HIGHLIGHT
|
หากถามเคล็ดลับแต่ละองค์กรว่า จะทำอย่างไรให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข แต่ละองค์กรย่อมมีคำตอบแตกต่างกันไป แต่สำหรับ Watsons Thailand พวกเขาพบว่า การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้มี “Fun, Friends, Future” นี่แหละ คือคำตอบที่ใช่ที่สุด
3 คำดังกล่าวมีที่มาจาก คุณจิระวัฒน์ แต่งเจนกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล Watsons Thailand ผู้นำประสบการณ์การทำงาน HR กว่า 30 ปีจากหลายองค์กร กลั่นออกมาเป็นคีย์เวิร์ดเหล่านี้ เพื่อสร้างองค์กรอันเปี่ยมสุข จากประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกเขาว่า องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้พนักงานมีความสุข และช่วยให้องค์กรเติบโต ไม่มีทางหนี 3 ปัจจัยดังกล่าวได้ และนั่นเป็นผลให้ Watsons Thailand ได้รับรางวัล Best Companies To Work For in Asia 2022 จาก HR Asia ไปครองด้วย
HR แต่ละองค์กรสามารถเรียนรู้อะไรจาก Watsons Thailand ได้บ้าง สามารถติดตามจากบทสัมภาษณ์นี้ได้เลย
ในฐานะ HR ของ Watsons Thailand ในปัจจุบัน คุณพบว่างาน HR มีความท้าทายและความแตกต่างจากสมัยเริ่มงานใหม่ ๆ เมื่อ 30 ปีก่อนอย่างไร
จิระวัฒน์: แตกต่างกันลิบลับเลยครับ 30 ปีที่แล้วเราไม่เรียกงานนี้ว่างาน HR ด้วยซ้ำ สมัยนั้นเรายังไม่เห็นบทบาทของฝ่ายบุคคลสมัยนั้นชัดเจน ส่วนใหญ่จะเป็นเหมือน Back Office ทำเรื่อง Recruiting, Training, Payroll หลัก ๆ แค่นี้เท่านั้น
แต่ 20 ปีที่ผ่านมา บทบาทของงาน HR ได้รับความคาดหวังมากขึ้น ทุกองค์กรเริ่มต้องการ HR ที่เข้าใจธุรกิจและเข้าใจคนไปพร้อมๆ กัน เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว งาน HR จึงถูกคาดหวังมากขึ้นว่าจะทำอย่างไรจึงจะช่วงชิง Talent ซึ่งมีจำนวนจำกัด ทำอย่างไรจึงจะ Upskill-Reskill คนในองค์กรให้สามารถสร้างผลงานตามที่บริษัทตั้งเป้าได้
ทุกวันนี้องค์กรมอง HR เป็นพาร์ทเนอร์ ช่วยทำให้สิ่งที่องค์กรนั้น ๆ ต้องการบรรลุผลจริงได้ งาน HR ถูกคาดหวังให้เป็นพาร์ทเนอร์ที่คู่ไปกับ Core Team ทั้งหมดของทุกองค์กร นี่คือความแตกต่างระหว่างปัจจุบันกับ 30 ปีที่แล้ว
ตอนเริ่มงานที่ Watsons Thailand เมื่อ 8 ปีก่อน งาน HR ขององค์กรตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แล้วคุณมีบทบาทอย่างไร
จิระวัฒน์: หลายอย่างเขาทำไว้ดีอยู่แล้วนะครับ แต่ก็ยังมีอีกหลายจุดที่เราสามารถทำให้ดียิ่งขึ้นได้
