Next HR Tech : เทรนด์ของเทคโนโลยีที่ก้าวสู่การบริหารทรัพยากรมนุษย์

ยุค 4.0 เป็นยุคที่เทคโนโลยีกำลังเข้ามามีบทบาทเปลี่ยนโลกในทุกมิติ การเกิด Digital Disruption ทำให้หลายแวดวงต้องเปลี่ยนแปลงและปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดและก้าวไปข้างหน้าต่อได้ ไม่เว้นแม้แต่สายงาน Human Resource & Management ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแขนงงานที่มีการตื่นตัวและปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ในอันดับต้นๆ เลยทีเดียว ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่างก็ผุดขึ้นมากมาย เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกตลอดจนสร้างประโยชน์ให้กับสายงาน HR ได้อย่างมากทีเดียว

นั่นเป็นหนึ่งในที่มาที่ HR Note ลุกขึ้นมาจัดกิจกรรมครั้งแรกในเมืองไทยในครั้งนี้กับอีเวนท์ Next HR Tech เสวนาเล็กๆ ที่ชวนทุกคนมาพูดคุยกันถึงการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิตอลไปจนถึงเทรนด์ของ HR Tech ที่กำลังได้รับความสนใจในเมืองไทยขณะนี้ ผ่านมุมมอง ข้อมูล ตลอดจนความคิดเห็นจาก 3 วิทยากรที่มาจาก 3 องค์กรด้าน HR Tech ดังของไทย ซึ่งมาร่วมนั่งพูดคุยกับทุกคน ณ เวทีเสวนาที่ชั้น 34 ตึก Bhiraj Tower ในวันที่ 6 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา วันนี้เราเลยอยากถอดองค์ความรู้จากเสวนาในครั้งนี้สรุปเป็นใจความโดยย่อที่น่าสนใจเอามาฝากกัน

วิทยากร (Speakers)

  • การศึกษา : ปริญญาตรีจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • กรรมการผู้จัดการ (CEO) และผู้ร่วมก่อตั้ง Conicle หนึ่งในผู้นำด้าน Modernize Learning ของไทย ที่คร่ำหวอดในแวดวง Digital & Technology มามากกว่า 10 ปี ซึ่งปัจจุบันแพลตฟอร์มของ Conicle นั้นได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำมากกว่า 30 บริษัท และมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มนี้ไม่ต่ำว่า 350,000 คนเลยทีเดียว 
  • การศึกษา : ปริญญาโทด้าน MBA จาก James Cook University Australia ประเทศออสเตรเลีย
  • ผู้จัดการฝ่ายขายของ Ultra Technology (Thailand) ที่นำเอาระบบเบิกเงินเดือนล่วงหน้า (Advance Payment) อันเป็นเทคโนโลยีชั้นนำจากญี่ปุ่นเข้ามาบุกเบิกตลาดในเมืองไทย เขายังคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงธุรกิจด้านต่างๆ รวมไปถึงการเงินและอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 7 ปี ก่อนที่จะเข้ามาบริหารงานให้กับทาง Ultra Technology ซึ่งกำลังเป็น HR Tech ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เลยทีเดียว

  • การศึกษา : ปริญญาโทด้าน MBA จาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) สหรัฐอเมริกา
  • ผู้อำนวยการ (CEO) และผู้ก่อตั้ง Happily.ai ที่นำเอางาน design และ science เข้ามาประยุกต์ใช้กับสายงาน HR เพื่อสร้างประสบการณ์การทำงานที่ดีให้กับบุคลากรและองค์กรไปพร้อมกัน รวมถึงเคยผ่านการเป็นผู้ช่วยสอนให้กับ MIT มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก และเคยผ่านการทำงานในองค์กรผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่าง Google ในสหรัฐอเมริกามาแล้วด้วย

