ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สุภาษิต “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ยังสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงเสมอ ไม่ว่าจะในสนามรบ หรือในออฟฟิศก็ตาม
ปัจจุบัน มีแบบทดสอบมากมายที่จะช่วยให้รู้จักผู้อื่นได้ดีมากยิ่งขึ้น หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมก็คือแบบทดสอบ StrengthsFinder หรือ Clifton Strengths Finder ที่จะช่วยให้ผู้ประเมินรู้จุดแข็ง จุดอ่อนของตัวเองและผู้อื่นทั้งหมด 34 ประการ ซึ่งหากนำไปต่อยอดในการทำงานก็จะช่วยจัดทัพ สร้างทีม สร้างองค์กรที่เต็มไปด้วยจุดแข็งอันหลากหลาย แล้วเดินไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็น
ในชั้นเรียน Manager of the Future คลาสที่ 3 ได้รับเกียรติจาก โค้ชจอม – คมจักร กำธรพสินี Certified Coach Gallup StrengthsFinder มาโค้ชเรื่องการนำแบบทดสอบนี้มาใช้พัฒนาและสร้างทีมโดยเฉพาะ
บทเรียนที่น่าสนใจและเข้มข้นของคลาสนี้มีอะไรบ้าง HREX สรุปมาให้แล้ว ดังนี้
Contents
Manager of the Future ต้องไม่กลัวการไล่คนออก
ก่อนจะเริ่มเข้าสู่บทเรียนเรื่อง StrengthsFinder โค้ชจอม ชวนให้คิดถึงบทบาทหน้าที่ของคนเป็นผู้นำองค์กร เป็น Manager of the Future ที่มีลูกน้องต้องบริหารก่อนว่า นี่คือตำแหน่งสำคัญต่อการเติบโตขององค์กร และเป็นตำแหน่งที่ทำให้คนตัดสินใจได้ว่า จะอยู่ในองค์กรต่อไป หรือจะลาออกแล้วไปอยู่ที่อื่นแทน
โค้ชจอมเปิดสถิติว่า ที่ผ่านมาสาเหตุที่พนักงานตัดสินใจลาออกอันดับต้น ๆ ถึง 43% เป็นเพราะคนเป็นหัวหน้า / Manager นั่นเอง แม้จะเป็นสถิติที่สูงจนน่าหวาดหวั่น แต่มันก็มีข้อดีเหมือนกัน เพราะในเมื่อหัวหน้าเป็นสาเหตุของปัญหา หัวหน้าก็จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ที่ตัวเองโดยตรง
“เมื่อเรารู้ว่าปัญหาอยู่ที่ตัวเราเอง ในฐานะ Manager ก็จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ง่ายกว่าการที่ปัญหาอยู่ตรงที่อื่น อยู่กับคนอื่น ซึ่งยากจะไปบริหารจัดการได้”
โค้ชจอมยังชวนให้คิดมุมกลับด้วยว่า การที่ Turnover Rate ในองค์กรสูง หรือการที่พนักงานลาออก / โดนไล่ออกเยอะ ไม่ใช่เรื่องไม่ดีเสมอไป เพราะบทบาทของ Manager เปรียบเหมือนเป็นเจ้าของฟาร์ม เมื่อปลูกฟาร์มแล้วต้องคัดสรรแต่เมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้อย่าลืมว่าพื้นที่ในฟาร์มมีจำกัด งบประมาณมีจำกัด ถ้าพบว่าเมล็ดพันธุ์ไหนมีปัญหา หรือถ้าเจอสิ่งแปลกปลอมเข้ามาก็ต้องรีบเอาออกโดยเร็ว มิฉะนั้นจะเสียพื้นที่เพาะปลูก และเกิดปัญหามากมายบนพื้นที่ของเรา
“ถ้าใครฟังผมพูดเรื่องนี้ (เรื่องการเอาสิ่งแปลกปลอมออก) แล้วรู้สึก Empower หรือรู้สึกดี แปลว่าเข้าใจหน้าที่ของการเป็น Manager จริง ๆ เราอาจรับคนเข้ามาเยอะ แต่เราทำให้การผ่านโปรเป็นเรื่องยาก ถ้าเรารู้ว่าเขาผ่านโปรไม่ได้ ก็ไม่สามารถอยู่ในองค์กรได้ หรือถ้าเขารู้สึกไม่ Fit-in กับวัฒนธรรมองค์กร การให้เขาได้ไปเติบโตกับองค์กรอื่นก็เป็นสิ่งที่ดีกว่า” โค้ชจอมอธิบาย
คววามท้าทาย 5 ขั้น ของการเป็นผู้นำบนยอดพีระมิด
การจะเติบโตไปเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จต้องผ่านหลายด่าน โค้ชจอม สรุปไว้ว่ามี 5 ขั้นด้วยกัน ดังต่อไปนี้
- ขั้นที่ 1 Highly Capable Individual – เริ่มจากการรับผิดชอบงานของตัวเองเก่งเท่านั้น
