ในโลกธุรกิจ HR เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรมาโดยตลอด มีหลายคนก้าวขึ้นเป็นผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ขณะเดียวกัน ก็ยังมี HR รุ่นใหม่ ๆ ที่กำลังพัฒนานวัตกรรมและแนวคิดการบริหารคนที่แตกต่าง ซึ่งถึงแม้พวกเขาอาจยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ผลงานกลับส่งผลกระทบมหาศาลต่อองค์กร
HR Rising Stars จึงเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์บทความที่จะพาทุกท่านไปพบกับ 9 HR รุ่นใหม่จาก 9 องค์กรชั้นนำ ที่กำลังเปลี่ยนโฉมวงการ HR ไทย ด้วยจุดร่วมเดียวกันนั่นคือ “ความมุ่งมั่นในการสร้างการเปลี่ยนแปลง”
บางคนใช้เทคโนโลยีปฏิวัติงาน HR
บางคนสร้าง Employee Experience ที่ไม่เหมือนใคร
บางคนผลักดัน DEI เพื่อยกระดับองค์กร
บางคนนำ Data Analytics ปรับกลยุทธ์ HR
และบางคนพัฒนาภาวะผู้นำแบบใหม่
HREX ได้สัมภาษณ์และเจาะลึกแนวคิดของพวกเขา เพื่อเผยให้เห็นมุมมองที่สดใหม่และทรงพลัง เพราะพวกเขาคือดาวดวงใหม่ที่จะนำพาอนาคตอันสดใสมาสู่วงการ HR ไทย
Contents
1. อัตถวิชญ์ ประสพ l Head of B.Grimm People Excellence Center l B.Grimm Power Public Company Limited
HR ต้องเปลี่ยนอะไร ผมว่าแทบจะไม่มี เพียงแต่เราจะต้องเสริม HR เราให้ทันสมัยขึ้น เท่าทันลูกค้าของเราและธุรกิจ ต้องปรับตัวเองให้ทันความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องมีเครื่องมือใหม่ ๆ มาช่วยบริหารคน การพัฒนาคน ทันต่อโลกยุคใหม่ยิ่งขึ้น เพราะในโลกธุรกิจในปัจจุบันมีความท้าทายและไม่หยุดนิ่งทั้งในแง่บริหารธุรกิจและบริหารองค์กร ฉะนั้น HR ต้องอยู่ในสมการอย่างแน่นอน
ผมมองว่าแวดวง HR ของไทยเราเทียบชั้นสากลได้เลย จากการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาระดับโลก พวกเขาชื่นชมและยกย่องที่พวกเราดูแลพนักงานได้ดี หรือแม้กระทั่ง Line Manager ส่วนใหญ่ที่เราสนับสนุน เขาก็ยอมรับในศักยภาพพวกเรา จนเขาไม่ต้องพะวงเรื่องของการบริหารคน
ภาพอนาคตในแวดวง HR ที่ธุรกิจอยากเห็น คือ HR ที่รู้ทันธุรกิจ และ HR ที่เอา AI กับเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยทำงานประจำวันของเราให้มีประสิทธิภาพ เพื่อที่เราจะได้จัดสรรเวลาใหม่ ไปเพิ่มศักยภาพและสนับสนุนมุมธุรกิจมากยิ่งขึ้น
ถ้าอยากประสบความสำเร็จในงาน HR ต้องมีทักษะอะไรบ้าง แน่นอนว่า HR ทุกคนต้องเก่งด้าน HR Process Excellence ในการดูแลพนักงานทั้ง Journey อยู่แล้ว สิ่งที่ต้องเพิ่มมี 3 เรื่องหลัก ๆ คือ
- Sense of Business หรือกึ๋นทางธุรกิจ HR ต้องเข้าใจธุรกิจให้ลึกซึ้ง เช่น เมื่อเราเข้าไปนั่งในห้องประชุม เราจะเข้าใจสิ่งที่เขาคุยกัน และเราจะสามารถช่วยผู้บริหารถอดรหัสได้ว่า เราจะช่วยเขาได้ตรงไหน เพื่อให้ผู้บริหารเห็นคุณค่าของวิชาชีพ HR อย่างแท้จริง
- HR as Marketing งาน HR ไม่ต่างกับงานการตลาด HR ต้องทำให้พนักงานอยากเข้าหา ไม่ใช่กลัวเรา ดังนั้นการมีเครื่องมือและกลยุทธ์ที่ดึงดูดให้พนักงานเข้ามาปรึกษา จะช่วยให้ HR ได้ข้อมูลเชิงลึก เพื่อนำไปออกแบบงานและกิจกรรมที่ตอบโจทย์และถูกใจพนักงานมากขึ้น
- Organization Development (OD) ปัจจุบันองค์กรให้ความสำคัญกับ Healthy Organization มากขึ้น HR ต้องมีทักษะวิเคราะห์ ถอดรหัส และออกแบบแนวทางพัฒนาองค์กร หาก HR เข้าใจจุดที่ต้องปรับปรุง ก็สามารถเสนอแนวทางเพื่อพาองค์กรสู่ความสำเร็จได้อย่างเป็นระบบครับ