Session 1 : The Cloud Academy for the new world of work

โดย Conicle

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าและก้าวไปไวมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเท่าทวีคุณนั้นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรทำก็คือการปรับตัวก้าวให้ทันเทคโนโลยีและนำมันมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุดนั่นเอง แล้วหัวใจของการที่จะก้าวตามให้ทันในตอนนี้ก็คือ “เรียนรู้ให้เร็วขึ้น (Learning Faster)” และต้อง “เดี๋ยวนี้ (Now)” เพราะเทคโนโลยีนั้นก้าวไกลไปทุกวินาที ถ้าคุณมัวแต่รอเวลาคุณก็จะเริ่มก้าวตามไม่ทันมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นแบบทวีคุณเช่นกัน แล้วการเรียนรู้ในยุคอนาคตที่กำลังจะมาถึงนี้ก็คือการเรียนรู้แบบโลกใหม่ที่ไม่มีวันหมดสิ้น เราต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ การเรียนรู้จะไม่ใช่อยู่แค่หลักสูตรหรือในห้องเรียนเท่านั้น เราสามารถเลือกเรียนรู้หรือพัฒนาทักษะหลายอย่างได้ไม่จำกัด และแหล่งเรียนรู้สำคัญสำหรับโลกอนาคตก็คือระบบ Cloud นั่นเอง มาลองดูกันดีกว่าว่ามีเรื่องราวอะไรที่เป็นประเด็นน่าสนใจครั้งนี้กันบ้าง

Technology Advancement vs Human Adaptability

หนึ่งในหนังสือขายดีอย่าง Thank you for being late ของ Thomas L. Friedman ได้พูดถึงอัตราการเติบโตของเทคโนโลยีไว้ว่ามันเป็นอัตราก้าวหน้าแบบทวีคุณเช่นเดียวกับลักษณะของกราฟแบบ Exponential Function ซึ่งในยุคปัจจุบันนั้นเรากำลังยืนอยู่ในยุดที่เทคโนโลยีพัฒนาก้าวไกลเหนืออัตราพัฒนาการของมนุษย์แล้ว (ตามกราฟอ้างอิงด้านล่างนี้)

แล้วทางเดียวที่จะตามเทคโนโลยีทันเพื่อก้าวไปยืนอยู่จุดเดียวกันได้นั้นก็คือมนุษย์ต้อง Learn Faster and Govern Smarter เรียนรู้ให้เร็วยิ่งขึ้นและต้องบริหารจัดการให้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม รวมถึงนำเอาเทคโนโลยีที่ก้าวไกลนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้ได้ด้วย

The New World of Work > The New Way of Learning

การพัฒนาของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดทวีคูณนั้นทำให้เกิด Digital Disruption และ Organization Transformation กันอย่างมากในยุคนี้ และก่อให้เกิดโลกของการทำงานในยุคใหม่ที่จะพัฒนาและเดินไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ในยุคใหม่ในแบบ The New World of Work > The New Way of Learning ในเวลาเดียวกันด้วย ซึ่งเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงสู่เรียนรู้ในโลกยุคใหม่ตลอดจนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่มาสนับสนุนนั้นเป็นดังนี้

 

  • #1 The New Landscape Disruption and Transformation

การเกิด Digital Disruption นั้นทำให้เกิด Organization Transformation มากมาย หลายองค์กรยุคเก่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ในขณะที่มีองค์กรยุคใหม่ที่เกิดใหม่มากมายที่เกิดบนพื้นฐานของโลกเทคโนโลยีนี้ ตัวอย่างง่ายๆ ที่เห็นได้ชัดมากก็คือวงการค้าปลีกที่ยักษ์ใหญ่อันเก่าแก่อย่าง SEARS และ Walmart ต่างก็ถดถอยและทยอยปิดตัวลง ในขณะที่ยักษ์ใหญ่รุ่นใหม่อย่าง Amazon ที่ใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกิจค้าปลีกนั้นกลับมีผลกำไรที่มากขึ้นเรื่อยๆ แถมมีต้นทุนที่ต่ำกว่าด้วย พร้อมมีพนักงานในการทำงานที่น้อยกว่าถึงหลายเท่าตัวเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าในองค์รวมจะทำธุรกิจคล้ายๆ กัน แต่บุคลากรของทั้งสององค์กรก็แตกต่างกันด้วย องค์กรค้าปลีกเก่าแก่อาจจะเปิดรับสมัครบุคลากรที่มีทักษะแบบ Soft Skills อย่าง พนักงานขาย, พนักงานจัดซื้อ, พนักงานเช็คสต๊อกสิ้นค้า เป็นต้น ในขณะที่องค์กรยุคใหม่ที่ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานเทคโนโลยีอาจจะต้องการบุคลากรที่มีทักษะ Tech Skills สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ อย่างเช่น Programmer, Developer หรือแม้แต่ ช่างเทคนิคเพื่อซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ มากกว่าพนักงานขายและพนักงานดูแลสินค้า เป็นต้น

