# เหตุผล 14 ข้อที่ควรให้สิทธิพนักงาน Work From Home ได้
#ดีต่อบริษัท
#ดีต่อพนักงาน
#ดีต่อสุขภาพ
#ลดเสี่ยงติดไวรัส
1. ลดเวลาเดินทาง เพิ่มเวลางาน
คนทำงานในเมืองเสียเวลาเดินทางต่อวันไม่รู้กี่ชั่วโมง พนักงงานก็สามารถเอาเวลาที่เพิ่มขึ้นมาไปดูแลจัดการชีวิตตัวเองได้ดีมากขึ้น ทำให้มีเวลาเหลือไปโฟกัสกับการทงานได้มากขึ้น
2. พนักงานจะ Productive มากขึ้น
อันนี้ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการด้วย อาจจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็ได้ ถ้ามีการนัดเวลาประชุมงานผ่านออนไลน์เพื่ออัพเดทข้อมูลระหว่างกัน มีการติดตามการทำงานระหว่างเพื่อนร่วมงานอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ การทำงานแบบ Work From Home ก็สามารถมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่า ไม่ต้องถูกรบกวนจากบรรยากาศทำงานที่วุ่นวาย ไม่มีการเมืองในออฟฟิศ จัดแบ่งเวลาการทำงานได้อย่างยืดหยุ่น
3. ความสุขที่เพิ่มมากขึ้น
เราไม่ได้กำลังบอกว่าการทำงานที่บ้านเหนือกว่าการทำงานที่ออฟฟิศ สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และทีมที่มีความสุขก็มีให้เห็นได้อยู่ทั่วไป และทำให้หลายคนแฮปปี้มากที่จะได้ไปที่ทำงาน ดังนั้นความสุขที่เรากำลังพูดถึงหมายถึงความสุขที่เกิดจากการที่เรามีเวลาในการบริหารจัดการเวลาชีวิตได้ดีขึ้น มันคือ Work Life Balance ที่ทุกคนพูดถึงกัน หากบริษัทมีการจัดสวัสดิการให้พนักงานสามารถเลือกวันที่จะทำงานที่บ้านได้ก็จะช่วยให้เข้ามีความสุขที่เกิดจากสมดุลของชีวิตที่ดี
4. มันง่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน !!!
หากพูดคำว่า ‘Work From Home’ เมื่อซัก 20 ปีที่แล้วเราอาจจะนึกถึงคนที่มีธุรกิจของตัวเอง หรือคนที่ใช้บ้านเป็น Home Office เพราะแทบเป็นไปไม่ได้ที่เราจะบริหารคนหรือติดต่อสื่อสารด้วยระยะทางที่ไกลขนาดนั้น ตัดภาพมาปัจจุบันมีสตาร์ทอัพระดับโลกหลายแห่งที่มีทีมกระจายอยู่แทบทุกทวีปทั่วโลกแต่ก็ทำงานกันได้อย่างสอดคล้องพร้อมเพรียง เราคงไม่ต้องเสียเวลาในการแนะนำชื่อโปรแกรมอะไรลในบทความนี้เนื่องจากข้อมูลในส่วนนั้นหาได้อย่างง่ายดายแค่ปลายนิ้วคลิก ความท้าทายไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือในการทำอีกต่อไป แต่อยู่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทีมมากกว่า เครื่องมือน่ะพร้อมอยู่แล้ว
5. ประหยัดค่าใช้จ่าย
ทั้งค่าน้ำค่าไฟ ขนาดของออฟฟิศก็ไม่จำเป็นต้องมีมากมาย ซึ่งก็ตรงตัวอยู่แล้วในข้อนี้ แล้วเอางบประมาณที่เหลือไปส่งเสริม สนับสนุนพนักงงานในมิติอื่นๆ ให้มากขึ้น
6. ไม่ต้องเสียเวลาเข้าประชุมที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป
ต้องยอมรับจริงๆ ว่าการประชุมได้กลายเป็นสิ่งที่มีภาพจำแย่ลงไปมากในมุมของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เราไม่ได้กำลังบอกว่าการประชุมเป็นสิ่งที่แย่ในตัวเอง แต่หลายๆครั้ง การประชุมก็ขาดเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่มีการสรุปผลหลังการประชุมที่ชัดเจนว่าได้อะไรจากการประชุมนั้น ไม่มีการต่อยอดเป็นการกระทำที่ติดตามผลได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะลดน้อยถอยลงไปโดยปริยายเพราะการทำงานแบบ Work From Home จะช่วยคัดกรองให้เหลือแค่การประชุมที่คุณจำเป็นต้องทำ video conference…เป็นการช่วยทางอ้อมน่ะนะ :b