2. ปณิตา กุสละพัชรินทร์ l Supervisor – Organization Development l BANPU PUBLIC COMPANY LIMITED
จากที่คุยกับ HR รุ่นเดียวกัน ส่วนใหญ่พวกเขาจะมองว่า งาน HR ไม่ค่อยมีคุณค่า (Value) ค่อนข้างเน้นงานรูทีนจนมีคำพูดว่างาน HR ก็เป็นเพียงแค่งาน “รับคนเข้า เอาคนออก ออกใบเตือน” ตามลูปแบบนี้
แต่จริง ๆ แล้วงาน HR มีอะไรที่มากกว่านั้น เพราะทุกบริษัทล้วนขับเคลื่อนด้วยคน ตั้งแต่เจ้าของจนถึงพนักงาน HR มีหน้าที่สนับสนุนการเติบโตของคน ตั้งแต่วันที่เขาออนบอร์ดเข้ามาเริ่มงานด้วย จนกระทั่งเกษียณออกไป เพื่อให้เขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสุข และตอบโจทย์ทางธุรกิจ
HR มีบทบาทสำคัญมากที่จะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้ตรงกับสิ่งที่องค์กรต้องการ และต้องทำให้พนักงานก็ต้องมีความสุขด้วย ดังนั้นหากมีสิ่งใดที่อยากเปลี่ยน ก็คือการเพิ่มคุณค่าของ HR ให้กับองค์กรเพิ่มขึ้นค่ะ
จริง ๆ แล้วทุกคนเป็น HR ได้นะ HR อาจมีหน้าที่ดูแลภาพรวม ดูกระบวนการ วางนโยบายบริหารคน แต่ทุกคนแม้แต่ Line Manager ก็ต้องสวมบทบาท HR เพื่อบริหารคนได้ Line Manager สามารถสรรหาพนักงานจนเจอคนที่ตรงใจ สัมภาษณ์ รับเข้าทำงาน และดูแลพนักงานได้เองจนจบทุกกระบวนการได้ โดยมีเรา HR คอยสนับสนุนอีกที
การ Empower คนยังสำคัญเสมอ เราอยากให้ Line Manager เป็นคนที่มีส่วนรับผิดชอบในการสร้างทีมเสมอ เพราะเขาคือคนที่ต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมที่สุด ยิ่งกว่า HR ด้วย
หากต้องการประสบความสำเร็จในสายงาน HR ต้องมีทักษะในการปรับตัว (Adaptability) และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เพราะองค์กรในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การให้พนักงานปรับตัวเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่หาก HR ไม่เริ่มต้นก่อน พนักงานก็จะไม่เปลี่ยนแปลงตาม HR จึงต้องเป็น Role Model ที่ดีในการนำการเปลี่ยนแปลง
อีกทักษะสำคัญคือความเข้าใจในธุรกิจ (Business Acumen) ปัจจุบันมี HR จำนวนมากที่ก้าวสู่บทบาท HR Business Partner ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ แต่ไม่ว่าอยู่ตำแหน่งใด HR ควรสามารถเชื่อมโยงงานบริหารคนเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจได้
อย่างไรก็ตาม HR ต้องตระหนักว่าไม่มีเครื่องมือใดที่ใช้ได้ตลอดไป HR ต้องพร้อมปรับเปลี่ยนแนวทางให้เหมาะสมกับบริบทและสถานการณ์ เมื่อเข้าใจทั้งธุรกิจและพนักงาน เราจะสามารถขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายในอนาคตค่ะ
3. ณัฐฏ์ยา ปริวัติธรรม l Head of Talent & Learning for Danone Southeast Asia l DANONE (THAILAND)
สิ่งที่อยากเปลี่ยนในนวงการ HR ไทย คือการร่วมสร้างพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ “คน” ได้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพ โดยให้ความสำคัญกับ “บุคคล” มากกว่ากระบวนการ รวมถึงการร่วมพัฒนาหรือใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานทุกด้านของงาน HR เพื่อช่วยให้หัวหน้างานในองค์กรบริหารจัดการทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพด้านสรรหาบุคลากรผ่านการนำเทคโนโลยี เช่น AI หรือระบบ Data-Driven Recruitment