ปัจจัยที่อยู่ตรงกลางระหว่าง Digital Disruption กับ Organization Transformation ก็คือ People หรือแรงงานนี่ล่ะ ซึ่งก็ย่อมต้องเกิด People Transformation ไปตามๆ กันด้วย แล้วสิ่งที่จะทำให้แรงงานเหล่านี้ปรับตัวให้ก้าวทันเทคโนโลยีได้ก็คือการเรียนรู้ที่ไวและทันสมัย (Modernize Learning) นั่นเอง

คำตอบง่ายๆ ของการเรียนรู้ในโลกยุคใหม่นี้ก็คือ Web, Cloud และ Moble หรือ เว็บไซต์, ระบบคลาวด์ และ มือถือ นั่นเอง ซึ่งจากการสำรวจของ McKinsey & Company นั้นพบว่า 3 สิ่งนี้คือสิ่งที่คนในยุคปัจจุบันใช้งานมากที่สุดตั้งแต่ในเรื่องส่วนตัว, การทำงาน, คลายเครียด, ไปจนถึงเรื่องเรียนเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เข้ามาอยู่ในวิถีประจำวันของชีวิตมนุษย์ และมันก็จะกลายเป็นเครื่องมือเรียนรู้ของเราทุกคนสำหรับยุคนี้และยุคอนาคตที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย

  • #2 The New skills required to thrive for today and tomorrow world

ทักษะใหม่ๆ ที่โลกต้องการเพื่อความก้าวหน้าของวันนี้และการพัฒนาของอนาคตนั้นจะเพิ่มขึ้นเสมอตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ในยุค 4.0 นี้ทักษะในโลกเก่าอาจเริ่มทยอยตายจากไป ในขณะที่ทักษะใหม่ๆ จะเกิดขึ้นตามมา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนมากๆ ก็คือหากย้อนเวลากลับไปเมื่อราวแค่สิบกว่าปีที่แล้วบนโลกนี้ก็ไม่เคยมีอาชีพอย่าง iOS Developer เกิดขึ้นแน่ๆ ซึ่งอาชีพนี้มาพร้อมเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงเสมอหลังจากการเกิด iPhone นั่นเอง

จากสถิติพบว่าเด็กยุคใหม่ที่จบการศึกษาในยุคนี้นั้นจะมีงานหลากหลายแขนงที่ตนสนใจตลอดจนเปลี่ยนงานในตำแหน่งต่างๆ มาแล้วมากมายที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 7 งาน/คน และ 5 ใน 7 งานนั้นจะเป็นงานเกิดใหม่ที่ไม่เคยมีตำแหน่งบนโลกนี้มาก่อนอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตนั้นก็จะมีงานตลอดจนตำแหน่งเกิดใหม่อีกมากมายเช่นกัน

ในขณะเดียวกันที่ทุกอาชีพต่างก็มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกรวมถึงแทนที่แรงงานคนมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างทุกวันนี้เราสามารถสั่งซื้อของ, สมัครงาน, ไปจนถึงตรวจสุขภาพเบื้องต้นผ่านลำโพงของ Amazon โดยมี Ai อย่าง Alexa คอยจัดการให้หมดทุกอย่างโดยที่เราไม่ได้ต้องออกจากบ้านไปไหนเลยด้วยซ้ำ หรือนวัตกรรมอย่าง Smart Watch ที่ปัจจุบันสามารถวัดอัตราการเต้นหัวใจตลอดจนวิเคราะห์สุขภาพต่างๆ ได้แบบ Real Time ที่เราแทบไม่ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งในอนาคตนั้นเราเชื่อว่ามันจะมีศักยภาพมากขึ้นที่อาจทำให้อาชีพหมอต้องตกงานกันมากขึ้นเลยทีเดียว ซึ่งนั่นเป็นที่มาของการที่แรงงานแบบดั้งเดิมจะต้องปรับตัว ปรับเปลี่ยน ตลอดจนเรียนรู้ สร้างเสริมทักษะใหม่ๆ ให้กับตนเอง เพื่อที่จะกลายเป็นแรงงานสำหรับยุคอนาคตต่อไป เพราะถ้าไม่ปรับตัวหรือปรับตัวไม่ทันนั้นก็อาจทำให้เราตกงาน และล้าหลังในทันที