ช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อมั่นมาก ๆ ในการทำงานที่นี่คือ การพยายามสร้าง Engagement ของคนในองค์กร พยายามหาจุดที่ทุกคนลงตัว แล้วพยายามขับเคลื่อนต่อไป เพื่อให้เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ดี พวกเราช่วยกันสร้างวัฒนธรรมขึ้นมาด้วยคำ 3 คำ “Fun, Friends, Future” เป็นเหมือน People Promise คำมั่นสัญญาว่าเราจะทำให้ 3 คำนี้เป็นสิ่งที่จับต้องได้
แต่ไม่ใช่ว่าของเดิมไม่ดีนะ สิ่งที่ดีอยู่แล้วในอดีตคือ เขารู้ว่า Business Growth จะโตปีละเท่าไหร่ จะขยายสาขาเพิ่มปีละกี่สาขา การทำ In-Store Development Program ต่อท่อ Pipeline ของคนเพื่อให้สามารถเติบโตมาดูแลลูกค้าและสาขาต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไร อันนี้มีระบบ Retail Academy ชัดเจน เพียงแต่เราปรับหลักสูตรให้มันเหมาะสมกับปัจจุบัน และรองรับความต้องการในอนาคตมากขึ้น เพื่อให้ Fit For the Future
เพราะอะไรที่ดีอยู่แล้ว เราก็ทำต่อไปครับ และอะไรที่เราช่วยเสริมสร้างองค์กรได้ เราก็ดำเนินการขับเคลื่อนไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของ Fun, Friends, Future
Fun, Friends, Future คือสิ่งที่คุณเอามาใช้กับ Watsons Thailand โดยเฉพาะเลยใช่ไหม หรือว่านำแนวคิดนี้มาจากองค์กรอื่น
จิระวัฒน์: เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่เลยครับ ไม่มีที่ไหนมีแบบนี้
แต่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรไม่มีสูตรสำเร็จ คุณไม่สามารถเปิดหนังสือแล้วทำตามได้ เพราะต้องดูว่าจุดแข็งของแต่ละองค์กรคืออะไร สิ่งที่คิดว่าสามารถทำให้เข้ารูปเข้าร่างได้มีอะไรบ้าง ผมใช้เวลาสัก 3-4 เดือนก็พบว่า 3 สิ่งนี้อยู่ใน DNA ของชาว Watsons Thailand… Fun, Friends, Future เป็นสิ่งที่เราริเริ่มขึ้นมาเพราะมันใช่ ฝังอยู่ใน DNA และเราสามารถส่งต่อ DNA นี้จากรุ่นสู่รุ่นได้
พอเราทำมาต่อเนื่อง 7-8 ปีแล้วมันเวิร์ค มันก็หยุดไม่ได้แล้วครับ ต้องทำต่อไป และทั้ง 3 คำตอบโจทย์เพื่อนร่วมงานในทุก generation
มีวิธีค้นหาอย่างไร ถึงเกิดเป็น Fun, Friends, Future ให้กับ Watsons Thailand
จิระวัฒน์: ต้องรู้จักก่อนครับว่าที่นี่เป็นอย่างไร มีอะไร คนที่นี่อยู่กันอย่างไร ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักสิ่งเหล่านี้ เรามีทิศทางของธุรกิจ มีสิ่งที่เป็น Future ชัด นั่นคือแผนการเติบโต 5 Years Plan มีแผนการลงทุนต่อเนื่อง มี Commitment ว่าแต่ละปีต้องเปิดสาขาเพิ่มเท่าไหร่ ถ้าเราขยายสาขา แปลว่าเรามี Opportunity ที่ทำให้คนข้างในเติบโตไปกับองค์กรได้
