HIGHLIGHT
|
Freelance ถือเป็นงานในฝันของใครหลายต่อหลายคน เพราะคนทำงานนี้จะได้เป็นนายตัวเอง สามารถทำงานจากที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ มีความอิสระเสรีมากกว่าการเป็นพนักงานออฟฟิศ
แต่ในขณะเดียวกัน คนทำงานนี้ก็ต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าปกติ อีกทั้งงาน Freelance ไม่มีความแน่นอน บางเดือนอาจมีงานเข้ามามาก มีรายรับมาก แต่อีกเดือนก็อาจไม่มีงานและเงินเข้ามาเลยก็ได้ เป็นความเสี่ยงที่คนเป็น Freelance ทุกคนไม่ว่าจะอยู่สายไหนก็ตามต้องแบกรับให้ได้
HREX มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณ มด – วนิดา ภูทองก้าน ผู้ไม่ใช่ Freelance ธรรมดา แต่เป็น Freelance HR หรือ Freelance Recruiter จากแพลตฟอร์มจัดหางาน Sourcedout เธอสามารถแบ่งเวลาในการทำงานได้อย่างดี มีความสม่ำเสมอ จนสามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้อย่างมหาศาล
เคล็ดลับในการทำงานของเธอเป็นอย่างไร ติดตามได้จากบทสัมภาษณ์นี้เลย
ก่อนจะมาเป็น Freelance Recruiter มีประสบการณ์ทำงานด้านใดมาก่อนบ้าง
วนิดา: มดเรียนจบปริญญาตรี ด้านการท่องเที่ยวค่ะ พอจบแล้วก็ได้ทำงานเป็นไกด์ และเป็นล่ามภาษาไทย-อังกฤษตามอีเวนต์หรืองาน Business Meeting ค่ะ เคยทำงานเป็น Recruiter อยู่ในองค์กรแห่งหนึ่งด้วยเป็นเวลาแค่ 1 เดือน แต่งานประจำที่สุดท้าย มดทํางานในแผนกดูแลลูกค้า Customer Service ในบริษัทแห่งหนึ่งมา 10 ปี แล้วออกจากงานประจําเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2022
หลังออกมาก็มองหางานที่ทําที่บ้านได้ เราต้องการงานที่มีความยืดหยุ่น ก็ได้มารู้จักกับแพลตฟอร์ม Sourcedout ผ่านทาง JobsDB ค่ะ ดูรายละเอียดแล้วสนใจมากจึงสมัครเป็น Freelance Recruiter ตอนแรกไม่คิดว่าทางบริษัทจะรับ เพราะว่าประสบการณ์การเป็น Recruiter น้อยมาก เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ได้งานนี้ค่ะ
ทําไมถึงตัดสินใจสมัครเป็น Freelance Recruiter ให้กับ Sourcedout
วนิดา: เกิดจากความอิ่มตัวในการทำงานประจำค่ะ เพราะว่าทํางานประจําเป็น Customer Service มา 10 ปีแล้ว ทุกวันต้องตื่นแต่เช้าไปทํางานตามเวลาที่บริษัทระบุ อยู่แต่ในวิถีชีวิตนั้นมาตลอด จนเริ่มรู้สึกว่าอยากหาอะไรใหม่ ๆ ให้ตัวเองบ้าง
มดเป็นคนที่ชอบความหลากหลาย ไม่ชอบทำอะไรที่น่าเบื่อค่ะ แล้วมดมองเห็นว่าธรรมชาติของงานสรรหาพนักงาน ก็มีความหลากหลายค่อนข้างมาก จากการได้พบเจอคนจำนวนมาก ดูมีความท้าทายดี ก็เลยตัดสินใจสมัครเข้าทํางานที่แพลตฟอร์มนี้ และทำมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 ค่ะ