การใช้ AI มาช่วยประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลจะนำมาซึ่งนวัตกรรม (Innovation) มากมายในการสร้างความสัมพันธ์อันดี (Engagement) ขององค์กร โดยเป็นการผสมผสานเทคโนโลยี (Technology) และความเป็นมิตร (Human Touch) ในการบริหารจัดการคนได้อย่างกลมกลืนและมีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้จะยกระดับการพัฒนาบุคลากรให้เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในยุคนี้ และสามารถตอบสนองตลาดแรงงานได้
ส่วนภาพอนาคตที่อยากเห็นในวงการ HR คือวงการที่ร่วมมือกันส่งเสริมความเท่าเทียมและความหลากหลายในที่ทำงาน (Diversity, Equity & Inclusion) อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสำคัญและการยอมรับในสังคมไทยอย่างยั่งยืน รวมถึงการร่วมเป็นพันธมิตรที่พร้อมในการแบ่งปัน แลกเปลี่ยนมุมมอง ความรู้ และประสบการณ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลต่อกัน โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ การผลักดันให้คนไทยมีศักยภาพที่ตอบโจทย์อนาคตในการนำพาประเทศสู่การพัฒนาอย่างแท้จริง
ถ้าอยากประสบความสำเร็จในสายงาน HR ต้องเริ่มต้นจากการสร้าง Mindset ในการหมั่นพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวด้วยการเพิ่มพูน เปลี่ยนแปลงความรู้และยกระดับทักษะ (Reskill & Upskill) รวมถึงการสร้างเครือข่าย (Networking) และพันธมิตรกับบุคลากรในวงการต่าง ๆ ในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ซึ่งจะทำให้เรามีมุมมองที่กว้างมากขึ้น ด้วยการติดตามเทรนด์ต่าง ๆ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันและอนาคตได้
HR ต้องสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งให้กับตนเองและองค์กร ให้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานและมี Employer Value Proposition (EVP) ที่แข็งแกร่ง เพื่อดึงดูดบุคลากรที่ตรงตามกลุ่มเป้าหมายเข้ามาในองค์กร
ที่สำคัญ HR ควรมีความรู้ความสามารถและความหลงใหลด้านเทคโนโลยี (Technology Savy) สามารถวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น ซอฟต์แวร์บริหารงานบุคคล (HRIS) หรือการใช้ AI ในการคัดเลือกพนักงานและเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของตนเอง โดยนำข้อมูลมาใช้ตัดสินใจเพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ HR ที่เปรียบเสมือนเป็นมือขวาของผู้บริหารที่มีส่วนในการตัดสินใจเพื่อยกระดับองค์กรค่ะ
4. ธีรโชติ เงินประเสริฐศิริ l People Analyst l IMPACT Exhibition Management
ผมอยากเห็น HR ทำงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น การมีความรู้เชิงกลยุทธ์จะทำให้เราวิเคราะห์ข้อมูลและแก้ปัญหาได้ตรงจุดครับ
HR ที่เก่งจะทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับทุกคน รวมถึงกับ CEO เพราะ HR เปรียบเสมือนตัวแทนขององค์กรที่ช่วยยกระดับองค์กรได้ ธุรกิจยังใช้คนในการขับเคลื่อนธุรกิจเสมอ ดังนั้น HR ที่เชี่ยวชาญธุรกิจจะสำคัญต่อองค์กรมากครับ