ส่วน Fun กับ Friends เป็นสิ่งที่เป็นอยู่แล้วและเป็นสิ่งที่เราพยายามที่จะทำให้มีมากยิ่งขึ้น ทั้ง 2 อย่างนี้ต้องไปพร้อมกันนะครับ ผมดูแล้วพนักงานเขาสนุกที่จะทำงานด้วยกัน มีมิตรภาพระหว่างกัน หลายคนที่พูดคุยด้วย เขาพูดคล้าย ๆ กันว่าเขาชอบมิตรภาพ และบรรยากาศการอยู่ร่วมกันที่นี่ ทำให้เขาทำงานสนุก ผมใช้เวลา 3-4 เดือนแรกเพื่อเรียนรู้ เข้าใจและรู้จัก มันประจวบเหมาะกับสิ่งที่องค์กรวาดหวังเอาไว้ด้วยครับ เลยออกมาเป็น 3 คำนี้
จากที่เคยดูใน Facebook มีเพจ Watsons Careers ที่รวบรวมข้อมูล หรือโพสต์รูปภาพต่าง ๆ ที่พนักงานทำด้วยกัน เห็นถึงความ Fun ความสนุกของพนักงานแฝงอยู่ในนั้นเหมือนกัน
จิระวัฒน์: เรื่องนี้สำคัญมากครับ เพราะทีมงานของเราเป็นเด็กรุ่นใหม่เยอะ นอกจากอนาคตที่อยากฝากไว้กับองค์กรแล้ว ทุกวันที่เขามาทำงาน เขาอยากรู้สึกว่าอยากตื่นมาทำงาน มาเจอเพื่อน มาเจอบรรยากาศการทำงานที่สนุกสนาน แต่จะสนุกอย่างเดียวตั้งแต่เช้ายันเย็นก็คงไม่ขนาดนั้น แต่มันมีองค์ประกอบของความ Fun ในชีวิตการทำงานแต่ละวัน มีสัมพันธภาพของเขากับทีมงาน และกับหัวหน้างานด้วยนะครับ กิจกรรมต่าง ๆ เราพยายามทำเพื่อให้พนักงานทั้ง 5,000 คนที่ทั้งอยู่ในสาขา ในคลังสินค้า และในสำนักงาน ได้มีส่วนร่วมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเล็กหรือใหญ่
ช่วงก่อนโควิดเราจัดกิจกรรมเยอะมาก เราสอดแทรก Fun Element เอาไว้ด้วยเสมอ เพราะอย่างที่บอกว่าเรามีน้อง ๆ เด็กเจนใหม่อยู่กับเราไม่น้อยเลย เรื่องนี้มันเติมเต็มเขา นอกจากเรื่องอนาคตที่เขาจะได้จากองค์กร ก็คือการมาทำงานแล้วรู้สึกแฮปปี้ในทุกวัน
มีข่าวว่าอีกไม่กี่ปีจากนี้ Watsons Thailand จะขยายสาขาอีกมากมายและต่อเนื่อง ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้น ต้องมีการรับพนักงานเพิ่มขึ้น ต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรครับ
จิระวัฒน์: ใน Pipeline ที่เราวางไว้ เรื่องนี้ต้องทำอย่างต่อเนื่องครับ อย่างที่เล่าว่าเรามีระบบ Retail Academy ดูแลเรื่อง Development ทั้งหมด เรามีทั้งส่วนที่เรานำเข้ามา จ้างจากข้างนอก Let’s say ว่า ใน Store แล้วกันนะครับ เรารับเข้ามาตั้งแต่ระดับ New Entry ระดับกลาง แล้วก็ระดับ Store Manager Trainee ซึ่งตรงนี้มันจะสร้างความหลากหลายให้องค์กร เรากำหนดส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างผู้ที่สนใจร่วมงานกับเราจากภายนอก และในขณะเดียวกัน เราเปิดพื้นที่ให้คนในสามารถเติบโตได้ด้วย เพื่อให้เกิด diversity และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน โดยแต่ละคนจะมีแผนอาชีพของตัวเองชัดเจนว่า เริ่มจากตำแหน่งอะไรไปเป็นตำแหน่งอะไร