พอไม่มีประสบการณ์เป็น Recruiter มาก่อน การทํางานนี้มีความยากและความท้าทายอย่างไรบ้าง
วนิดา: ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ อาจเพราะเคยเจอนายจ้าง เจอคนมาหลายรูปแบบก็เลยคิดว่าไม่ยาก และในเมื่อสิ่งที่เราต้องการจริงๆ คือการทำงานออนไลน์ ทำงานที่มีความยืดหยุ่น งานนี้จึงตอบโจทย์กับเรามากค่ะ
แต่ความยากก็มีนะคะ นั่นคือการต้องหาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการ เราก็ต้องขวนขวาย ตามหามาให้ได้ไม่ว่าจะจากช่องทางไหน แล้วก็ต้องมีวิธีโน้มน้าวให้คนอยากมาสมัครงานกับเราด้วย
อีกส่วนที่ยากคือการสัมภาษณ์ เราอาจไม่ได้ทํางานสาย HR มาโดยตรง ช่วงแรกจะยังจับจุดไม่ได้ว่าควรเริ่มคุยกับเขายังไง การแนะนําตัว การให้ข้อมูลต้องดึงดูดใจเขา
เช่น คุยกับผู้สมัครงานไปแล้ว เขาตอบรับงานแล้ว แต่บางครั้งเขาอาจสมัครงานไว้หลายที่ สุดท้ายเขาเลือกงานที่อื่น หรือตําแหน่งงานวันนี้กําลังเปิดรับสมัครอยู่ แต่วันถัดมาตําแหน่งงานนั้นอาจปิดไปแล้วก็ได้ ทั้งที่เรายังอยู่ขั้นพูดคุยกับผู้สมัครอยู่ เป็นต้นค่ะ
งาน Freelance Recruiter มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา วันนี้เราอาจดีใจผลงานที่ออกมา แต่พรุ่งนี้เราอาจจะผิดหวังก็ได้ค่ะ เราต้องคิดไว้เสมอด้วยว่าอาจมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอด
คิดว่าอะไรเป็นคุณสมบัติที่จําเป็นสําหรับคนที่จะมาเป็น Freelance Recruiter
วนิดา: ต้องมีความจริงใจต่อผู้สมัครค่ะ เราต้องมองผู้สมัครเป็นลูกค้า เราจะให้เขามาทํางานด้วย เราก็ต้องจริงใจกับเขา ต้องมีความโปร่งใสในการให้ข้อมูล ให้ฟีดแบ็คต่างๆ
เราต้องศึกษาให้ดีก่อนว่า บริษัทที่เรากําลังหาคนให้นี้ มีข้อแตกต่างจากบริษัทอื่นหรือว่างานอื่นอย่างไร เพราะเราก็ต้องเชิญชวนให้เขาสนใจอยากสมัครงานในตําแหน่งนั้น ๆ นะคะ แล้วเวลาคุยกับผู้สมัคร มดจะตอบกลับค่อนข้างเร็ว จะไม่ได้รอให้ถึงข้ามวันแล้วค่อยตอบ มดจะตอบภายในวันนั้น เพราะการตอบเร็วแสดงถึงความจริงใจด้วยเหมือนกันค่ะ
นอกจากนั้นก็ต้องเรียนรู้ระบบการหางานในเมืองไทย ต้องเรียนรู้ตลาดงานค่ะ ต้องเข้าใจกระบวนการ เข้าใจภาพรวมของธุรกิจที่เราจะสรรหาคนค่ะ ว่าธรรมชาติของธุรกิจนี้เป็นอย่างไร
พอเรียนรู้ตลาดเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ หรือตําแหน่งงานที่ประกาศรับค่ะ ไม่ว่าจะงานด้านบัญชี ด้านไอที ด้านอะไรที่ไม่รู้จักมาก่อน ลองศึกษาดูว่า ตําแหน่งไหนที่เราสามารถหาคนได้ง่ายค่ะ ช่องทางไหนที่จะช่วยให้หาคนง่ายค่ะ
