HIGHLIGHT
|
คำคม(Inspirational Quotes) และประโยคสร้างแรงบันดาลใจคือสิ่งที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยมาเป็นเวลานาน เราเห็นคำคมได้จากสื่อทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นบทพูดของนักแสดงในภาพยนตร์, หนังสือ หรือแม้แต่บทเพลงที่มักมีประโยคสวยหรูมากระทบใจเสมอ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าคำคมสามารถช่วยให้ทุกคนมีกำลังใจ และช่วยปลอบประโลมให้หลุดพ้นจากเรื่องร้าย ๆ ได้จริง
คำคมสร้างแรงบันดาลใจ ส่งผลต่อความคิดของคนได้อย่างไร HR สามารถนำคำคมมายกระดับการทำงานได้หรือไม่ และนอกจากคำคมแล้ว มีวิธีอื่นที่ HR สามารถใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานอีกรึเปล่า หาคำตอบได้ในบทความนี้
Contents
ทำไมคำคมสร้างแรงบันดาลใจ (Inspirational Quotes) จึงสำคัญ
นักจิตวิทยาชื่อคุณ ท็อด เอ็ม แทรช (Todd M. Thrash) และ แอนดรูว์ เจ เอลเลียต (Andruew J. Elliot) ได้กล่าวไว้ว่าแรงบันดาลใจมีอิทธิพลหลัก ๆ อยู่ 3 ประการ ได้แก่การปลุกกระตุ้น (Evocation), การข้ามพ้นเรื่องราวบางอย่าง (Transcendence) และการโน้มน้าวจิตใจ (Motivation) ซึ่งเป็น 3 บริบทที่สำคัญในวิถีชีวิตของมนุษย์ โดยแรงบันดาลใจสามารถเกิดได้ทั้งจากการเป็นผู้รับสื่อ ตลอดจนการลงมือทำบางอย่างด้วยตัวเอง
ทั้งคู่ได้ทำการวิจัยชื่อ “Inspiration Scale” และพบว่าผู้ที่ได้รับการสร้างแรงบันดาลใจสามารถเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ และมีแรงกระตุ้นในการทำงานได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ถูกกระตุ้นด้วยแรงบันดาลใจ จึงสามารถสรุปให้เห็นภาพได้ง่าย ๆ ว่า “การมีแรงบันดาลใจ” จะช่วยให้บุคคลนั้นกล้าเปิดรับสิ่งใหม่, มองเห็นเป้าหมายอย่างชัดเจนตามความเป็นจริง และก้าวข้ามความกังวลใจที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านั่นเอง
นอกจากนี้แรงบันดาลใจยังช่วยให้เกิด “พลังสร้างสรรค์” (Creativity) มากขึ้น โดยพบว่านักเขียนที่ถูกกระตุ้นด้วยแรงบันดาลใจจะใช้ระยะเวลาในการเขียนน้อยกว่า มีจินตนาการกว่า เลือกใช้คำได้เหมาะสมกว่า เพราะในแง่มุมหนึ่งการมีแรงบันดาลใจจะทำให้เรามีความเชื่อมั่นมากพอที่จะไปจับต้องเรื่องราวเดิม ๆ ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ที่จะร้อยเรียงเป็นเรื่องราวได้น่าสนใจขึ้น ทั้งนี้นักเขียนที่ไม่พยายามหาแรงบันดาลใจและสร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยตัวเองจะมีโอกาสหยุดพักระหว่างเขียนหรือใช้คำฟุ่มเฟือยมากกว่าเพราะยังคงติดอยู่กับกรอบเดิม ๆ ซึ่งแน่นอนว่าแม้จะมีองค์ประกอบทางวรรณศิลป์ครบถ้วน แต่ก็ตัดเรื่องความ “กล้าจินตนาการ” ออกไปได้เลย
แรงบันดาลใจจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรหยิบยกมาใส่ชีวิตเพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนดี ๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม อลิซาเบ็ธ กิลเบิร์ธ (Elizabeth Gilbert) นักเขียนชื่อดังชาวสหรัฐอเมริกาได้พูดไว้ใน TED Talk ของเธอว่า “แรงบันดาลใจจะไม่มีประโยชน์เลยถ้ามันเกิดขึ้นจากความพยายาม จงจำไว้ว่าแรงบันดาลใจต้องไม่เกิดจากความตั้งใจ มันเกิดอยู่ในที่ทางของมัน หากคุณเข้าใจตรงนี้ ก็จะไม่ไปกดดันตัวเองเพื่อให้มีแรงบันดาลใจสักอย่างขึ้นมา”
