HIGHLIGHT
|
ศาสตร์ ‘มูเตลู’ หรือการดูดวง เป็นเทรนด์ความเชื่อที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในขณะนี้ ไม่เว้นแม้แต่โลกการทำงาน ที่ HR หลายองค์กรเริ่มนำความเชื่อสายมูมาใช้ในการบริหารจัดการคน
ในวาระขึ้นปีใหม่ 2023 ที่ผ่านมา HREX.asia ได้คุยกับ แม่หมอพิมพ์ฟ้า หรือ พิชา กุลวราเอกดำรง แห่ง มูเตเวิร์ล (Mootae World) เจ้าแรกที่ปล่อยวอลเปเปอร์ให้คนทำงานสายมูใช้กัน เราชวนเธอคุยถึงเส้นทางอาชีพที่เปลี่ยนจากการทำงานในแวดวงเขียนบทภาพยนตร์ มาสู่การใช้งานอดิเรกอย่างการดูดวงให้กลายเป็นประจำ รวมถึงชวนทำนายทิศทางโลกการทำงานผ่านโหราศาสตร์ เพื่อให้ทุกคนเตรียมพร้อมกับความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้น
นี่ไม่ใช่บทสัมภาษณ์ที่ชวนให้ทุกคนงมงาย แต่อยากให้เปิดใจฟังชีวิตและความเชื่อของเธอในฐานะหมอดู นักดูดวง พร้อมแจกลายแทงเทพเจ้าที่ HR สายมูควรไปสักการะสักครั้งหนึ่งของชีวิต
ทราบมาว่าก่อนหน้านี้พิมพ์ฟ้าดูดวงเป็นงานอดิเรก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นธุรกิจจริงจัง เล่าถึงการเปลี่ยนผ่านอาชีพมาเป็นหมอดูของตัวเองให้ฟังหน่อย ?
พิมพ์ฟ้า: จริง ๆ เริ่มจากการดูดวงให้ตัวเองก่อน ย้อนกลับไปสมัย ม.ต้น เราชอบอ่านหนังสือไพ่ยิบซีทั้ง ๆ ที่ผิดกฎโรงเรียน ส่วนสมัยมหาวิทยาลัยเรามีเพื่อนคนหนึ่งที่ดูดวงแม่นมาก บอกว่าเราจะอกหักบ่อย แล้วก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ (หัวเราะ) เราก็เลยซื้อไพ่มาเรียนเองก่อน แล้วก็เรียนกับเพื่อนสนิทจนเขาไม่รับสายเราแล้ว เพราะรำคาญที่เราโทรหาบ่อย ๆ สุดท้ายก็เลยลงเรียนเอง ทำให้รู้ว่าหนังสือภาษาไทยแปลคนละแบบกับภาษาอังกฤษ มันเลยต้องใช้ประสบการณ์ในการหมอดูเป็นนิดนึง
ตอนแรกเราไปเรียนดูดวงเพื่อดูดวงให้ตัวเอง ไม่ได้ตั้งใจประกอบอาชีพ แต่ตอนที่เทิร์นมาเป็นหมอดูเต็มตัวก็ยากเหมือนกันนะ ย้อนกลับไป 10 ปีก่อน ทัศนคติต่อหมอดูยังไม่ดีเท่าตอนนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่าหมอดูสามารถทำรายได้พอเลี้ยงดูตัวเองได้ ตอนนั้นจึงเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก
ช่วงนั้นเราหารายได้จากการเขียนบทซีรี่ส์ แต่งานเขียนบทใช้เวลานานกว่าจะได้เงิน กระบวนการเบิกงานยาวนานมาก แล้วที่บ้านเรามีปัญหาเรื่องการเงินอยู่ แฟนเราตอนนั้นสังเกตว่าเรามีความสุขกับการดูดวงมากกว่าการเขียนบทอีก ถามว่าเราเคยคิดไหม 10 ปีข้างหน้าถ้ายังเขียนบทอยู่ ภาพรวมชีวิตจะเป็นยังไง เพราะในวงการภาพยนตร์ คนที่ทำงานเบื้องหลังได้เงินเดือนน้อยมาก ต่อให้ไปไกล มีเงินเดือนสูงก็ยังน้อยกว่ามาตรฐานอยู่ดี เราเลยตัดสินใจว่าจะไม่เขียนบทแล้ว แม้ว่าการบอกคนอื่น ๆ ว่าเป็นนักเขียนบทจะดูเท่กว่าเป็นหมอดูก็ตาม
ที่บอกว่าสมัยก่อนทัศนคติของผู้คนต่อหมอดูและการดูดวงไม่ดีเท่าไหร่ ช่วงแรกที่เปลี่ยนอาชีพมาเป็นหมอดูจริงจัง ต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง ?