  • #3 The New Generation Millennials are the main workforce

การมาของเจนเนอร์เรชั่นใหม่อย่าง Generation Millennials ที่จะกลายมาเป็นแรงงานหลักของตลาดแรงงานในอนาคตนั้น ซึ่งผลสำหรับของ AON ระบุว่า ในปี ค.ศ.2025 แรงงานทั่วโลกกว่า 75% จะเป็นคนรุ่นเจนมิลเลนเนี่ยลนี้ ฉะนั้นทุกคนต้องเตรียมรับมือและปรับตัวเพื่อให้ทำงานร่วมกันได้ให้มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะพวกเขาเหล่านี้ก็คืออนาคตของพวกเราและโลกของเรานั่นเอง

ผลการสำรวจยังระบุต่อว่าคนเจนใหม่นี้ต้องการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ รักความก้าวหน้า ต้องการผลตอบแทนที่คุ้มค่าและสวัสดิการที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตในหลากหลายด้าน รวมถึงต้องการประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยอีกด้วย ซึ่งหากมองในแง่ดีแล้วมันเป็นการรักความก้าวหน้าและต้องการพัฒนาโลกให้ดีขึ้นในทุกๆ ด้านด้วยนั่นเอง ซึ่งทุกคนและทุกองค์กรต้องพร้อมสนับสนุนและทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เข้าใจลักษณะของเจนเนอร์เรชั่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากยุคเก่า และช่วยส่งเสริมให้เขาสร้างศักยภาพได้ให้มากที่สุดด้วย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทั้งองค์กรและโลกเราต่างก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น

Session 2 : Improved Employee experience by fintech

โดย Ultra Technology

ในแวดวงการตลาดนั้นเราจำเป็นจะต้องคำนึงถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด เพราะเขาคือผู้ที่จะทำให้เกิดการใช้จ่าย ตลอดจนสร้างผลกำไรให้กับบริษัทได้นั่นเอง ฉะนั้นสิ่งที่จะต้องใส่ใจเป็นอย่างมากก็คือในเรื่องของ Customer Experience หรือประสบการณ์ผู้บริโภคที่จะต้องสร้างความพึงพอใจในสินค้าและแบรนด์ให้มากที่สุด เพื่อเกิดการบริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด แล้วถ้าหากนำเอาจุดนี้มามองกับการบริหารองค์กรนั้นก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้แบบไม่แตกต่างกัน นั่นคือหัวใจสำคัญขององค์กรนั้นก็คือบุคคลากร แล้วการที่จะทำให้บุคลากรมีความพึงพอใจต่องานที่ทำ ไปจนถึงมีความจงรักภักดีต่อองค์กรที่ตนอยู่ให้มากที่สุด เราสามารถสร้าง Employee Experience เพื่อให้เกิดสิ่งดังกล่าวได้เช่นกัน และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับบุคลากรในองค์กรนั้นต่างก็มีหลากหลายทางมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วเพื่อผลลัพธ์เดียวกันนั่นก็คือการต้องการทำให้พนักงานทุกคนมีความสุขในทุกมิตินั่นเอง และเมื่อเขามีความสุขเขาก็จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อองค์กรมากมายได้ด้วยเช่นกัน แล้วในจุดนี้รวมถึงยุคนี้เองเทคโนโลยีก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เกิด Employee Experience ที่ดีได้ด้วยเช่นกัน

1.Why HR need to improve Employee Experience?