- ขั้นที่ 2 Contributing Team Member – เติบโตขึ้นเป็นระดับ Senior เริ่มจัดสรรเวลา รับผิดชอบงานที่มากขึ้น ช่วยทีมได้มากขึ้น
- ขั้นที่ 3 Competent Manager – เติบโตไปเป็นผู้นำ ที่ไม่แค่บริหารงานของตัวเองเก่ง แต่ยังบริหารใจ ความสัมพันธ์ในทีมเก่ง
- ขั้นที่ 4 Effective Leader – กลายเป็นผู้นำที่สามารถปั้น Manager ได้ โปรโมทคนเป็น รู้ว่าจะปั้นใครมาทดแทนใครแล้วได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
- ขั้นที่ 5 Executive – ผู้นำขั้นสุดยอด มีภาระหน้าที่เยอะ และมีลูกทีมที่ต้องดูแลเยอะ แต่ผู้นำในขั้นนี้จะกลายเป็นผู้สร้างคนระดับ Leader ขององค์กรขึ้นมาช่วยงานได้อย่างไร เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระต่าง ๆ จากตัวเอง
ทั้งนี้ จุดพลิกผันสำคัญของการเป็นผู้นำที่ดี ไม่ได้อยู่ที่ขั้นที่ 5 ซึ่งเป็นขั้นสูงสุด แต่อยู่ที่การเปลี่ยนผ่านจากขั้น 2 ไปขั้น 3 ต่างหาก
“เพราะ 2 ขั้นแรกเราสามารถควบคุมความสำเร็จด้วยมือตัวเอง เป็นขั้นที่อาศัยความสามารถเฉพาะตัว แต่ขั้นที่ 3 เป็นต้นไป ผลงานความสำเร็จจะอยู่ในมือของคนอื่นด้วย ดังนั้น หากไม่มีทีมที่ดี ย่อมยากที่จะประสบความสำเร็จ และถ้าผ่านขั้นที่ 3 ไปได้แล้วล่ะก็ ทุกอย่างจากนั้นจะง่ายขึ้นแล้ว”
StrengthsFinder เครื่องมือช่วย Manager of the Future สร้างทีมที่แข็งแกร่ง
ก่อนเริ่มเรียน 1 สัปดาห์ โค้ชจอม ได้ให้ผู้เข้าเรียนไปทำแบบทดสอบ Clifton Strengths Finder เพื่อที่จะได้เตรียมการสอน และนำไปวิเคราะห์โดยละเอียดล่วงหน้าว่า แต่ละคนมีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร สิ่งที่สามารถพัฒนาต่อได้คืออะไร และอะไรเป็นข้อควรระวังทั้งต่อตัวเองและต่อผู้อื่นบ้าง
หลักการทำงานของ Clifton Strengths Finder นั้นจะแบ่งผู้ประเมินออกเป็น 4 สี ได้แก่ สีม่วง สีส้ม สีน้ำเงิน และสีเขียว โดยคนในแต่ละสีจะมีลักษณะนิสัยและความสามารถเด่น ๆ แตกต่างกัน บางคนอาจมีคุณลักษณะของสีใดสีหนึ่งเท่านั้น แต่บางคนก็อาจผสมผสานสีที่หลากหลายเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
Clifton Strengths Finder คือเครื่องมือช่วยสร้างทีมที่ทรงประสิทธิภาพ โค้ชจอมเล่าว่า ปัญหาของการสร้างทีมโดยไม่ใช้เครื่องมือนี้ จะทำให้แต่ละคนไม่รู้จักคนในทีมกันดี และจะใช้มาตรวัดคนละแบบในการทำงาน
เพราะการรู้จุดแข็ง / จุดอ่อนของกันและกัน จะทำให้เราตัดสินผู้อื่นด้วยไม้บรรทัดของตัวเองน้อยลง เพราะเข้าใจแล้วว่า แต่ละคนมีวิธีการทำงาน มีวิธีคิดที่แตกต่างกัน กลายเป็นการโอบรับความแตกต่างที่ช่วยให้งานประสบความสำเร็จได้
“เวลาเรามองเห็นทีมที่มีปัญหา Performance ไม่ดี นั่นเกิดจากการใช้ไม้บรรทัดเชิงจิตวิทยาที่ไม่เหมือนกัน เราตัดสินจากจุดแข็งของเรา ไม่ได้คิดว่าคนอื่นก็มีจุดแข็งของตัวเอง แต่เราต้องเปลี่ยนมุมมองว่าสาเหตุที่ Performance ของเขาไม่ดีนั้น เพราะเขาทำไม่ดีจริง ๆ หรือสิ่งที่ทำนั้นไม่ตรงกับจุดแข็งของเขาตั้งแต่แรก”
อีกกรณีหนึ่งที่พบเจอบ่อยก็คือ หลายองค์กรเลือกแต่คนนิสัยเหมือนกันมาอยู่ร่วมกัน ซึ่งอาจได้ผลดีในบางกรณี แต่อย่าลืมว่าพอคนเหมือนกันมารวมตัวกัน แม้จะแชร์จุดเด่นที่เหมือนกัน แต่ก็ยังแชร์จุดอ่อนที่เหมือนกันด้วย
และถ้าเรารู้ว่าองค์กรนี้มีแต่คนที่นิสัยเหมือนกับเรา ตัวเราเองจะอยากทำงานในองค์กรนี้ต่อไปรึเปล่า ?