เราต้องเปลี่ยนจากการเก็บข้อมูลแบบเดิม ๆ มาเก็บ Digital Data ที่สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้จริงในหลายมุม เพื่อหา Insight มาใช้แก้จุดอ่อน เพื่อพัฒนาองค์กรต่อไป ก่อนที่สุดท้ายจะทำ Data Visualization เพื่อชวนคนในองค์กรให้ทำงานในทิศทางเดียวกันมากขึ้น หากอิงกับงาน People Analytics ที่ผมทำอยู่ เราจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในหลายแง่มุม เช่น Skills Gap Analysis เราสามารถใช้ KPIs ของแต่ละทีมที่ทำโปรเจกต์ วิเคราะห์หาความต้องการขององค์กร เพื่อวางแผนว่า HR เราจะพัฒนาทักษะด้านใดของพนักงานในปีต่อ ๆ ไป
นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดกับการแนะนำแนวทางการทำ Employer Branding ให้สอดคล้องกับข้อมูลความต้องการด้านกำลังคน เพื่อดึงดูดผู้ที่สนใจและติดตามสื่อของ IMPACT ให้มีฐานผู้ติดตามตรงกับความต้องการขององค์กร และลดระยะเวลาในการสรรหาทรัพยากรบุคคล การมีข้อมูลทำให้เรารู้เรื่องกำลังคน รู้ว่าองค์กรกำลังต้องการอะไร ต้องการคนกลุ่มไหนมาช่วยยกระดับองค์กรได้ในอนาคต
อีกงาน HR ที่สำคัญคือ Skills Gap Analysis เราจะวิเคราะห์ว่าแต่ละทีมทำโปรเจกต์อะไร ขาดเหลือทักษะอะไร แล้วองค์กรต้องการเติมคนที่มีทักษะแบบไหนเข้ามาเพิ่ม รวมถึงเราจะสร้างคนในองค์กรให้มีทักษะนั้น ๆ ในปีต่อ ๆ ไปอย่างไร เราดูจาก KPI โดยรวมขององค์กร และ KPI ส่วนตัวของพนักงานว่าเขายังขาดเรื่องอะไร ถ้าเราสร้างเองไม่ได้ก็จะมองหาคนที่มีทักษะนั้น ๆ เข้ามา ต่อยอดเพิ่มครับ
ถ้าอยากประสบความสำเร็จในสายงาน HR จะต้องมี Business Knowledge หรือความรู้ความเข้าใจธุรกิจขององค์กรที่เราทำงาน นอกจากนั้น HR ควรเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับคน การสร้างวัฒนธรรมองค์กร ฯลฯ ถ้าเราเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เราจะนำไปวิเคราะห์เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ และนำพาองค์กรและตัวเราไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้นครับ
5. กวิน กาศเจริญ l Chief Operating Officer l JUST Loan & JUST Car (JUST Group)
HR ไทยต้องก้าวข้ามจาก ‘ฝ่ายสนับสนุน’ ไปสู่ ‘ผู้กำหนดกลยุทธ์องค์กร’ อย่างแท้จริง เพราะในยุคที่ AI และเทคโนโลยีกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว HR ไทยไม่ควรหยุดอยู่ที่การจัดการงานเอกสารหรือกระบวนการเดิม ๆ อีกต่อไป แต่ต้องใช้ศักยภาพในการออกแบบ กลยุทธ์ที่เชื่อมโยงเป้าหมายธุรกิจเข้ากับศักยภาพของพนักงาน เพราะ HR ไม่ใช่แค่ผู้จัดการฝ่ายบุคคล แต่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางที่ชัดเจนขององค์กร
การยกระดับ HR ให้มีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้น จำเป็นต้องอาศัยหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตั้งแต่การจ้างงานที่โปร่งใส การส่งเสริมความหลากหลายทั้งเพศ วัฒนธรรม และความยุติธรรม ไปจนถึงการสร้างองค์กรที่น่าเชื่อถือและยั่งยืน
อนาคตของ HR ควรเป็นระบบที่ผสมผสาน AI อัจฉริยะที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ควบคู่กับความสามารถของมนุษย์ในการสร้างแรงบันดาลใจและความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งภายในองค์กร HR ในยุคใหม่นี้ต้องทำหน้าที่เป็น Strategic Partner ที่ขับเคลื่อนเป้าหมายระยะยาว เช่น การพัฒนาศักยภาพพนักงานให้สอดรับกับทิศทางของตลาด การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่น พร้อมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการจัดการความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้องค์กรสามารถปรับตัวทันกับโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