สมการที่สมบูรณ์แบบที่สุดของการสร้าง Employee Experience ประสบการณ์ที่ดีให้กับบุคลากรนั้นก็คือ

โดยหลักในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานในองค์กรนั้นควรมีดังนี้

  • ใส่ใจตั้งแต่ต้นจนจบ : องค์กรสามารถใส่ใจพนักงานได้ตั้งแต่ขั้นสมัครงาน, เข้ามาทำงาน, ไปจนถึงออกจากที่ทำงาน และหลังจากนั้นองค์กรก็สามารถเชิญพนักงานที่มีความสามารถหรือมีประสบการณ์มาถ่ายทอดให้กับพนักงานปัจจุบันได้ด้วยเช่นกัน
  • เน้นคุณภาพของความพึงพอใจ มากกว่าปริมาณ : อย่างเรื่องของสวัสดิการในยุคนี้ ไม่ใช่แต่สักว่าจะมี แต่ควรใส่ใจคุณภาพด้วย ตัวอย่างเช่นสวัสดิการอาหารกลางวัน มีให้กับพนักงานบริษัท แต่ไม่เคยคำนึงถึงความอร่อย พนักงานก็อาจไม่กินหรือไม่พึงพอใจก็ได้ แค่ใส่ใจในความอร่อยอาจจะกลายเป็นสวัสดิการที่มีคุณภาพขึ้นต่อพนักงาน แต่หากไม่ใส่ใจแล้วเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นน่าจะดีกว่า
  • สำรวจความพึงพอใจอย่างสม่ำเสมอ : คอยดูว่าพนักงานชอบหรือไม่ชอบอย่างไร หรืออยากให้มีอะไรเพิ่มเติมบ้าง
  • ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการ : สวัสดิการที่สร้างความสุขให้กับพนักงานได้อาจเป็นสวัสดิการที่มีประโยชน์ต่อพนักงานได้ทันท่วงที หรือตามยุคตามสมัย และตามสถานการณ์ที่เหมาะสม อย่างเช่น สถานการณ์มลพิษ PM 2.5 องค์กรที่ใส่ใจและเป็นห่วงพนักงานจริงๆ อาจจะมีหน้ากากอนามัยแจกให้พนักงานได้ทันท่วงที เป็นต้น
  • คำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับอย่างแท้จริง : สวัสดิการที่ดีควรคำนึงถึงประโยชน์โดยตรงที่พนักงานจะได้รับอย่างแท้จริง อย่างเช่นสวัสดิการค่าซ่อมบำรุงรถอาจจะจำเป็นกับตำแหน่งเซลล์มากกว่าสวัสดิการอาหารกลางวันที่เซลล์อาจจะไม่ค่อยอยู่ออฟฟิศ เป็นต้น

2.How can HR improve Employee Experience?

ฝ่ายทรัพยากรบุคคลจะปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงานให้ดีขึ้นได้อย่างไร ซึ่งสวัสดิการนั้นควรตอบโจทย์สิ่งที่พนักงานต้องการอย่างแท้จริง ซึ่งทาง Jobthai ได้มีการสำรวจและสรุปเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกันระหว่าง 10 อันดับสวัสดิการที่องค์กรส่วนใหญ่ในประเทศไทยจัดให้กับพนักงาน กับ 10 อันดับสวัสดิการที่พนักงานอยากได้นั้นเป็นดังนี้

ซึ่งสวัสดิการหลายส่วนมีความเหมือนกัน แต่มีการเห็นความสำคัญที่ต่างกัน มีลำดับความสำคัญในมิติที่ต่างกัน ในชณะเดียวกันก็มีสวัสดิการที่องค์กรส่วนใหญ่ไม่เคยให้ แต่กลับเป็นสิ่งที่พนักงานส่วนใหญ่อยากได้ด้วย

3.How can HR improve Employee Experience?

ถ้าอย่างนั้นแล้วจะปรับปรุงประสบการณ์ของบุคลากรให้ดีขึ้นได้อย่างไร ก่อนที่จะกลับไปปรับปรุงนั้นอาจจะต้องเช้าใจถึงปัจจัยด้านต่างๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของพนักงานเสียก่อน ซึ่งปัจจัยที่มีผลสำหรับบุคลากรในทุกองค์กรต่อการเลือกทำงานในองค์กรนั้นๆ มี 4 อย่างดังนี้