สิ่งที่ยากที่สุดในการเป็น Freelance Recruiter คืออะไร
วนิดา: การหาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงกับงานนั้นนั้นค่ะ แต่หลัก ๆ แล้วสิ่งที่มดจะดูเป็นอันดับแรกคือ ต้องดูว่างานที่เราจะสรรหาพนักงานมีข้อจํากัดอะไรไหม เช่น เรื่องเพศ หรืออายุ งานนี้ต้องใช้ประสบการณ์กี่ปี รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านภาษาด้วย
เสร็จแล้วก็ต้องมาดูว่า คุณสมบัติของผู้สมัครตรงหรือเปล่า ถ้าตรงสัก 60% มดจะลองส่งให้ลูกค้าพิจารณาก่อน การที่คน ๆ นึงจะถูกจ้างงานหรือไม่ถูกจ้างงานมีหลายปัจจัยมากค่ะ ดังนั้นเราจะไม่ตัดสินอะไรเองก่อนค่ะ
เคยเจอผู้สมัครโกหกตอนสัมภาษณ์ไหม แล้วมีวิธีรับมืออย่างไร
วนิดา: เคยเจอทุกรูปแบบเลยค่ะ เช่น เรื่องทักษะด้านภาษาอังกฤษ ผู้สมัครบางคนระบุในเรซูเม่ไว้เลยว่า สามารถสื่อสารได้ดีมาก แต่พอคุยจริงแล้วถึงพบว่าเขาสื่อสารไม่ค่อยได้
นอกเหนือนั้นก็เคยผู้สมัครที่ไม่ได้บอกข้อมูลตามความเป็นจริง บางตําแหน่งงานต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถด้าน Technical ที่ชัดเจน ในเรซูเม่ของผู้สมัครงานเขาก็ระบุมาตรงกับ Requirement ที่ต้องการพอดี แต่พอเข้าไปสัมภาษณ์จริง สิ่งที่เขาเขียนกับประสบการณ์ที่ระบุไว้ไม่ตรงกันเลย ก็เป็นประสบการณ์คร่าว ๆ ที่เคยเจอมาค่ะ
สิ่งที่ Freelance Recruiter ไม่ควรทํามีอะไรบ้าง
วนิดา: อะไรที่เราไม่มั่นใจ ก็อย่าเพิ่งรีบให้ข้อมูลผู้สมัครไปค่ะ เพราะความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะไม่เพียงกระทบกับเราในฐานะ Freelance Recruiter เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงลูกค้าด้วย ถ้าเรามีข้อสงสัยอะไร ก็ต้องไปถาม ไปหาคำตอบก่อน ดีกว่าให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไป ความเสียหายมันเยอะกว่าที่เราคาดการณ์ไว้มากค่ะ
อย่าลืมว่าก่อนจะจ้างงาน เราต้องศึกษาข้อมูลผู้สมัคร ศึกษาข้อมูลบริษัทให้ดีก่อน ต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริง โปร่งใส กระชับ แล้วก็จะต้องดึงดูดจูงใจด้วย เราอาจไม่จําเป็นต้องเป็นคนพูดเก่งตั้งแต่แรก แต่ทุกอย่างเราสามารถฝึกฝนได้ค่ะ
ข้อแตกต่างของการเป็น Freelance กับการทำงานประจำมีอะไรบ้าง
วนิดา: ข้อแตกต่างอันดับแรกคือเรื่องรายได้ค่ะ ต้องยอมรับว่ารายได้ของการเป็น Freelance จะไม่แน่นอนเมื่อเทียบกับการทำงานประจำ แต่ความอิสระก็ต่างกันเยอะ เราต้องเลือกว่าเราจะยอมแลกรายได้ที่มั่นคงกับความอิสระหรือไม่ ซึ่งสำหรับมด การเลือกมาทํางานเป็น Freelance เพราะเราต้องการอิสระ และมองว่าเราสามารถจัดการเวลาตัวเองได้