คำคมสร้างแรงบันดาลใจ (Inspirational Quotes) ส่งผลกับมนุษย์ได้อย่างไร
คุณ สก็อตต์ โซเบล (Scott Sobel) นักจิตวิทยาการสื่อสาร ผู้ก่อตั้ง Media & Communications Strategies, Inc สหรัฐอเมริกากล่าวว่า “มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความทะเยอทะยาน และพยายามมองหาผู้นำหรือคนที่เป็นแบบอย่างอยู่เสมอ ดังนั้นผู้นำที่มาพร้อมกับคำคมสร้างแรงบันดาลใจจึงตอบโจทย์จิตใต้สำนึกของมนุษย์ได้อย่างแท้จริง”
เหตุนี้ประโยคที่มาจากนักธุรกิจชื่อดัง, นักการเมือง หรือนักศิลปะ จะมีโอกาสในการสร้างแรงบันดาลใจได้มากกว่า เพราะผู้คนมักคิดไปโดยปริยายว่าการเป็น “บุคคลสาธารณะ” คือภาพสะท้อนของการประสบความสำเร็จ, ความฉลาด และคงมีทัศนคติดี ๆ บางอย่างที่ผลักดันให้ประสบความสำเร็จ คำพูดที่ออกมจากปากของบุคคลเหล่านี้จึงมีน้ำหนักมากขึ้น
HR มีข้อสงสัยหรือคำถามเกี่ยวกับประเด็นนี้
Q: เป็นหัวหน้าควรทำอย่างไรให้ลูกน้องยอมรับ
ดิฉันได้รับการเลื่อนตำแหน่งและมีคำสั่งให้ย้ายไปอยู่ที่สำนักงานใหม่ซึ่งไม่เคยไปและไม่รู้จักใครเลย เราจะมีวิธีสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกน้องอย่างไร
A: ให้เริ่มต้นจากการสร้างมนุษยสัมพันธ์ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
แสดงความเป็นมิตรให้ลูกน้องเห็นถึงความปรารถนาดีที่มีต่อทุกคน พูดคุยกันบ่อย ๆ ประชุมชี้แจงการทำงานอย่างสม่ำเสมอ ตำแหน่งของเราทำให้คนเกรงใจอยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับการแสดงออกของตัวเราเองด้วย ทั้งนี้การทำให้ผู้อื่นยอมรับเป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งของการมีภาวะผู้นำ ซึ่งสร้างได้ แต่ต้องอาศัยเวลาสักนิดซึ่งเป็นเรื่องปกติเมื่อต้องไปเปลี่ยนความคิดของผู้อื่น
,,, (คลิกดูคำตอบทั้งหมด👇)
สิ่งนี้เรียกเป็นภาษาวิชาการว่า “พลังของภาษา” (Power of Language) เพราะนอกจากมุมมองที่คนทั่วไปมองเข้าไปแล้ว คนที่เป็นบุคคลสาธารณะยังมักมาพร้อมกับคำพูดที่ผ่านการวางแผน (Well-Structured) ให้เป็นภาพที่เข้าใจง่ายกว่าคำพูดทั่วไป คำคมที่ถูกนำเสนอเป็นประโยคง่าย ๆ มีสัมผัสนอก-ในสวยงาม ติดปาก ติดสมองจึงเป็นที่นิยมและยังอยู่คู่กับสังคมจนถึงปัจจุบันแม้บางคำคมจะมีอายุนานกว่าพันปีแล้วก็ตาม
คำคมสร้างแรงบันดาลใจ (Inspirational Quotes) มีประโยชน์กับพนักงานอย่างไร
คุณวิคเตอร์ ลิปมัน (Victor Lipman) จาก Psychology Today ได้ทำการสำรวจและพบว่าเมื่อบริษัทจ้างพนักงานที่มีฝีมือมานั้น สิ่งที่พวกเขาสนใจนอกเหนือจากค่าจ้างและสวัสดิการก็คือแรงจูงใจในการทำงาน (20%) และการรู้สึกว่าตัวเองถูกให้ความสำคัญ (13%) นอกจากนี้ยังพบอีกว่าพนักงานบริษัทจะทำงานดีขึ้นถึง 20% เมื่อได้รับแรงบันดาลใจดี ๆ และมีถึง 87% ที่ไม่คิดลาออกจากงาน ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมากในมุมมองด้าน Employee Retention ของ HR
