Search
Close this search box.

3 วิธีฝึกให้มี EMPATHY ทักษะที่เรียนรู้ยากที่สุดในโลก

HIGHLIGHT

  • Empathy เป็นมากกว่าแค่ ‘การเอาใจเขามาใส่ใจเรา’ ในบริบทองค์กรและการพัฒนาทักษะผู้นำ เป็น Soft Skill และถือทักษะที่ยากที่สุดที่มนุษย์เราจะเรียนรู้ที่สร้างสัมพันธ์กับโลก 
  • เพราะ Empathy ในความเป็นจริง เราไม่มีทางเป็นเขาได้เลย เราจึงไม่สามารถรู้ได้จริง ๆ ว่าเขารู้สึกอย่างไร
  • 3 วิธีฝึกให้มี Empathy คือ อย่าเอามาตรฐานของตัวเองไปตัดสินผู้อื่น เปิดใจรับฟังผู้อื่นอย่างจริงใจ และหัดมองโลกในมุมอื่นบ้าง

EMPATHY ทักษะที่เรียนรู้ยากที่สุดในโลก

Empathy เป็นคำที่ถูกหยิบยกมาใช้กันบ่อยในบริบทองค์กร ธุรกิจและการพัฒนาภาวะผู้นำ ในภาษาไทย Empathy ถูกให้คำจำกัดความประมาณ “เข้าอกเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น” “รู้ซึ้งถึงความรู้สึกของผู้อื่น” “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” 

แต่สำหรับเราแล้ว คำ ๆ นี้เป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้ง ยากจะหาคำนิยามคำใดคำหนึ่งในภาษาไทยอธิบายความหมายของ Empathy ได้อย่างสมบูรณ์

Satya Nadella ซีอีโอของบริษัท Microsoft ผู้นำที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำที่มี Empathy คนหนึ่งของโลก เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า Empathy เป็นมากกว่า Soft Skill และถือทักษะที่ยากที่สุดที่เราจะเรียนรู้ที่สร้างสัมพันธ์กับโลก สร้างสัมพันธ์กับคนที่สำคัญสำหรับเรา 

การเลี้ยงดูและสูญเสียลูกชายที่สมองพิการของ Satya เมื่อปีก่อน เป็นเรื่องยากมากสำหรับตัวเขาและภรรยา ตลอด 26 ปีเขาเรียนรู้ว่าความเจ็บปวดทรมานที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดกับตัวเขา แต่มันเกิดกับตัวลูกชายของเขา ดิฉันเชื่อว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่คงจะผ่านจุดนี้มาเช่นกัน เวลาที่เห็นลูกร้องไห้ตอนถูกฉีดยา หรือเวลาที่ลูกทรมานจากอาการเจ็บป่วย ลูกเจ็บแค่ไหน พ่อแม่ยิ่งเจ็บกว่า ถ้าเลือกได้พ่อแม่ก็อยากจะเจ็บแทนลูก 

และสำหรับ Satya นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติที่มีต่อทุกด้านของชีวิต ที่ทำให้เขาได้มองโลกผ่านสายตาของลูกชายและสายตาของผู้อื่น  

การฝึก Empathy ด้วยการสมมติว่าเราเป็นคนอื่นนั้นไม่พอ เช่น การสมมติว่า “ถ้าเราเป็นเขา เราจะ…” เพราะในความเป็นจริง เราไม่มีทางเป็นเขาได้เลย เราจึงไม่สามารถรู้ได้จริง ๆ ว่าเขารู้สึกอย่างไร และจบลงด้วย “ถ้าเราเป็นเขา เราจะทำในแบบนี้ และแบบนี้ก็คือแบบของเรา ในมาตรฐานของเรา ซึ่งแน่นอนที่สุดมันไม่ใช่ในแบบของเขา 

เราสามารถฝึก Empathy ได้ผ่าน 3 วิธีดังนี้

1.Empathy ด้วยการรู้จักตัวเอง แต่อย่าเอามาตรฐานของเราไปตัดสินคนอื่น 

เพราะมาตรฐานของคนเราไม่เหมือนกัน สูงหรือเตี้ยอยู่ที่ว่าเราวัดจากมาตรฐานไหน

คนสูง 165 คือคนเตี้ย ในสายตาคนสูง 180

คนสูง 165 คือคนสูง ในสายตาคนสูง 150

ฉีดวัคซีน คือเจ็บที่สุดในโลกของเด็กทารก

ฉีดวัคซีน คือเจ็บเท่ามดกัดของผู้ใหญ่

พ่อแม่ที่มองโลกผ่านสายตาลูก จะเข้าใจว่าลูกทุกข์ทรมานกับการไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลขนาดไหน แม้สำหรับพ่อแม่ มันคือเจ็บแค่มดกัดก็ตาม

ดังนั้น ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ล้วนเป็นผู้นำที่รู้จักตัวเองก่อนว่าเราอยู่ที่จุดไหน แต่ไม่เอาจุดที่ตัวเองอยู่มาเป็นมาตรฐานตัดสินความต่างว่าแบบไหนเรียกเก่งหรือไม่เก่ง แบบไหนคือดีหรือเลว แบบไหนคือฉลาดหรือโง่

2.มี Empathy ด้วยการเปิดใจรับฟังอย่างจริงใจ 

เชื่อหรือไม่ว่าทักษะที่ฝึกยากที่สุดของคนเป็นผู้นำคือทักษะการฟัง เพราะที่ผ่านมาผู้นำได้ถูกให้คุณค่ากับความสามารถในการพูด ชักจูง ชี้นำ อย่างไรก็ดีการศึกษาด้านสมองพบว่าเวลาที่คนพูด เราจะไม่ได้ยิน ยิ่งพูดมาก ก็ยิ่งได้ยินน้อย โอกาสเข้าใจผู้อื่นก็น้อยไปด้วย 

ดังนั้นในสถานการณ์ที่คุณอยากจะเข้าใจคนอื่น ก็ต้องเตือนตัวเองให้พูดให้น้อย ฟังแบบไม่ตัดสิน เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดการเปิดใจรับฟังอย่างจริงใจ จะช่วยให้ผู้คนรอบตัวเกิดความรู้สึกปลอดภัยนำมาซึ่งความไว้วางใจ อันเป็นรากฐานสำคัญของความเป็นทีมและความคิดสร้างสรรค์ 

3.มี Empathy ต้องหัดมองโลกในมุมอื่นบ้าง 

เพราะความเชื่อมั่นในความคิดเรา มักทำให้เหตุผลหรือมุมมองของคนอื่นที่แตกต่างจากเราผิดไปเสียทุกอย่าง การพิจารณาสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ และหาทางออกหลากหลายวิธี เมื่อเราเข้าใจว่าเราเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ ช่วยสร้างมุมมองและทัศนคติใหม่ เพราะการคิดให้ไกล มองให้กว้างจะช่วยให้เข้าใจโลก เข้าใจคนอื่นมากขึ้น

 

บทความโดย

Dr. Sutisophan Chuaywongyart

CEO and Partner at Slingshot Group

All HR Solutions! มาค้นหา HR Products and Services กับ HREX กันเถอะ

ผู้เขียน

Picture of HREX.asia

HREX.asia

Connect People to the Best HR Solution เพื่อสนับสนุนการเติบโตขององค์กรผ่านผู้คน

บทความที่เกี่ยวข้อง