เมื่อเรามีแผนที่ชัดเจนแล้วก็วางแผนต่อเนื่อง เรารู้ว่าแต่ละปี แต่ละรุ่น เราจะต้องผลิตบุคลากรออกมาแค่ไหน เราคำนวณหมดว่าคนเข้า คนออก แต่ละระดับ แต่ละตำแหน่ง แต่ละปี อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ เราไม่ได้กังวลเรื่อง Talent Pipeline ที่จะซัพพอร์ตการขยายธุรกิจ เพราะแผนของเราค่อนข้าง Solid มากครับ
ถ้ามีคนที่อยากสมัครงานกับ Watsons Thailand คุณสมบัติที่อยากได้จากพนักงานใหม่ คืออะไรบ้าง
จิระวัฒน์: คงจะต้องแยกเป็นพนักงานที่ออฟฟิศ หรือพนักงานที่สาขา ถ้าเป็นสาขา เราต้องการคนที่ Most Fit เราไม่ได้บอกว่าเก่งที่สุด หรือดีที่สุดนะครับ เพราะเก่งที่สุดหรือดีที่สุดอาจไม่ Fit ที่สุด เราต้องการคนที่ Fit กับธรรมชาติและลักษณะของงานซึ่งเป็นงานบริการ รูปแบบของงาน Retail โดยธรรมชาติเป็นแบบหนึ่ง งานโรงงานก็เป็นอีกแบบหนึ่ง งานในร้านค้าปลีกก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ถ้าเราได้คนที่ Most Fit ไม่เพียงเขาจะแฮปปี้ แต่เราก็แฮปปี้ด้วย ไปกันต่อได้
เพราะฉะนั้นเราจะพยายามดูว่าจริตและเคมีของเขา ตรงกับลักษณะงานและธรรมชาติของงานไหม รวมถึงวัฒนธรรม Fun, Friends, Future ยิ่งถ้ามี Passion อยากได้รูปแบบการทำงานที่เปี่ยมด้วยมิตรภาพ สนุกสนาน มีอนาคต จะยิ่งทำให้เกิดความลงตัวที่สุด
ทั้งหมดนี้ Watsons Thailand สามารถรู้ได้จากการสัมภาษณ์อย่างเดียวเลยหรือไม่
จิระวัฒน์: ผมว่าการสัมภาษณ์ช่วยได้ระดับหนึ่งครับ แต่ช่วง 2-3 วันแรก ถ้ามาลองงานแล้วพบว่าไม่ใช่ก็บอกลากันไป
แต่สำหรับคนที่เคยทำงาน Retail มาก่อน เขาจะเปรียบเทียบได้ว่า งานที่เก่าของเขากับที่นี่แตกต่างกันอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบ ช่วงแรก ๆ ที่ทดลองงานเป็นบทพิสูจน์ของเขาด้วยเหมือนกัน ยืนทำงานเกือบทั้งวันไหวไหม ชอบดูแลลูกค้า บริการลูกค้า ยิ้มแย้ม เอาใจใส่ไหม บางคนตอนสัมภาษณ์ถามอะไรก็ได้หมด แต่ว่าทำจริงก็ใช่บ้างไม่ใช่บ้าง
ก่อนโรคโควิด-19 แพร่ระบาด กับปัจจุบันที่ผ่านพ้นวิกฤติมาเกือบ 100% แล้ว การดูแลพนักงาน ระเบียบการทำงานแตกต่างกันมากอย่างไร
จิระวัฒน์: ช่วงโควิด-19 เรามีการวางแผนตามลำดับผลกระทบของสถานการณ์ และ Play by ear ตามสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้น เรารู้ว่าบางช่วงต้องกดปุ่มไหน เรา Activate Plan ในช่วงวิกฤติ ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด บางช่วงที่โรคระบาดหนัก ๆ ก็ Work From Home 100% ช่วงที่ไม่หนักก็ผ่อนคลายสถานการณ์ ช่วงที่พนักงานมีความต้องการมากที่สุด คือช่วงที่พยายามหาวัคซีนกันเยอะ ๆ เราใช้เครือข่ายของเรา พยายามให้พนักงานของเราฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด บางช่วงที่ต้องป้องกันก็แจกหน้ากากอนามัย แต่ถ้าเป็นช่วงที่เริ่มกลับมา Operate คนเริ่มกลับมาเดินห้างสรรพสินค้า ต้องตรวจ ATK ตลอด เราก็สนับสนุนเครื่องตรวจ ATK เป็นต้นครับ
