั้น ต้องตามสถานการณ์ให้ทัน มองเห็นความเป็นไปในอุตสาหกรรม รวมถึงเทรนด์และเทคโนโลยีต่าง ๆ
ที่สำคัญก็คือ HR ต้องทำตัวเองให้เป็นมิตร ทำให้มีแต่คนอยากโทรหา และอยากเดินมาคุยด้วยครับ
ภายใน 5 ปีต่อจากนี้ HR มีภารกิจอะไรบ้างที่ต้องทำเพื่อยกระดับองค์กร และรับมือกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงได้ทัน
จิระวัฒน์ : ยากครับที่จะทำนายอนาคตในอีก 5 ปี แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุด ภารกิจของ HR ที่ต้องทำตั้งแต่วันนี้คือเริ่มสร้างผู้นำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสร้างเสร็จภายในเวลาอันสั้น และต้องใช้เวลาในการสร้างอย่างต่อเนื่อง
หากองค์กรใดมีผู้นำที่มีความสามารถ ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น หรือโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร ผมเชื่อว่าผู้นำจะนำพาให้องค์กรนั้นรอดพ้นสถานการณ์วิกฤติ และนำพาให้องค์กรประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
อีกสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการสร้างนานเหมือนกันคือ วัฒนธรรมองค์กร หากมีวัฒนธรรมองค์กรที่เหมาะสมกับธุรกิจและคนในองค์กรนั้น ๆ เมื่อต้องการขับเคลื่อนหรือผลักดันองค์ไปในทิศทางที่ต้องการ หรือยามที่มีวิกฤติ ซึ่งต้องการความร่วมมือกันของคนจำนวนมาก เราจะเห็นยาวัฒนธรรมองค์กรออกฤทธิ์อย่างชัดเจนครับ
อยากบอกอะไรกับ HR / คนทำงานที่กำลังหมดไฟ และต้องการกำลังใจเพื่อเดินหน้าต่อไปบ้าง
จิระวัฒน์ : ไฟ เกิดจากองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน คือ เชื้อเพลิง (Fuel) ออกซิเจน (Oxygen) และความร้อน (Heat) ซึ่งต้องอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม
สำหรับคนที่หมดไฟ หรือหมด Passion ลองพยายามพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นบวกให้ได้ก่อน เช่น ออกห่างจากคนที่คิดลบที่อยู่รายล้อมเรา ลองพาตัวเองไปอยู่ที่ที่มีออกซิเจนแล้วสูดมันให้เต็มปอด ลองค้นหาสิ่งที่ตัวเองสนใจ เก่ง หรือถนัด ซึ่งจะเป็นเชื้อเพลิงได้อย่างดีโดยที่เราไม่ต้องลองผิดลองถูกใหม่ครับ
ความร้อนที่เหมาะสมเพียงพอ คือการให้กำลังใจตัวเอง เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ พูดคุยกับเพื่อนที่สร้างกำลังใจ ไม่หมกมุ่นกับความล้มเหลว เมื่อครบทั้ง 3 องค์ประกอบแล้ว ลองเริ่มลงมือทำสิ่งเล็ก ๆ ที่คิดว่าจะประสบความสำเร็จได้โดยง่ายก่อน เพื่อให้เกิด Small Win และเพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง จากนั้นค่อย ๆ ทำงานที่ท้าทายมากขึ้น พิชิตเนินเขาทีละเนิน แล้วสักวันเราจะไปถึงยอดได้เองครับ