ดังนั้นเราต้องมีวินัยกับตัวเอง ต้องพยายามติดต่อผู้สมัครทุกวันค่ะ ต้องวางมาตรฐานให้ตัวเองไว้ด้วยว่า ใน 1 วัน จะหาผู้สมัครให้ได้อย่างน้อยให้กี่ท่านค่ะ
คุณทํางาน Freelance Recruiter ให้กับ Sourcedout มาประมาณ 1 ปีกว่า ๆ พอจะเปิดเผยได้ไหมว่า ช่วยให้คนได้งานไปแล้วกี่คน และได้รายรับเท่าไหร่บ้าง
วนิดา: 19 คนค่ะ รายได้นับรวมอยู่ที่ประมาณ 270,000 บาท ถือเป็นงานเสริมที่ดีมากค่ะ เราคํานวณง่าย ๆ ว่าถ้าสรรหาพนักงานในตําแหน่งที่เงินเดือนแค่ประมาณ 2-30,000 บาท ถ้าเราปิดการจ้างงานได้แค่ 1 งานต่อเดือน เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้ค่าตอบแทนประมาณ 10,000 บาท ซึ่งมันเป็นรายรับที่โอเคมาก ๆ เทียบแล้วถือว่าเยอะเมื่อเทียบกับการทํางานประเภทอื่น
และเผลอ ๆ ยิ่งเราทำได้เยอะ เราก็จะได้เงินเยอะกว่านั้น อาจจะมากกว่ารายรับหลักของเราด้วยก็ได้ แล้วเราไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลยในการทํางานนี้ ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านเลยนะคะ สามารถทํางานผ่านออนไลน์ได้
แต่จริง ๆ ตัวเลขที่มดคาดหวังไว้จะสูงกว่านี้นะคะ และโดยเฉลี่ย มดอยากปิดงานได้เดือนละ 3 ท่านค่ะ
คุณแบ่งเวลาในการทำงาน Freelance Recruiter กับงานอื่น ๆ อย่างไรบ้าง
วนิดา: สำหรับงาน Freelance Recruiter ตอนนี้แบ่งเวลาทำงานต่อวัน 50% ค่ะ ส่วนงานอื่น ๆ เช่น งานไกด์ งานล่าม จะอีก 50% มดสามารถทำงานได้ทุกวัน แม้กระทั่งวันหยุดหรือวันที่ไปเที่ยว อาจเพราะเป็นคนชอบทํางาน เป็นคนไฮเปอร์ค่ะ มดจะเช็คอีเมล เช็คข้อความใน LINE ทุกวัน และอย่างที่บอกว่ามดมักจะตอบลูกค้าให้เร็วที่สุด หรือถ้าไม่ว่างจริง ๆ อย่างน้อยจะต้องตอบให้ได้ภายวันนั้ยเลยถ้ามีคนติดต่อเข้ามาค่ะ
เคยมีอยู่เหมือนกันที่ไปเที่ยวทะเล แล้วมีผู้สมัครงานติดต่อมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพอดี ตอนนั้นเราก็ไปหาที่สงบ ๆ เพื่อติดต่อกลับเขาค่ะ มดคิดว่าถ้าเราทําสิ่งที่ชอบ เราจะไม่รู้สึกว่ากำลังทํางานเลย
มีอะไรอยากบอกคนที่กำลังสนใจอยากทํางานเป็น Freelance Recruiter ให้กับทาง Sourcedout บ้าง
วนิดา: งาน Freelance Recruiter เป็นงานที่ให้อิสระเยอะมากค่ะ ทั้งอิสระในการทำงาน เวลา และอิสระทางความคิด
หากใครสนใจทำงานนี้ก็อยากให้พิจารณาเรื่องรายได้ด้วย เพราะขึ้นชื่อว่า Freelance ถ้าเราทํามากก็ได้มาก ทําน้อยก็ได้น้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบางครั้งก็มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป บางครั้งก็ต้องอาศัยความโชคดีด้วย หากใครสนใจก็ลองมาสมัครงานได้นะคะ