เรามีมาตรการช่วยเหลือเสมอ แต่แน่นอนว่าทุกบริษัทมีคนติดโควิดหมด ในบ้านยังมีคนติดเลย ถ้าพนักงานคนไหนป่วย เรามีกล่อง We Care Box บรรจุยาส่งตรงไปให้ที่บ้านเลย เราช่วยดูแลกัน สิ่งที่ผมรู้สึกว่าโอเคมาก ๆ โดยส่วนตัวเลยนะ คือตั้งแต่มีโรคโควิดจนถึงทุกวันนี้ เรายังไม่มีมาตรการปลดพนักงานออกแม้แต่คนเดียว เพราะเรายกการ์ดสูงตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เรารู้สึกภูมิใจมากครับ นอกเหนือจากดูแลพวกเขาแล้ว พนักงานก็ยังอยู่กับเราตลอดเวลา
Watsons Thailand มีเคล็ดลับคืออะไรที่ทำให้ไม่ต้องปลดคนออกเลย
จิระวัฒน์: อยู่ที่การวางแผนครับ เป็นเรื่องการวางกลยุทธ์ ถ้าในแผนคุณสามารถรับคนได้ จ้างคนได้ ก็จ้าง ๆๆ มา พอจ้างแล้วถึงเวลาไม่ทำผลงาน ยอดขายลดลง ก็ต้องมาหั่นค่าใช้จ่าย วิธีง่ายสุดคือเอาคนออก เรารู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงระมัดระวังตั้งแต่การจ้างงาน การจัดสรรเวลาการทำงาน การโยกคนในช่วงที่สาขาต่าง ๆ ถูกปิด เพราะห้างปิด เราจึงจัดสรรพนักงานไปช่วยงานที่คลังสินค้า เพื่อให้เขายังมีงานทำ เป็นต้น
เพราะฉะนั้นแผนงานในแต่ละช่วงเวลาจึงสำคัญมาก เราวางแผนแบบเบาไปหนักอยู่แล้ว ถ้าสถานการณ์เบา เราจะใช้แผนนี้ ถ้าสถานการณ์หนักขึ้น เราจึงมาดูว่าจะใช้แผนไหน อย่างไร
Watsons Thailand มีสวัสดิการดูแลพนักงานเป็นพิเศษหรือไม่ อย่างไร
จิระวัฒน์: สวัสดิการของเราไม่น้อยหน้าบริษัทใหญ่ ๆ ทั่วไปครับ มิฉะนั้นเราแข่งขันกับใครไม่ได้ แต่สวัสดิการบางตัวอาจแปลกกว่าที่อื่นนิดหน่อย เช่น Career Break สมมติคุณแม่ป่วยหนักมากอยู่ที่ต่างจังหวัด แล้วคุณเป็นลูกคนเดียว ต้องไปดูแล คุณต้องเลือกว่าจะทำงานหรือลาออกไปดูแลแม่ดี แต่เราสามารถอนุมัติ Career Break ให้กลับไปดูแลแม่ก่อน 1 ปีหรือเท่าไหร่ก็ตาม พอสุขภาพของคุณแม่ดีขึ้น ก็ค่อยกลับมาทำงานกับเรา วิธีนี้คุณไม่จำเป็นต้องลาออกเลย
เรามี Paternity Leave สำหรับคุณพ่อ ให้ไปช่วยดูแลคุณแม่ช่วงคลอดลูก จริง ๆ เป็นเรื่องปกติเพราะกฎหมายมีอยู่แล้ว แต่คุณพ่อในองค์กรของเราสามารถลาหยุดไปดูแลลูกได้ด้วย หรืออย่างกรณีที่คุณแม่ที่เพิ่งคลอด เราจะมี Newborn Gift Basket ชุดเครื่องนอนเด็กให้เป็นของขวัญ เป็นต้น
ขอเสริมอีกอย่างแล้วกัน สวัสดิการวันเกิดพนักงาน นอกจากการ์ดวันเกิดแล้ว เรายังมี Gift Voucher ให้ซื้อของใน Watsons ได้ด้วย จะซื้อแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ได้ ไม่รวมส่วนลดที่เขาสามารถซื้อของในร้านได้เป็นปกติอยู่แล้ว เป็นต้น