ผลสำรวจยังพบอีกว่าพนักงานบริษัทในประเทศอังกฤษถึง 70% ต้องการให้ผู้บริหารใส่ใจเรื่องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน ซึ่งหากอ้างอิงจากหัวข้อก่อนหน้าที่ระบุว่าพนักงานบางส่วนรู้สึกว่าการถูกละเลยจากหัวหน้าจะทำให้ตนคิดว่าตัวเองไม่สำคัญจนไปลดทอนกำลังใจและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการอธิบายด้วยคำพูดทั่วไปอย่างเดียวถึงไม่พอ ผู้นำที่ดีต้องมีคำคมไว้ใช้ หรืออย่างน้อยก็ต้องรู้จักการสรุปความและการเลือกใช้คำ เพื่อให้สิ่งที่ต้องอยากสื่อถูกจดจำอย่างรวดเร็วซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อวัฒนธรรมและเสถียรภาพขององค์กรในภาพรวม
ในมุมกลับกันการกระตุ้นให้พนักงานเห็นความสำคัญของแรงบันดาลใจ และการออกนโยบายให้พวกเขาหาคำคมง่าย ๆ มาผลักดันตัวเอง จะเป็นการโน้มน้าวให้พนักงานอ่านหนังสือมากขึ้น เปิดรับสื่อมากขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มความรู้ไปในตัว ที่สำคัญอย่าลืมว่าประโยคดี ๆ ไม่ได้เอาไว้เฉพาะแค่กับหัวหน้า – พนักงานเท่านั้น แต่ยังเอาไปใช้กับเพื่อนร่วมงาน หรือเป็นแนวทางไว้พูดคุยกับลูกค้าก็ได้ ซึ่งจะทำให้การนำเสนองานน่าสนใจมากขึ้น อนึ่งคำคมสร้างแรงบันดาลใจอาจถูกติดเป็นป้ายในที่ทำงานก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้เป็นคำพูดตลอดเวลา เพราะดูยัดเยียดจนอาจกลายเป็นความพยายามเกินควรเสียแทน
นอกจากคำคมสร้างแรงบันดาลใจ (Inspirational Quotes) HR สามารถให้กำลังใจพนักงานด้วยวิธีใดอีกบ้าง
ภาพประกอบข้างต้นคือกราฟวงกลมที่แสดงให้เห็นว่าพนักงานสามารถถูกโน้มน้าวให้เกิดแรงบันดาลใจได้จากบริบทใดบ้าง ซึ่งการใช้คำคม หรือคำพูดที่ดีถือเป็นเพียง “ส่วนประกอบ” อย่างหนึ่งเท่านั้น โดยเราสามารถนำแนวทางอื่น ๆ ที่น่าสนใจมาสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน ดังนี้
1. จัดสถานที่ทำงานให้สวยงาม
เพราะไม่มีพนักงานคนไหนที่อยากทำงานในสถานที่สกปรกและน่าเบื่อ ดังนั้นควรจัดสรรค์พื้นที่ให้เหมาะกับทั้งการทำงานและพักผ่อน เช่นการมีห้องทำสมาธิ (Meditation Room), บาร์เครื่องดื่ม, เตียงนอน เป็นต้น วิธีนี้จะทำให้พนักงานมองว่าการมาออฟฟิศไม่ใช่เรื่องแย่ แถมยังสะท้อนให้เห็นถึง “ความใส่ใจ” ของหัวหน้างานอีกด้วย
2. เป็นหัวหน้างานที่ให้เกียรติ ซื่อสัตย์ และสนับสนุนพนักงาน
การมีหัวหน้าไม่ดีคือสาเหตุหลักที่ทำให้พนักงานอยากลาออก ดังนั้นการให้เกียรติ ซื่อสัตย์ และสนับสนุนคือการพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่พร้อมยกระดับพนักงานให้มีศักยภาพมากขึ้น ซึ่งตัวหัวหน้าเองก็ต้องเรียนรู้เสมอเพื่อให้คำพูดและคำแนะนำที่ออกไปมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ห้ามหยุดเรียนรู้เด็ดขาด เพราะเหตุผลง่าย ๆ ว่าถ้าเราเป็นคนที่ดีพอ พนักงานก็อยากร่วมงานด้วย และผลงานของทีมก็จะดีตามไปนั่นเอง
3. ปรับปรุงสวัสดิการให้เหมาะกับสถานการณ์