9. จ้างคนเก่งจากที่ไหนก็ได้
ไม่ติดปัญหาเรื่องบ้านไกล เดินทางไม่สะดวกอีกต่อไป ทุกวันนี้เริ่มเห็นอย่างชัดเจนแล้วนะครับกับงานบางตำแหน่งที่เราทำสัญญาจ้างเป็นพนักงานประจำ จ่ายเงินเดือนตามปกติ แต่ตัวไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ พอทำแบบนี้ Pool ของ Talent ของเราก็จะกว้างมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พูดง่ายๆ ว่าหาคนเก่งมาร่วมงานได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
10. ลดอัตราการลาออกของพนักงาน
ต้องบอกว่าในขณะนี้ ในบริบทของสัมคมไทย ยังมีบริษัทจำนวนไม่มากที่นำเสนอสวัสดิการในรูปแบบนี้ซักเท่าไหร่ เมื่อประกอบเข้ากับสภาพการจราจรและปัญหามลภาวะในเมืองในขณะนี้ทำให้ข้อเสนอนี้เป็นสิ่งที่พิเศษขึ้นมาทันทีสำหรับพนักงงานของคุณ ซึ่งแน่นอนมันช่วยให้พนักงานของคุณอยากจะอยู่กับคุณไปนานขึ้นกว่าเดิม
11. เป็นการ PR บริษัทชั้นเยี่ยม
ด้วยความที่ยังมีบริษัทไม่มากนักที่ Offer สวัสดิการในลักษณะนี้ เราจึงสามารถใช้การทำการตลาดองค์กรหรือที่เรียกว่า Corporate marketing เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กรเพื่อให้มีความน่าดึงดูดต่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่งานวิจัยบอกเราว่าเป็นรุ่นที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของ Work Life Balance มากที่สุด ให้เข้ามาทำงานด้วย
12. พนักงานจะใช้วันลาป่วยน้อยลง
ทุกคนต้องเคยมีประสบการณ์เวลาที่ไม่สบายแต่ก็ต้องฝืนมาทำงานที่ออฟฟิศ ซึ่งค่อนข้างทรมาณมากเลยทีเดียว หรือบางทีพนักงงานที่ลาป่วยไปเพราะไม่อยากฝืนร่างกายตัวเอง ซึ่งจริงๆ แล้วอาการป่วยอาจจะไม่ได้รุนแรงมากขนาดนั้น ซึ่งถ้าเรามีนโยบายให้ Work From Home ได้ก็จะทำให้พนักงานยังพอที่จะทำงานที่บ้านไปพลางๆ ได้ไม่ถึงกับต้องใช้เป็นวันลาป่วย ข้อดีอีกอย่างก็คือลดการแพร่กระจายเชื้อกับคนอื่นๆในออฟฟิศอีกด้วย
13. ใจเย็น ๆ บริษัทของคุณสามารถลองนโยบาย Work From Home ที่ละนิดได้
ถ้ายังไม่ค่อยมั่นใจว่ามันจะเวิร์คหรือให้ผลอย่างไรในบริษัทของเราคุณสามารถเริ่มจากเล็กๆ ก่อนได้ และส่วนใหญ่แล้ว Work From Home ก็ไม่ได้เกิดขึ้น 100% ที่ทุกคนจะทำงานที่บ้านทุกวัน คุณสามารถเริ่มจากบางแผนก บางส่วนงานที่ตัวเนื้องานดูจะเหมาะสมกับการทำงานที่บ้านได้ รวมถึงสามารถเริ่มจากจำนวนวันน้อยๆ กรณีตัวอย่างเช่น อาจจะให้ทีมโปรแกรมเมอร์ของบริษัทสามารถทำงานที่บ้านได้ 2 วันในหนึ่งเดือน แล้วค่อยๆ ลองปรับเพิ่มลดจำนวนวันจนได้จำนวนที่เหมาะสมที่สุด
14. ข้อดีข้อสุดท้าย
ตัวคุณเองที่เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจ หรือผู้จัดการ ก็สามารถที่ะได้รับประโยชน์ทั้งหมดทุกข้อที่กล่าวมาเช่นเดียวกับทุกๆ คนอีกด้วย