พิมพ์ฟ้า: แค่ต่อสู่กับตัวเองก็หนักแล้วค่ะ (หัวเราะ) เพราะไม่ได้เขียนบทแล้ว มันไม่เท่เหมือนเดิม จริง ๆ ตอนนั้นเรารู้นะว่าทำงานดูดวงได้ดีกว่า รายได้ดีกว่า สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ แถมเป็นสิ่งที่เราชอบ ก็เลยต้องต่อสู้กับอีโก้ตัวเองว่ามันไม่เท่แล้ว
พิมพ์มีความฝันตั้งแต่เป็นเด็กประถมเลยว่าอยากเป็นนักเขียน เราเลือกเส้นทางนี้มาตลอด อาของเราก็เป็นนักเขียน แต่งกลอน ที่บ้านก็เป็นครูภาษาไทย มันเลยเสียความมั่นใจนิดหน่อยตอนพลิกมาเป็นหมอดู แต่เมื่อมาถึงวันนี้แล้ว เส้นทางการเป็นหมอดูของเราไม่ได้ประกอบจากการดูดวงอย่างเดียว มันมีการทำคอนเทนต์ เราใช้วิธีคิดแบบการเขียนบท มีวิธีคิดแบบนิเทศน์ มีวิธีคิดการตลาด 4P วิชาต่าง ๆ ที่เรียนมาเราใช้กับอาชีพหมอดูได้หมดเลย
มันไม่ใช่การต่อสู้ภายนอกเลยอะ เป็นการต่อสู้ภายใน หลายคนเวลาเริ่มทำอะไรที่ไม่ได้เป็นไปตามบรรทัดฐานสังคม เขาจะไม่ค่อยกล้าเริ่มทำเพราะปัจจัยภายใน ฉะนั้นปัจจัยภายในจึงสำคัญมาก ใจมันต้องได้
การดูดวงไพ่ยิปซีเป็นศาสตร์ที่มีมานานแล้ว แต่ยุคสมัยคนเราเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะปัจจุบันที่มีอาชีพใหม่ ๆ ขึ้นมาเสมอ คุณมีเทคนิคอะไรในการดูดวง และการตีความไพ่ให้สอดคล้องกับยุคสมัยบ้าง ?
พิมพ์ฟ้า: ยากมาก พูดเลยว่าสมัยนี้ยาก เพราะว่าแต่ก่อนมันมีอาชีพไม่เยอะ เช่น ไพ่ขึ้น Emperor ดูรู้ว่าเป็นราชการแน่นอน แต่สมัยนี้อาชีพอะไรก็เป็น Emperor ได้หมดเลย ทำงานบริหารก็ได้ ทำงานเกี่ยวกับหินก็ได้ หรือกระทั่งอย่างไพ่ The Fool มันไม่ใช่แค่คนตกงาน แต่ตีความว่าเป็นนักแสดงได้เช่นกัน
ปัจจุบันมีอาชีพเยอะมาก มีฟรีแลนซ์ มีบล็อกเกอร์ด้านเสื้อผ้าหรือท่องเที่ยวเยอะแยะไปหมด แต่พิมพ์ใช้วิธีการเห็นไพ่เยอะ ๆ เพราะเราจะพกไพ่ตลอดเวลา เวลาเจอคนทำอาชีพแปลก ๆ ก็จะให้ช่วยจับไพ่หน่อย ยกตัวอย่าง เรามีเพื่อนกลุ่มนักดำน้ำ เราดูดวงให้เขาทั้งกลุ่มเลย แล้วทุกคนขึ้นไพ่ The Hanged Man หมดเลย เราก็เลยพอรู้ว่ามันแปลแบบนี้ได้เหมือนกัน
สำรับไพ่ปัจจุบันที่นิยมใช้ในไทยทำขึ้นในปี 1909 ซึ่งปีนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ยังไม่มีโซเชียลมีเดียแน่นอน ทำให้การตีความยากมาก แต่สิ่งที่เขาวาดในไพ่ตั้งแต่ปี 1909 สามารถตีความเชิงคอนเซปต์เพื่อแมตช์กับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2023 ได้ค่ะ
การตีความการดูดวงต้องอาศัยอะไรเป็นองค์ประกอบบ้าง ?