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดนั้นคงเป็นเรื่องของการเงิน ตั้งแต่เรื่องของเงินเดือนไปจนถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งจากการทำงานไปจนถึงการดำเนินชีวิตส่วนตัว ตลอดจนค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล, ค่าซ่อมบำรุงต่างๆ ไปจนถึงค่าใช้จ่ายทางสังคมอื่นๆ ที่หากบริหารจัดการการเงินไม่ดี รวมถึงมีรายได้ไม่เพียงพอก็ก่อให้เกิดปัญหามากมายได้เช่นกัน แล้วเมื่อเกิดปัญหาด้านการเงินนั้นก็มักจะมีทางแก้ไขปัญหาที่พนักงานเลือกดังนี้

  • หยิบยืมเงินจากญาติไปจนถึงเพื่อนฝูงตลอดจนเพื่อนในที่ทำงาน
    • ผลกระทบที่อาจตามมา : สร้างปัญหาในที่ทำงานได้ สร้างความแตกแยก ไปจนถึงอาจเกิดการทุจริตองค์กรขึ้นได้
  • กู้เงินนอกระบบ
    • ผลกระทบที่อาจตามมา : เกิดหนี้สิ้นเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ดอกเบี้ยสูง โดนทวงหนี้จนไม่เป็นปกติสุข ทำร้ายร่างกาย
  • เสี่ยงโชคต่างๆ (เช่น ซื้อล๊อตเตอร์รี่ หรือ เล่นการพนัน)
    • ผลกระทบที่อาจตามมา : ไม่มีเงินเก็บ สูญเงินโดยเปล่าประโยชน์ สร้างพฤติกรรมให้เสพติดการพนัน เป็นต้นเหตุให้เกิดภัยทางสังคมตามมามากมาย
  • กู้ธนาคาร
    • ผลกระทบที่อาจตามมา : เป็นหนี้ก้อนโต ติดหนี้ระยะยาว ขาดสภาพคล่องทางการเงิน เศรษฐกิจฝืดเคือง

4.Fintech Solution

หนึ่งในตัวช่วยที่จะเข้ามาแก้ปัญหานี้ได้ดีก็คือ HR Tech ที่กำลังมาแรงอย่าง Advance Payment หรือระบบเบิกเงินเดือนล่วงหน้า ซึ่งทาง Ultra Technology ได้นำเอาเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จจากญี่ปุ่นนี้เข้ามาในเมืองไทย โดยเทคโนโลยีนี้จะทำให้ “เงินเดือน” สามารถกลายเป็น “เงินรายวัน” ได้ เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่ต้องการใช้เงินฉุกเฉินได้ทันท่วงทีนั่นเอง

โดยเทคโนโลยีนี้จะต้องผูกเข้ากับระบบของบริษัทเสียก่อน ก่อนที่พนักงานจะสามารถโหลด App มาใช้บนสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย วิธีใช้งานก็ง่ายยิ่งขึ้นด้วยการขออนุมัติเงินรายวันได้ตามต้องการผ่านมือถือเพียงเท่านั้น ระบบจะคำนวนจำนวนเงินที่คุณสามารถเบิกมาใช้ได้จากจำนวนวันที่คุณได้ทำงานไปแล้วในเดือนนั้นๆ ซึ่งนี่คือวงเงินที่สามารถเบิกได้นั่นเอง

ระบบจะเชื่อมต่อกับองค์กรในการพิจารณาการเบิกเงินเดือนล่วงหน้านี้กับฝ่าย HR ขององค์กรโดยที่คุณไม่จำเป็นจะต้องเดินไปทำเรื่องใดๆ แล้วองค์กรเองก็ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องออกเงินในส่วนนี้เองไปก่อน แต่ทาง Utra Technology จะเป็นคนสำรองจ่ายในส่วนนี้ไปก่อน ทำให้ทั้งพนักงานและองค์กรไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อถึงสิ้นเดือนระบบก็จะทำการตัดเงินให้อนัตโนมัติเอง แล้วองค์กรเองก็ยังสามารถช่วยเหลือเงินฉุกเฉินให้กับพนักงานได้ทันท่วงนี้โดยไม่ต้องเป็นกังวลอีกด้วย ซึ่ง Fintech นี้จะเข้ามาช่วยให้การเงินคล่องตัวขึ้น และพนักงานมีความสุขได้มากขึ้น ทำงานได้มีประสิทธิภาพ องค์กรก็มีประสิทธิภาพในที่สุด ทั้งยังชว่ยลดการเกิดปัญหาในมิติต่างๆ ได้มากมายอีกด้วย