ทำไม Watsons Thailand ให้ความสำคัญเรื่องสวัสดิการ
จิระวัฒน์: ความยากคืออย่างนี้ครับ บางคนอาจไม่ได้ตื่นเต้นกับสิ่งที่ผมพูดเมื่อสักครู่ เพราะเขาอาจไม่อยากได้สวัสดิการบางอย่าง บางคนไม่มีลูก พอพูดถึงประเด็นนี้ก็อาจไม่ตื่นเต้น แต่อาจไปตื่นเต้นสวัสดิการอื่นแทน พนักงานของ Watsons ไม่ได้มีแค่หลักร้อย แต่มีถึง 5,000 คน มีความต้องการที่หลากหลาย ดังนั้นการมีสวัสดิการบางอย่างแล้วจบคงไม่พอ
สมมติค่ารักษาพยาบาล ถ้ามีก็ดี แต่ได้ใช้หรือเปล่าไม่รู้ แต่เราต้องมีเพื่อแข่งขันกับองค์กรอื่น สำหรับผมสวัสดิการจะมีระดับ Standard, Good, Better, Best อยู่ที่ว่าคุณอยากจะใช้เลเวลไหน ระดับ Standard หรือ Good อาจยังไม่พอ เทียบกับคนอื่นคุณต้อง Better หรือ Best แต่ด้วยหลายปัจจัย เราต้องดูว่าช่วงไหนที่ควรไปอีกระดับ บางอย่างเราอาจดีกว่า บางอย่างเราอาจดีที่สุด ซึ่งก็คงพูดไม่ได้ทั้งหมด เพราะทุกองค์กรคงคล้ายคลึงกัน มีทั้งที่พูดออกไปแล้วคนว้าว บางอันบอกไปคนก็รู้สึกว่าธรรมดา แต่เราต้องมี
Watsons Thailand มีพนักงานผู้หญิงค่อนข้างเยอะ เรื่องความหลากหลายในองค์กรมีความสำคัญต่อ Watsons Thailand อย่างไร
จิระวัฒน์: เราให้ความสำคัญกับเรื่อง DEI มากครับ ไม่ใช่เฉพาะระดับประเทศนะ แต่ในระดับ Group เลย ไม่ว่าจะในทวีปยุโรป เอเชีย หรือที่ไหนก็ตาม
สัดส่วนของพนักงานเพศหญิงในเมืองไทยสูงประมาณ 80% ทีเดียว อาจเพราะเราทำธุรกิจด้านความสวยความงามด้วยครับ แต่ถามว่าเราดูแลพนักงานเพศอื่น ๆ แตกต่างกันไหม ตอบเลยว่าเราไม่เลือกปฏิบัติกับน้อง ๆ ทีมงานทั้งหมด ไม่ว่าใครจะมีอายุ เพศ ความเชื่อ แบบใด เราไม่สนใจ เราสนใจแต่เรื่อง Performance ว่าสามารถทำงานของตัวเองได้ดีรึเปล่า บางทีคุณอาจเจอพนักงาน LGBTQ+ ซึ่งมีไม่น้อยครับ ธุรกิจแบบนี้ผู้ชายที่มีใจรักเรื่องความสวยความงามก็สามารถทำได้ดี และเราก็ไม่ได้ปิดกั้นเลย
เรายังมีตำแหน่ง Beauty Artist ที่เหมือนช่างแต่งหน้าที่คอยดูแลความสวยความงาม เราไม่ได้จำกัดว่าคนที่จะทำงานนี้ต้องเป็นผู้หญิงหรือไม่ เราดูที่ความสามารถเป็นหลัก เราโอบรับความแตกต่าง มองว่ามันเป็น Beauty of Differences ความงามของความหลากหลาย ทำให้องค์กรมีสีสัน ความแตกต่างในระดับที่ถกเถียงกันได้ แลกเปลี่ยนกันได้ มันช่วย Escalate ไอเดียแล้วก็สร้างความคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ เข้ามาในองค์กรได้ด้วยเหมือนกันครับ และที่นี่เรา Focus on Talent… nothing else
Watsons Thailand ได้รางวัล Best Companies To Work For in Asia 2022 จาก HR Asia Award คิดว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ได้รางวัลนี้