AI จะไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่จะกลายเป็นพันธมิตรรายสำคัญ ในการทำนายแนวโน้ม วิเคราะห์ข้อมูล และแก้ไขปัญหาอย่างแม่นยำ เช่น การลดอัตราการลาออก ค้นหาบุคลากรที่เหมาะสมอย่างมีประสิทธิภาพ หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
การผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี จะเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับมาตรฐาน HR ไทยสู่ระดับสากล นี่คือก้าวสำคัญที่ทุกคนในวงการ HR ต้องร่วมกันสร้างอนาคตที่เติบโตและยั่งยืนครับ
6. แคทรียา ฐิติวงศ์เศวต l Asia Regional Diversity, Equity, and Inclusion Leader l Seagate Technology
เราอยากให้ HR ไทยเพิ่มการขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กรผ่านมุมมอง DEI มากขึ้น เพราะแวดวง HR ไทยยังมีคนทำงานด้านนี้น้อย หากไม่ใช่ในบริษัทข้ามชาติ ตำแหน่งนี้จะถูกละเลย จึงอยากใช้โอกาสนี้เป็นกระบอกเสียงขับเคลื่อน และเปลี่ยนให้ HR ขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กรโดยสอดแทรกเรื่องความหลากหลาย ความเท่าเทียมกันยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการใช้ภาษา Inclusive Language เพื่อให้ทุกคนมีความตระหนักในการเลือกใช้คำที่ทำให้คนในวงสนทนานั้นได้รับการยอมรับ และเกิดการเคารพในตัวเขาอย่างแท้จริง แทนที่จะใช้คำที่แบ่งแยกกัน เราควรใช้คำที่เฉพาะเจาะจงขึ้น เลิกการเหมาะรวมแบ่งแยก การทำงานด้าน DEI ทำให้เราต้องละเอียดมากขึ้น ต้องไตร่ตรองมากขึ้น และพอค่านิยมเปลี่ยนไป เราจะมีความ Sensitive ในการเลือกใช้ภาษาดีขึ้นจนเกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันค่ะ
HR ควรเป็น Role Model หรือเป็นต้นแบบก่อนใคร เราต้องตระหนักด้วยว่า เราใช้ภาษาที่เคารพในความแตกต่างของทุกคนแล้วหรือยัง
ส่วนภาพอนาคต Seagate ให้ความสำคัญกับเรื่อง AI มาก ๆ ในอีก 5-10 ปีเราอยากเห็น AI ทำอะไรเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและการทำงานได้มากขึ้น Seagate มีแพลตฟอร์มที่ติดตามวิถีการทำงานของพนักงานได้ ดูข้อมูลได้ว่าตั้งแต่ 8 โมงจนถึง 5 โมงเย็น เข้าประชุมไปแล้วกี่ชั่วโมง อ่านอีเมล มากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน แล้วทำ Weekly Insight ให้เห็นว่า เราใช้เวลาแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน ประชุมไหนด่วน ไม่มีการวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้ากี่เปอร์เซ็นต์
เราต้องเอาข้อมูลจากหลายแพลตฟอร์ม HR มาใช้ เพื่อติดตามวิถีชีวิตและวิถีการทำงานของพนักงานด้วย อัตราการเบิกค่าสุขภาพของพนักงานเป็นอย่างไร เวลาองค์กรจัดกิจกรรมโดยรวม มีคนเข้าร่วมเยอะแค่ไหน กิจกรรมไหนมีคนร่วมมากสุด ทุกอย่างมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่เราจะเอา AI มาช่วยวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้น และต้องสามารถให้คำแนะนำพนักงานเป็นรายบุคคลได้ คอยเตือนว่า เราประชุมนานแล้ว ยืดเหยียดบ้างดีไหม, จ่ายค่าดูแลสุขภาพเยอะแล้ว ลองเปลี่ยนมาทานอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้นไหม หากเน้นป้องกันมากกว่าการแก้ไขหลังเกิดปัญหาได้ จะช่วยเหลือพนักงานมากขึ้นค่ะ