Session 3 : People Analytics & Employee Experience

โดย Happily.ai

การสร้าง Employee experience หรือประสบการณ์การทำงานที่ดีให้กับบุคลากรนั้นไม่ใช่เรื่องของงาน แผนการพัฒนาศักยภาพบุคลากร หรือสวัสดิการเพียงอย่างเดียว ยังมีเรื่องราวอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถช่วยสร้าง Employee experience ที่ดีได้เช่นกัน รวมถึง HR Tech ในรูปแบบ People Analytics การวิเคราะห์และช่วยอุดรอยรั่วให้องค์กรได้อย่างทันท่วงที ไปจนถึงการสร้าง Relationship โดยใช้เทคโนโลยีมาเป็นตัวเชื่อมซึ่งจะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงองค์กรเข้าด้วยกัน สร้างพลังร่วมกัน ตลอดจนช่วยสร้าง Employee experience ได้ดีให้กับทั้งบุคลากรและองค์กรต่างๆ ได้อีกด้วย และเมื่อพนักงานมีความสุข ตลอดจนมีความพึงพอใจในองค์กร มันจะทำให้พนักงานแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ องค์กรก็พัฒนาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด แถมยังช่วยลดอัตราการลาออก ตลอดจนลดปัญหาด้านการบริหารจัดการบุคลากรได้อย่างดีอีกด้วย

ในยุคดิจิทัลนั้น เรื่องของ Data หรือข้อมูลถือเป็นสิ่งสำคัญ องค์กรแต่ละองค์กรต่างก็มีข้อมูลมากมาย รวมไปถึงข้อมูลของพนักงานเองด้วย สิ่งที่องค์กรควรให้ความสนใจมากขึ้นในยุคนี้ ก็คือการรู้จักบริหารข้อมูลให้เกิดประโยชน์ รู้จักการนำเอาข้อมูลทั้งหลายมาวิเคราะห์ให้เกิดผลที่มีคุณภาพ และนำผลนั้นไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขั้นตอนในการวิเคราะห์นั้นอาจเป็นดังนี้

  • 1.Define a question : บ่งชี้ปัญหาใช้ชัดเจน
  • 2.Form a hypothesis : ตั้งสมมติฐานให้ถูกต้อง
  • 3.Perform an experiment : สร้างการปฎิบัติการที่ตอบโจทย์
  • 4.Analyze & interpret results : วิเคราะห์และตีความผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ

Factors that have the biggest impact on Employee Experience

ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบอันยิ่งใหญ่ที่สุดต่อความพึงพอใจของพนักงานได้แก่

  • Relationship with manager : มีโอกาสได้พูดคุย ปรึกษาและใช้เวลาที่จำเป็นกับหัวหน้า
  • Satisfaction : ความพึงพอใจในงานที่ทำ ไม่น่าเบื่อ
  • Feedback : มีโอกาสได้แชร์ความคิดเห็น ให้คำติชมในการทำงาน
  • Relationship with colleagues : ได้รับความร่วมมือที่ดีจากเพื่อนร่วมงาน
  • Company Alignment : เข้าใจและมุ่งหวังไปในทางเดียวกันกับองค์กร
  • Wellness : รักษาและบริหารจัดการเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิต (Work-Life balance) ให้ตัวเองได้อย่างสมดุล
  • Personal Growth : การได้พัฒนาและมองเห็นถึงการเติบโตของตนเองในการทำงาน
  • Recognition :ารได้รับการยอมรับและมีคนมองเห็นคุณค่าการมีอยู่ในองค์กร

Artificial Intelligence (Machine Learning) is a powerful tool to help us solve problems

ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ถือเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ด้วยการนำเอา Data มาวิเคราะห์ เพื่อรายงานผลที่เกิดขึ้น รวมถึงเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อที่จะได้จัดการกับปัญหาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งความจริงแล้วบุคลกรแต่ละคนต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ดังนั้น Happily สามารถที่จะเป็นเครื่องมือช่วยให้บุคลากรแต่ละคนแสดงความคิดเห็นตลอดจนให้ข้อมูลเชิงลึกและเป็นรายบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องยิ่งขึ้น และนำไปวิเคราะห์ปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ละเอียดยิ่งขึ้น แก้ปัญหาได้ตรงจุดยิ่งขึ้นด้วยนั่นเอง

แล้ว AI ตัวนี้ยังช่วยให้องค์กรประหยัดงบประมาณ ประหยัดเวลาในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ อีกมากมาย แต่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์กว่าเดิมด้วย

สิ่งที่โดดเด่นสำหรับ Happily ก็คือการออกแบบที่ทันสมัย สนุก ใช้ง่าย ไม่น่าเบื่อ ผ่านการนำเสนอในรูปแบบของ gamification ที่ทำให้พนักงานสนุกกับการให้แชร์ feedback ที่เหมือนกับการเล่นเกม นอกจากนี้ใน app ยังมีส่วนของแหล่งความรู้ในการช่วยให้พนักงานพัฒนาตนเองได้ตลอดเวลา ตั้งแต่เรื่องการสื่อสาร แชร์เคล็ดลับในการทำงานและข้อความสร้างแรงบันดาลใจ ไปจนถึงการเปิดพื้นที่ให้พนักงานสามารถสร้างคอร์สที่น่าสนใจเพื่อแบ่งปันกันได้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีระบบ Rewards ที่ให้รางวัลคืนกลับพนักงาน โดยพนักงานที่ให้ความร่วมมือในการทำแบบสอบถาม ตลอดจนให้ข้อมูลในด้านต่างๆ ก็จะได้รับคะแนนสะสมเพื่อนำไปแลกรับของรางวัลต่างๆ ได้ด้วย รวมถึงสิทธิพิเศษมากมายที่เป็นสวัสดิการพิเศษอย่างหนึ่งขององค์กรได้เลยทีเดียว แล้วข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ก็สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลขององค์กรได้ด้วยเช่นกัน

บทสรุป

ยุคดิจิตอลที่เกิด Digital Disruption และเกิด Organization Transformation มากมายนี้ ต่างก็มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมายเช่นกัน รวมไปถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกตลอดจนเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นได้ด้วย ในแวดวงบริหารงานบุคคลก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายเช่นกัน ในสิ่งที่กำลังเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งก็คือเรื่องของ HR Tech ที่จะเข้ามาช่วยเหลือตลอดจนแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับองค์กรมากมาย ซึ่งฝ่ายบุคคลตลอดจนองค์กรนั้นควรเรียนรู้ที่จะนำเอาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจและการบริหารองค์กรให้มากที่สุด เพื่อก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลงในยุคนี้ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

สุดท้ายนี้ HR Note ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในกิจกรรมแรกของเราอย่าง Next HR Tech ในครั้งนี้ และขอบคุณผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของอีเวนท์ (เรียงลำดับจากภาพ / จากซ้ายไปขวา) โดยเริ่มตั้งแต่ คุณ Tareef Jafferi / CEO : Happily.ai, คุณโอ – จิณณฉัตร อริยสวโรจน์ / Sales Manager : Ultra Technology (Thailand) Co., Ltd. และ คุณปูน – นกรณ์ พฤกษ์พิพัฒน์เมธ / CEO และ Co-founder : Conicle Co, Ltd. ส่วนอีกท่านที่ขาดไม่ได้เลยก็คือหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของการจัดงานในครั้งนี้อย่างคุณ Kan Takagi ที่เป็น Media Director ของ HR Note ที่ดูแลเว็บไซต์แหล่งข้อมูลตลอดจนข่าวสารด้านแวดวง HR นี้นี่เอง เราหวังว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับทุกท่าน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะให้ความไว้วางใจและติดตามเรื่องราวดีๆ ตลอดจนกิจกรรมดีๆ ของเรานี้เรื่อยๆ ไป … ขอบคุณมากครับ

ผู้เขียน

HREX.asia

HREX.asia

Connect People to the Best HR Solution เพื่อสนับสนุนการเติบโตขององค์กรผ่านผู้คน

บทความที่เกี่ยวข้อง