จิระวัฒน์: ผมคิดว่ามีหลายปัจจัย แต่ถ้าให้ไฮไลต์จริง ๆ ผมมองว่าเป็นเรื่องของ Engagement ของคนในองค์กร เพราะถ้าทีมงานไม่รู้สึกผูกพันกับเรา ยังไงก็ไม่มีทางได้รางวัล เพราะฉะนั้นระดับ Engagement ของคนในองค์กรต้อง Significant พอที่จะทำให้เขาให้คะแนน
คำว่า Engagement มีหลายมิตินะ ตั้งแต่ความรู้สึกว่าเขาโอเคไหมกับนโยบายบริษัท สิ่งที่บริษัทมีให้เขาเป็นอย่างไร เราเปิดโอกาสให้เขาเสนอไอเดีย หรือมี Reward ตอบแทนเมื่อเขาทำผลงานได้ดีไหม โอกาสในการก้าวหน้าเป็นอย่างไร โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพ สิ่งที่เขาได้รับเป็นอย่างไร ทั้งหมดล้วนมาจากทุกสิ่งที่เราทำ บางอย่างอาจไม่ได้โดนใจ ตรงความรู้สึกของพนักงานบางคน แต่มันก็อาจไปโดนพนักงานอีกคน ดังนั้นเลยต้องทำหลายอย่างครับ
การทำ Engagement ให้คนในองค์กรหลักครึ่งหมื่น คุณจะต้องเข้าใจว่าสิ่งที่จะขับเคลื่อน Engagement ของคนในองค์กรประกอบด้วยอะไรบ้าง แล้วทำงานผ่านสิ่งเหล่านั้นในมิติต่าง ๆ ระดับของ Engagement ที่สูงในปัจจุบันไม่ได้อยู่ ๆ เราจะได้มันมา แต่เราทำงานหลากหลายมิติจนเขารู้สึกโอเค ชอบที่นี่ รักที่นี่ อยากบอกเพื่อนว่าฉันทำงานที่ Watsons ฉันภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ Watsons
เพราะถ้าคุณไม่ภูมิใจ ไม่รู้สึกรักในแบรนด์ของคุณเลย คุณคงไม่อยากบอกว่าทำงานที่ไหน สมมติว่าเพื่อนกำลังตกงานแล้วถามคุณว่า บริษัทเธอมีตำแหน่งว่างไหม ถ้าคุณรักองค์กรแล้วรู้สึกดี คุณก็จะบอกว่า “มาสมัครงานกับเราเลย ตอนนี้มีตำแหน่งว่างอยู่นะ” คุณจะทำหน้าที่เป็น Promoter โปรโมตองค์กรไปด้วยทันที
แต่ถ้าคุณไม่รู้สึกดีกับบริษัท ถ้าเพื่อนถามว่ามีตำแหน่งว่างไหม ถ้าตอบว่า “มีแต่อย่ามาสมัครเลย” (หัวเราะ) คุณก็จะได้คนที่มี Negative Engagement แทนที่จะช่วยบอกปากต่อปากออกไป ขนาดตัวเองยังไม่อยากอยู่เลย เพราะฉะนั้นอย่ามาเลย เผลอ ๆ ตัวเองก็จะหางานใหม่อยู่แล้ว
ระดับ Engagement ที่เราได้จากรางวัลของ HR Asia ผมจึงคิดว่าอยู่ในระดับที่ Significant ทำให้พนักงานในองค์กรรู้สึกดี เขาภูมิใจกับการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เพื่อจะดึง Talent เก่งๆ เข้ามาร่วมงานกับเรา
ยังมีอะไรที่ Watsons Thailand สามารถปรับปรุง ต่อยอดเพื่อดูแลพนักงานในองค์กรได้อีก
จิระวัฒน์: ผมคิดว่ามี 2 ส่วนครับ คือส่วนที่ต้องแข่งขัน เราไม่ได้มีอยู่บริษัทเดียว เราไม่ได้เป็นทางเลือกเดียวของคนหางาน หรือแม้แต่คนในองค์กรก็ตาม ทุกวันนี้เห็นคนแท็กชวนไปทำงานที่นั่นที่นี่เต็มไปหมด ทุกคนมีทางเลือกหมด เราไม่ใช่ทางเลือกเดียวที่เขามี ไม่ว่าคนนอกหรือคนใน