พิมพ์ฟ้า: พื้นฐานของการดูดวงที่ดีคือต้องดูดวงให้ตัวเอง แต่เมืองไทยจะมีคนพูดว่า ดูดวงให้ตัวเองไม่ได้นะ เพราะดูดวงให้ตัวเองแล้วจะไม่แม่นเอยหรือมีปัญหาเอย แต่พิมพ์ไม่เคยเชื่อเลย พิมพ์เชื่อว่าถ้าเราไม่ดูตัวเอง เราจะไม่มีประสบการณ์ เพราะถ้าเช็คกับเพื่อน เพื่อนอาจจะโกหกกับเราก็ได้ มันเป็นประสบการณ์ที่ต้องดูเอง เจอเอง
ทุกวันนี้ยังดูดวงให้ตัวเองอยู่ไหม ?
พิมพ์ฟ้า: ดูเรื่อย ๆ ค่ะ ปลายปีที่แล้วเราก็เช็ค แต่ไม่ได้ดูบ่อยเหมือนแต่ก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้เราดูทุกวันเลยนะ เพราะช่วงแรก ๆ ไม่มั่นใจ แต่ปัจจุบันเราดูทีเดียวต้นปี จับไปเลย 12 เดือน แล้วก็ลองจับไพ่กับแอปพลิเคชั่นด้วยเพื่อดูว่าแม่นหรือไม่ ซึ่งแม่นมาก บ้าไปแล้ว (หัวเราะ)
ปัจจุบันเราเห็นองค์กรเชื่อเรื่องศาสตร์มูเตลู เรื่องการดูดวงมากขึ้น มีหลายบริษัทใช้ในการรับสมัครพนักงานใหม่ ดูเรื่องการใช้สี แม้กระทั่งใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ยจัดระเบียบออฟฟิศ ฯลฯ บริษัทของคุณอย่าง มูเตเวิร์ล (Mootae World) เอง ใช้ศาสตร์เหล่านี้ด้วยไหม?