มีรายงานว่าปัจจุบันบริษัทในสหรัฐอเมริกาเริ่มเปิดรับการดื่มแอลกอฮอล์ในออฟฟิศมากขึ้น ซึ่งเป็นการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์เพราะพนักงานส่วนใหญ่กำลังอยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transitional) ระหว่างการ Work From Home กลับมาสู่ออฟฟิศ ดังนั้นการทำให้พนักงานสบายใจก็จะช่วยให้งานมีประสิทธิภาพมากกว่าบีบบังคับให้กลับมาทำงานด้วยระบบเดิมเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด-19 จนกล่าวได้ว่า “ความสามารถในการปรับตัว” คือบริบทพื้นฐานที่ผู้บริหารสามารถนำมาใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงานได้ทันที
4. ให้โอกาสพนักงานพัฒนาตัวเอง ไม่กดดันจนเกินไป
เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อบริษัทเติบโตแล้วพนักงานจะรู้สึกมีแรงกระตุ้นให้อยากทำงานมากขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่งบริษัทที่เติบโตเร็วก็อาจทำให้พนักงานปรับตัวตามไม่ทันจนมีผลงานตกต่ำลงได้ วิธีที่ถูกต้องคืออย่ากดดันพนักงานแต่ให้ตรวจสอบดูระบบของตัวเองว่ามีการปรับตัวให้สอดคล้องกับการขยายตัวของบริษัทหรือไม่ ดังนั้นผู้บริหารควรเปิดโอกาสให้พนักงานมีเวลาพิสูจน์ตัวเองมากขึ้น ให้การสนับสนุนมากขึ้น เพราะจะทำให้พนักงานเปลี่ยนมุมมองจากการ “มาทำงาน รับเงิน และกลับบ้าน” ไปเป็น “พยายามยกระดับตัวเองเพื่อตอบแทนความเชื่อใจ” ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งบริษัทและตัวพนักงานเอง
5. ให้พนักงานเลือกเวลาเข้าออฟฟิศได้ตามใจ
หลังจากที่เกิดโรคระบาดขึ้น มีผลสำรวจออกมาว่าคนอังกฤษกว่า 4 ล้านคนมีความสุขกับเวลาทำงานที่สามารถเลือกได้เอง ดังนั้นแม้เวลาทำงานเดิมจะเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายเคยตกลงร่วมกันเอาไว้แล้ว แต่บริษัทก็ควรนำบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงมาประกอบการพิจารณาเพื่อสร้างระบบใหม่อยู่ดี ทั้งนี้นอกเหนือจากการทำงานแบบ Hybrid หรือการเลือกวันเข้างานได้ตามใจแล้ว บริษัทก็สามารถลองจัดสรรเวลาทำงานสัก 2-3 รูปแบบเพื่อให้พนักงานเลือกได้เช่นกัน หากเป็นธุรกิจในรูปแบบที่ไม่สามารถทำออนไลน์ได้จริง ๆ
6. ชื่นชมความสำเร็จของพนักงาน
ผู้อ่านบางรายอาจเคยเห็นบริษัทที่ติดป้ายชื่นชมผลงานของพนักงานในแต่ละเดือน วิธีนี้ถูกพิสูจน์มาแล้วว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการสร้างตัวตันของพนักงานได้เป็นอย่างดี เพราะความพยายามที่มีคนเห็นและยอมรับ ย่อมดีกว่าความพยายามที่ตั้งใจแต่ไม่ถูกให้ความสำคัญอยู่ดี โดย Reward Gateway กล่าวว่าบริษัทที่ผู้บริหารชื่นชมความสำเร็จของพนักงานเสมอจะช่วยให้พนักงานมีผลงานดีขึ้นถึง 14% และยังช่วยกระตุ้นให้พนักงานคนอื่น ๆ มีความตั้งใจมากกว่าเดิมเพื่อหวังจะได้รับคำชมแบบเดียวกันในอนาคต
ไม่ใช่แค่คำคมที่สร้างแรงบันดาลใจ แต่สโลแกนบริษัทก็สำคัญ