ดังนั้นการที่เราสามารถแข่งขันได้ ดึงดูดคนเก่ง ๆ รักษาคนเก่ง ๆ ไว้ในองค์กร เราจึงไม่สามารถหยุดพัฒนาได้ เราต้องแตะทุก Element เลยทั้ง Reward, Benefit, Recognition, Development, Career Opportunity, Culture และอื่น ๆ อีกจิปาถะ ไม่ว่าจะปี 2023, 2024, 2025, 2026 หรือปีไหนก็ตาม
อีกสิ่งที่ต้องทำต่อเนื่องก็คือ Engagement เพราะเก่าไปใหม่มาเนอะ คนใหม่ที่เติมเข้ามาก็ต้องเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรของเรา เพราะฉะนั้นรูปแบบงานเดิม ๆ มันอาจไม่เวิร์ก เพราะเขาอาจไม่รู้สึกว่ามีอะไรใหม่ คุณต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อดึงดูดพวกเขา ไม่ว่าจะผ่านกิจกรรมที่ผมเล่าไปตอนต้น หรือรูปแบบใดก็ตาม แต่ต้องเกาะไปกับ Core Principle หรือแก่นหลักที่ว่า เราอยากเห็นองค์กรแห่งนี้มีวัฒนธรรม Fun, Friends, Future
เราย้ำกับตัวเองเสมอว่า เราหยุดไม่ได้นะ เพราะเราไม่ใช่ทางเลือกเดียว ดังนั้นเราต้องทำให้เราเป็นทางเลือกแรก ทำให้คนหางานอยากมาร่วมงานกับเรา อยากเปลี่ยนงานมาอยู่กับเรา ทำให้เราเป็นทางเลือกแรกของพนักงานในปัจจุบันอยู่ต่อไป
คุณคิดว่าทำไม HR จึงสามารถสนับสนุนการเติบโตขององค์กรให้เกิดความสวยงามขึ้นในองค์กรได้
จิระวัฒน์: “People are the Heart of Our Business” ถ้าองค์กรเป็นร่างกาย ตัวคนก็เป็นหัวใจหลักครับ ถ้าไม่มีหัวใจ อย่างอื่นก็หยุดหมด องค์กรไม่ใช่สิ่งไม่มีชีวิต องค์กรมีชีวิตด้วยคนที่อยู่ในองค์กรมาประกอบรวมกัน คนในองค์กรทำให้องค์กรมีชีวิต การเกิดความคิดสร้างสรรค์ การทำการตลาด การออกแบบร้าน การวางกลยุทธ์เพื่อเอาชนะคู่แข่ง นโยบายการดูแลพนักงาน การใช้เทคโนโลยีการแก้ปัญหา มันไม่ได้อยู่ ๆ จะมาจากไหนก็ได้ แต่มันมาจากการที่พนักงานในองค์กรช่วยกันคิด
หรือถ้าเปรียบเป็นวงดนตรีออร์เคสตรา เรามีหน้าที่หานักดนตรีคุณภาพเข้ามาในวง ไม่ว่าจะเป็นเบส ฟลุต ดรัม หรือตำแหน่งใด เราให้ความมั่นใจว่าแต่ละคนเหมาะสมกับวงแบบนี้ บางช่วงเราอาจต้องหาทาง Draw Engagement ของเขา บางคนอาจ Under Perform ไปบ้าง ก็ต้องค่อย ๆ Upskill กันไป ที่สำคัญเรายืนข้าง ๆ คอนดัคเตอร์ซึ่งอาจเป็นเบอร์ 1 ขององค์กร หรือเป็น Leader ของ Function นั้น ๆ เราคอยยืนประกบ Conductor หรือ Core Team Leader เพื่อช่วยทำให้ดนตรีบรรเลงได้อย่างไพเราะจนคนดูปรบมือ
องค์กรจะเติบโตไปได้อีกแค่ไหน HR ควรต้องรู้บทบาทของตัวเองว่า ควรต้องทำอะไรเพื่อสนับสนุน Growth Strategy ขององค์กร บทบาทที่สำคัญที่สุด นอกเหนือจากความเป็น Professional ของ HR แล้ว ก็คือการยืนเป็น Strategic Business Partner เคียงข้าง Core Team Leader หรือคนที่เป็น Conductor นั่นแหละครับ