ถ้าอยากสำเร็จในสายงาน HR ควรมีทักษะการฟัง สังคมไทยต้องการคนรับฟังผู้อื่นมาก ทุกคนล้วนมีความรู้สึก มีความแตกต่างหลากหลาย การฟังเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญของ HR โดยเฉพาะการฟังเสียงของพนักงาน เพื่อปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้น หรือเวลามีข้อขัดแย้ง ข้อร้องเรียน การฟังพนักงานจะช่วยให้บริหารจัดการปัญหานั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญเราควรฟังแบบไม่ตัดสิน ไม่วิจารณ์ เราอาจไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ถ้าฟังแล้วเราเริ่มตัดสิน แสดงว่าเราไม่ได้ฟังเขาเลย ในสายงาน HR แม้พนักงานจะเสียงเบาแค่ไหน ถ้าเราตั้งใจฟังจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และความสัมพันธ์ที่ดี รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรที่ดีสืบไปค่ะ
7. พงษ์สรร ตันจินดาประทีป l Assistant Vice President – HR Business Partner l SIAM PIWAT
ณ ปัจจุบัน สิ่งที่ผมอยากเปลี่ยนอะไรในวงการ HR ไทย มีดังต่อไปนี้
- Being More Strategic: HR ควรมีบทบาทในเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ซึ่งต้องเข้าใจธุรกิจของเราเองและความเป็นไปของตลาด พัฒนาทักษะที่จำเป็นในการก้าวสู่การเป็น Partner เช่น ทักษะการให้คำปรึกษา การคิดเชิงกลยุทธ์ การวิเคราะห์ข้อมูล การตั้งคำถามโดยการทำงานร่วมกับผู้บริหารระดับสูงในการกำหนดทิศทางขององค์กร ไม่ใช่เพียงแค่ดูแลกระบวนการภายในอย่างเดียว
- Being More Data-Driven: HR ควรขับเคลื่อนโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหลัก นำข้อมูลมาใช้ในการออกแบบการบริหารทรัพยากรบุคคลใหม่ ให้ตอบโจทย์กับกลยุทธ์ขององค์กรมากขึ้น
- Employee Experience: เปลี่ยนมุมมองจากการบริหารบุคคลเป็นการสร้างประสบการณ์พนักงาน (Employee Experience) แทนที่จะมองพนักงานเป็น “ทรัพยากร” ที่ต้องบริหารจัดการ ควรให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อม และวัฒนธรรมที่ช่วยให้พนักงานเติบโต มีความสุข และมีส่วนร่วมไปด้วยกัน
- Lifelong Learning: ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดเวลา ผลักดันการพัฒนาทักษะที่ทันสมัยให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดโปรแกรม Upskill/Reskill และสนับสนุนให้เรียนรู้อย่างยืดหยุ่น
ส่วนภาพอนาคตที่ผมอยากเห็นในวงการ HR มีดังต่อไปนี้
- HR Digital Transformation: การนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในระบบบริหารงานบุคคลภายในองค์กร ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเพื่อลดขั้นตอน ลดความผิดพลาด ประหยัดเวลา
- เป็นอัตโนมัติและทำงานได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงใช้ข้อมูลเชิงลึกในการวางแผนงานและประเมินพนักงาน
- People Analytics: การบริหารทรัพยากรบุคคลโดยใช้ข้อมูลมาประกอบการบริหารโดยอาจเป็นข้อมูลที่มีอยู่แล้ว หรือเก็บเพิ่มขึ้นใหม่ โดยเอาข้อมูลทั้งในแง่ที่เกี่ยวกับคน และธุรกิจมาใช้ในการออกแบบการบริหารทรัพยากรบุคคลใหม่ ให้ตอบโจทย์กับกลยุทธ์ขององค์กร ซึ่งอาศัยองค์ความรู้ทางธุรกิจ การบริหารจัดการคน และเทคโนโลยีในการจัดการข้อมูลผสมผสานเข้าด้วยกัน