รู้ไหมว่าเวลาคนเริ่มต้นทำธุรกิจ การคิดสโลแกนถือเป็นสิ่งท้าย ๆ ที่ผู้บริหารจะนึกถึงทั้งที่มันมีประโยชน์ต่อธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าสโลแกนธรรมดา ๆ อาจไม่โดดเด่นและเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจมากนัก แต่การมองว่ามัน “ไม่สำคัญ” ถือเป็นเรื่องผิดพลาดที่สุด ทั้งนี้เพราะสโลแกนอาจสะท้อนถึงทัศนคติของบริษัท เช่น Just Do It ของ Nike หรือ ‘สถานที่ที่มีความสุขที่สุดในโลก’ (The Happiest Place on Earth) ของ Disneyland เป็นต้น
นั่นหมายความว่าหากสโลแกนดังกล่าวติดปาก ติดตาผู้ซื้อเมื่อไหร่ สโลแกนนั้น ๆ ก็จะสามารถถ่ายทอดเอกลักษณ์ของบริษัทออกไปได้ง่ายขึ้น แถมยังต่อยอดไปเป็นสินค้าที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับธุรกิจอีกด้วย ทั้งนี้เพราะสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในด้านการตลาดคือการตอบให้ชัดเจนในเวลาอันรวดเร็วที่สุดว่าบริษัทของคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร ยิ่งเข้าใจได้ตั้งแต่การรับสารครั้งแรกยิ่งดี
อย่างบริษัทจัดหางาน Reeracoen มีสโลแกนว่า SUPER! ที่ประกอบไปด้วย
- S = Smile หมายถึงรอยยิ้ม ทัศนคติ และการกระทำในแง่บวก
- U = Unity หมายถึงการที่ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน
- P = Professional หมายถึงการที่ทุกคนเป็นมืออาชีพ, ทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีคุณภาพ และพัฒนาตัวเองเสมอ
- E = Energy หมายถึงการจดจ่ออยู่กับเนื้องาน และช่วยกระตุ้นซึ่งกันและกัน
- R = Respect หมายถึงการเคารพ, เชื่อใจ, ยอมรับ และเข้าอกเข้าใจผู้อื่น
ซึ่งทีมบริหารจะย้ำในเรื่องนี้ทุกวันระหว่างการประชุมช่วงเช้า (Morning Assembly) กับพนักงานทุกคน การตอกย้ำเรื่องนี้ควบคู่ไปกับรายงานผลประกอบการจะไปกระตุ้นให้พนักงานมีแรงบันดาลใจมากขึ้น แถมยังช่วยให้ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันในการขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจต่อไป
จะเห็นว่าหากเรานำเสนอแนวคิด 5 ประกาศข้างต้นด้วยคำตามปกติ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะหลงลืม แต่เมื่อเอาพยัญชนะตัวหน้าของแต่ละข้อมารวมเป็นคำว่า SUPER ซึ่งเป็นคำคุ้นเคยของคนทั่วไป ก็สามารถช่วยให้พนักงาน หรือแม้แต่คนที่ได้พบเห็นเข้าใจวิสัยทัศน์ของบริษัททันที
บทสรุป
คำคมสร้างแรงบันดาลใจ (Inspirational Quotes) คือวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้ผู้บริหารมีความคิดที่เป็นระบบ (Structured) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการบริหารจัดการธุรกิจทุกชนิด คำคมที่ดีเปรียบเสมือนการยืมมือของผู้เชี่ยวชาญมาบริหารทรัพยากรบุคคลในที่ทำงาน ภายใต้แนวคิด ว่า “ประโยคเดียวกัน หากอยู่ในปากของคนที่อยากเชื่อ ก็จะมีผลต่อการรับรู้มากกว่า”
นั่นแปลว่าผู้บริหารสามารถเลือกหาคำคมในประเด็นที่อยากจะสื่อสารออกไปจากคำพูดของศิลปิน, นักกีฬา, นักธุรกิจ ฯลฯ ที่พนักงานคนนั้น ๆ ชื่นชอบ เพื่อให้เห็นภาพและเปิดใจรับฟังเรื่องราวมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ทุกองคาพยพของบริษัทสามารถเติบโตไปพร้อม ๆ กันได้อย่างแข็งแรง