พิมพ์ฟ้า: ใช่ค่ะ มูเตเวิร์ลก็ใช้ระบบนี้ เราคัดกรองมาระดับหนึ่งแล้วส่งให้เราดูว่าผู้สมัครคนนี้จะดูนานไหม ดวงเขาเป็นอย่างไร ที่น่าแปลกใจคือออฟฟิศเรามีคนราศีพิจิกเยอะมาก เวลาซวยอะไรก็จะซวยพร้อมกันหมด (หัวเราะ)
คือถ้าเราเชื่อมันจะช่วยให้เราวางแผนได้ง่าย ไม่ได้หมายความว่าคุณมีความสามารถจะเข้ามาทำงานไม่ได้นะ แต่เราจะกรองความสามารถก่อน แล้วดูความเป็นไปได้หนึ่ง สอง สาม สี่ จากดวงผู้สมัครคนนั้น เพื่อเอามาวางแผนต่อ
จริง ๆ ไม่ต่างอะไรกับบริษัทใหญ่ ๆ ที่เขาก็เลือกพนักงานโดยเฉพาะระดับสูงให้ดวงแมตช์กัน ไม่ให้ชงกัน เพราะถ้าดวงชงกันเขาอาจเกลียดขี้หน้ากันตั้งแต่เดือนแรกก็ได้ เหมือนวง Spice Girls ตอนอยู่ด้วยกันดังมาก แต่พอแยกวงแล้วดับเลย มันก็มีเรื่องศักยภาพทางดวงมาเกี่ยวข้อง
หรือเรื่องโหงวเฮ้งก็มีการเลือกให้เหมาะสมกับอาชีพ เช่น คนหน้าผากแคบทำงานฟรีแลนซ์ดี ทำงานประจำไม่ค่อยรุ่ง ขณะที่ผู้หญิงหน้าผากกว้างเกินไป ผู้ชายจะไม่ชอบเพราะว่าฉลาดไป ตำราเขียนไว้แบบนี้ ไม่รู้ว่าสมัยนี้ผู้ชายจะยังชอบผู้หญิงฉลาดหรือไม่ เพราะว่าเทรนด์มันเปลี่ยนได้
ในฐานะหมอดู คิดว่าเราควรใช้ศาสตร์ความเชื่อเรื่องการดูดวงเหล่านี้ มาใช้ตัดสินใจในการทำงานประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ ?
พิมพ์ฟ้า: มองด้วยหัวโขนคนธรรมดาอาจฟังดูงมงาย แต่มองด้วยหัวโขนหมอดูเหมือนเราทำนายแล้วมันเกิดขึ้นจริง เช่น ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบอย่างโควิด-19 การทำนายทำให้เรามีแผน 2 แผน 3
จริง ๆ แล้วบริษัทของเราน่าจะใช้ 30 – 50% เลย เหมือนทำนายแล้วอิ๊บไว้ในใจ เป็นโน้ตเล็ก ๆ ไว้ในใจ ซึ่งถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง เราก็จะมีแผนสำรองไว้ก่อนแล้ว สบายใจกว่า เช่น เรารู้ว่าคนราศีธนูดวงปี 2566 จะเป็นอย่างไร ตอนนี้เราดูไปถึงปี 2569 แล้วอะ
ศาสตร์มูเตลู การดูดวงเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยในการทำงานจริง หรือเป็นเพียงแค่ฟังก์ชั่นทางใจ ?
พิมพ์ฟ้า: ในฐานะหมอดูเชื่อว่าจริง เพราะเราเชื่อว่าดวงมันจริง
แต่เวลาเราดูดวง อย่าลืมว่าเราได้คำทำนายมาเป็น Possibility ทุกโหราศาสตร์จะได้เป็นคีย์เวิร์ดเอามาปะติดปะต่อกัน แล้วเราจะเกลาให้มันเป็นแบบไหน เราสามารถมีรูปประโยคเป็นตัวเลือก A B C อยู่ที่เราจะถ่ายทอดอะไรออกไป หมอดูที่เก่งหน่อยอาจจะตัดเหลือข้อเดียว ฟันธงไปเลยก็มี
เพราะฉะนั้นสำหรับเราคิดว่ามีผลจริง ใช้งานได้จริง วางแผนล่วงหน้าได้จริง
เข้าสู่ปี 2023 แล้ว ดูดวงของโลกการทำงานปีนี้จะเป็นอย่างไร ?