- HR Sustainability: การบริหารทรัพยากรบุคคลที่ครอบคลุมทั้งกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจขององค์กร, วัฒนธรรมองค์กรที่ดี, การสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่พนักงานไปพร้อม ๆ กัน
สุดท้าย ผมเชื่อว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จในสายงาน HR 5 ทักษะที่เราขาดไม่ได้เลยประกอบด้วย
- Agile Mindset: การมีทัศนคติการทำงานที่เน้นความคล่องตัว มีความยืดหยุ่นสูง เพื่อให้เอื้อต่อการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูง พร้อมรับมือในทุกสถานการณ์ และนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย
- Business Acumen: มองเห็นภาพรวมธุรกิจ เพื่อกำหนดกลยุทธ์ HR ที่สามารถเชื่อมโยงการบริหารทรัพยากรบุคคลเข้ากับเป้าหมายขององค์กรได้
- Strategic Thinking: การคิดเชิงกลยุทธ์ มองภาพรวมขององค์กรในระยะยาว และวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ทั้งพนักงานและองค์กร
- Change Management: สามารถวางแผนและสนับสนุนองค์กรในช่วงของการเปลี่ยนแปลง เช่น การควบรวมกิจการ การปรับโครงสร้าง หรือการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร รวมถึงการวางแผน การวางระบบงาน การปรับเปลี่ยนโครงสร้างด้านต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทุกครั้งที่เปลี่ยนจะส่งผลกระทบต่อตัวพนักงานและองค์กรจึงหมายรวมถึงรวมการช่วยให้พนักงานปรับตัวและรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
- Human-Centric Mindset: มีความเข้าใจในคนและพนักงาน เพื่อเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนองค์กรครับ
8. ฏีร์ญาดา แท่นแก้ว l Senior Human Resources l SYNTEC Construction
สิ่งที่อยากเปลี่ยนในวงการ HR ไทยคือ HR ต้องเป็นผู้นำที่พาคนทั้งองค์กรขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงไปตามโลกปัจจุบันให้ได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ รวมถึงวิธีการทำงานใหม่ ๆ เพราะนอกจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหารองค์กรแล้ว HR ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้องค์กรเปลี่ยนแปลงได้
แต่ก่อนจะทำให้คนในองค์กรซื้อ หรือยอมรับ และพร้อมเปลี่ยนแปลงนั้น ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนภาพจำเดิม ๆ จาก HR เป็นเหมือนครูฝ่ายปกครอง มาเป็น HR เชิงรุกที่ทุกคนอยากเข้าหา พร้อมให้คำปรึกษาในทุก ๆ เรื่องเสียก่อน
HR เองก็ต้องเรียนรู้ ศึกษาเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงแทบทุกวันอยู่เสมอ เพื่อจะได้พร้อมเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์กรในทุกมิติค่ะ
ส่วนภาพอนาคตที่อยากเห็นในวงการ HR จากปัญหาความแตกต่างของช่วงวัยในการทำงาน และปัญหาสังคมผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น เป็นเรื่องที่ผลกระทบกับการทำงานปัจจุบันและอนาคต จึงอยากเห็นการปรับตัวของ HR ที่โฟกัสในเรื่อง Multi-generational, Workforce Management หรือการจัดการสังคมการทำงานที่หลากหลายของช่วงอายุ เช่น
- การขยายอายุเกษียณ เพื่อรองรับพนักงานสูงวัยให้ทำงานได้อย่างมีคุณภาพ
- พัฒนาทักษะสำหรับแรงงานทุกกลุ่มอายุ เพื่อปรับตัวกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป
- สร้างวัฒนธรรมการยอมรับความหลากหลาย และข้อจำกัดของทุกวัยในที่ทำงาน
- สวัสดิการ Well-Being ที่มากกว่า Physical เป็นต้น
เพื่อช่วยให้พนักงานทุกคนสามารถทำงานได้อย่างประสบความสำเร็จ และมีความสุขในการใช้ชีวิตค่ะ
9.ยศธนา ชูศรี l Human Resources Organization Development Manager l WHA Corporation
ผมอยากเปลี่ยนบทบาทของ HR จากการที่ถูกมองว่าเป็นหน่วยงานสนับสนุน ให้กลายเป็นหน่วยงานที่เล่นบทบาทเชิงรุกในการผลักดันให้องค์กรบรรลุเป้าหมายในทุกมิติ ซึ่งจะต้องทำงานร่วมกับผู้บริหารระดับสูง และทุก ๆ หน่วยงานภายในองค์กร เพื่อช่วยกำหนดกลยุทธ์ในการสร้างและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่จะช่วยสร้างการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร
ขณะเดียวกัน เมื่อ HR เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นหน่วยงานสนับสนุนแล้ว ความท้าทายที่น่าตื่นเต้นคือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงาน ซึ่งจะต้องหาจุดที่ลงตัวระหว่างเป้าหมายขององค์กร และความต้องการที่หลากหลายของพนักงาน จึงจำเป็นที่จะต้องมีความเข้าใจในคน (People) และองค์กร (Organization) อย่างลึกซึ้ง โดยต้องมีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในเชิงลึก นำเทคโนโลยี หรือ AI มาช่วยสนับสนุนในการวางแผน และจะต้องเน้นย้ำในเรื่องของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรงและพร้อมเปิดรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ
ส่วนในอนาคต ผมอยากเห็นวงการ HR ขับเคลื่อนด้วยแผนกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับแผนธุรกิจระยะยาวขององค์กร โดย HR จะต้องเล่นบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำ และผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ที่สามารถเชื่อมโยงคน องค์กร และธุรกิจเข้าหากันได้อย่างลงตัว
นอกจากนั้นทีม HR จะต้องเสริมทักษะทางด้านการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI หรือพัฒนาความสามารถในการทำ Data Analytics เพื่อช่วยคาดการณ์และทำให้การนำข้อมูลมาตัดสินใจต่าง ๆ มีคุณภาพที่ดีขึ้น
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด HR จะต้องเป็น Safe Zone ให้พนักงานทุกคนสามารถเดินเข้ามาปรึกษาได้อย่างสบายใจทุกเรื่อง ซึ่งจะช่วยสร้างความผูกพันธ์ในระยะยาวระหว่างพนักงานกับองค์กร
หากใครอยากประสบความสำเร็จในสายงาน HR ต้องเริ่มต้นจากการมี Passion ในงาน HR รู้สึกถึงคุณค่าในสิ่งที่ HR จะสร้างให้เกิดผลกระทบเชิงบวกในองค์กร เพื่อให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะช่วยผลักดันให้เราใฝ่รู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้นทักษะจำเป็นที่จะต้องเติมให้กับตัวเอง เช่น Business Insights, Digital Skills, Data Analytics, Strategic Thinking จะเป็นทักษะใหม่ ๆ ที่มีความสำคัญในการเปลี่ยนบทบาทของตัวเราจากการเป็นทีมสนับสนุน ให้กลายมาเป็น ‘คู่คิด’ ของผู้บริหารและหน่วยงานต่าง ๆ
สุดท้ายแล้ว ทักษะที่จำเป็นสำหรับ HR ไม่ว่ายุคสมัยใดคือ Empathetic Listening Skill ที่เราจะต้องสามารถฟังพนักงานได้อย่างเข้าใจ และสามารถทำให้พนักงานรู้สึกว่า HR ใส่ใจกับเรื่องราวเหล่านั้นจริง ๆ ครับ