พิมพ์ฟ้า: ปกติแล้วดาวประจำปีจะย้ายทุกปี ดวงมันเปลี่ยนทุกปีแหละ เรื่องใหญ่ ๆ จะเปลี่ยน แต่ปีนี้พิเศษตรงที่ดาวหลายระดับย้าย ระดับ 1 ปีย้าย ระดับ 2 ปีครึ่งย้าย ระดับ 7 ปีก็ย้าย คือดาวใหญ่ ๆ ย้ายหมดเลย อะไรที่เรามองว่ามันเวิร์คในปัจจุบัน ปีนี้ปีหน้าอาจไม่เวิร์คแล้วนะ
ที่น่าสนใจที่สุดคือวงการเกี่ยวกับการเงิน มันตรงกับช่วงดาวมฤตยูย้ายเข้าช่องการเงินของโลกและประเทศเรา พิมพ์คิดว่าการเงินจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง มันกำลังจะสู้แบบดิจิทัล แบบเป็น transformation สู่ยุคดิจิทัล แล้วเราก็เห็นการล้มของกระดานเทรด ที่ผ่านมาแค่ล็อตแรกนะ เดี๋ยวช่วงพฤษภาคมปีนี้อาจมีอีกล็อตหนึ่ง
เราไม่รู้ว่าอะไรไว้ใจได้บ้าง อะไรที่มีความมั่นคงมาก มันไม่มีความมั่นคงแล้ว ปีนี้จะมีการเปลี่ยนไป ของเก่าไปของใหม่มา เราพอรู้ว่าจะมีการเลือกตั้ง ไม่ได้มีอะไรเซอร์ไพรส์ แต่ในทางดวงดาวช่วงกันยายน – ธันวาคม จะมีดาว 2 ดวงประจำปีและไม่ประจำปีมาเจอกัน เป็นดาวอุบัติเหตุ จะต้องมีเหตุการณ์อะไรที่ส่งผลกระทบรุนแรง อาจมีความขัดแย้งเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนถึงธันวาคมเลย
แล้วสำหรับพนักงานหรือคนทำงานทั่วไป เมื่อดูดวงแล้วเจอแบบนี้ คิดว่าควรเตรียมตัวอะไรบ้างในปีนี้ ?
พิมพ์ฟ้า: สำหรับพนักงาน เราคิดว่าทุกคนจะคิดว่าปีใหม่คือการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่นะ การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมกับเมษายน ถ้าจะมีการ Layoff ครั้งใหญ่ เราคิดว่าจะมาแน่ในช่วงนั้น แต่การ Layoff ที่ดีนะเพราะอาจได้เงินชดเชย มีหลายราศีที่มีเกณฑ์จะได้เงิน
ส่วนใครที่ชอบลงทุนก็อย่าลืม Hardware Wallet ไว้ด้วย การล้มรอบแรกผ่านไปแล้ว แต่มันยังไม่หมด อาจจะมีรอบสองในช่วงพฤษภาคม น่ากลัวอยู่เหมือนกัน
เหมือนที่เคยมีคนทำนายดวงโลกว่าจะมีสงคราม ใคร ๆ ก็คิดว่ายุคสมัยนี้แล้วจะมีได้ไง สรุปก็มี
หน้าที่ HR คือการบริหารจัดการคน สำหรับ HR ที่เชื่อในศาสตร์มูเตลู การดูดวง วานแจกลายทางหน่อยว่า HR ควรมูเทพเจ้าองค์ไหนดี ?
พิมพ์ฟ้า: พิกัดยอดนิยมในไทยคงหนีไม่พ้นพระพิฆเนศ มูเรื่องเกี่ยวกับความสำเร็จ สำหรับผู้บริหารพิมพ์แนะนำให้มูเทพเจ้ากวนอู เพื่อบริหารจัดการคนได้ ให้งานราบรื่น แต่ถ้าเป็นคนทำงานที่ต้อง One Man Show ส่วนตัวแนะนำให้ไปมูเทพเจ้าเห้งเจีย เราจะเป็นฟรีแลนซ์ที่เก่ง เป็นจอมยุทธ แต่ไม่เหมาะกับการทำงานร่วมกับคนอื่น หรือการมูเจ้าแม่กวนอิมก็จะได้เรื่องบริวาร เป็นต้น ฉะนั้นเวลาไปมูสิ่งใดก็ควรศึกษาคาแรคเตอร์ของสิ่งนั้นด้วย
ในประเทศไทยเรามีความเชื่อผสมผสาน แต่จริง ๆ พิมพ์บอกเลยว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าทุกองค์ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันหมด ขอได้ทุกเรื่อง รวมถึงเราต้องมีดวงเรื่องนั้น ๆ ด้วยนะ ก็จะเป็นสะพานเชื่อมไปถึงเรื่องนั้นด้วยค่ะ