หลักการ StrengthsFinder จะเข้ามาแก้ปัญหานี้ เพราะเมื่อเรารู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนอย่างไร ก็จะรู้ว่าจะต้องหาคนแบบไหนมาอุดช่องโหว่ดังกล่าว เพื่อทำให้องค์กรเกิดจุดแข็งที่สุดนั่นเอง
4 สี 34 จุดแข็ง/จุดอ่อน ที่ Manager of the Future ต้องรู้
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าหลักการ StrengthsFinder นิยามจุดแข็งจุดอ่อนไว้อย่างไร แต่ละสีมีความความหมายแบบคร่าว ๆ อย่างไรบ้าง สามารถอ่านคำตอบคร่าว ๆ ได้เลยทางนี้
โซนสีม่วง – Leading with Execution
คนสีม่วง จะนำทีมด้วยการเป็นนักปฏิบัติ ไม่ชอบพูดเยอะ เพราะนำเสนอตัวเองไม่เก่ง แต่จะวางแผนงานทีมด้วยระบบ สร้างระบบที่เอื้อต่อการทำงาน
จุดแข็งสำคัญของคนโซนสีม่วงมีดังนี้
- Achiever ชอบปฏิบัติ ชอบทำงาน ถ้าต้องกลับบ้านก่อนใครจะรู้สึกผิด ต้องทำงานเกิน 100% จึงจะฟิน
- Arranger เป็นคนที่การทำงานแบบ Multi-tasking เก่ง กระจายงานเก่ง ถ้าใครมีข้อนี้ต่ำแสดงว่าทำงานพร้อมกันเยอะ ๆ ไม่ได้ มีลูกน้องเยอะ ๆ ไม่ได้ เพราะลูกน้องจะเป็นภาระ ไม่ใช่ตัวช่วย
- Belief มีอุดมคติในการใช้ชีวิต มีชุดความเชื่อ มีหลักการ ค่านิยมที่ไม่เหมือนคนอื่นในสังคม
- Consistency เป็นผู้รักความยุติธรรม-ความเสมอภาคสุดใจ แต่ถ้าผลของใครออกมาต่ำ แสดงว่ามองเห็นว่าโลกนี้ว่าไม่มีความยุติธรรมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
- Deliberative ยิ่งมีเยอะ แสดงว่ายิ่งมความคิดละเอียดรอบคอบ คิดรอบด้าน และจะเกลียดมาก หากถูกบังคับให้ต้องตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งในทันที
- Discipline ยิ่งสูงหมายถึงยิ่งมีวินัย เชื่อมั่นว่ากฎคือความปลอดภัย งานไหนที่มีรายละเอียดบังคับเยอะ หากใช้คนที่มีจุดแข็งด้านนี้ไปทำ จะได้ประสิทธิภาพ ส่วนคนที่มีน้อย จะมองว่ากฎระเบียบคือความอึดอัดมากกว่า
- Focus คนที่มีสูง เวลาจะทำสิ่งต่าง ๆ จะต้องมองเห็นโจทย์ เป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่แรก ถึงจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ กลับกันคนที่มีน้อย จะเก่งการทำงานที่มีรายละเอียดไม่ชัดเจน ชอบแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
- Responsibility คนที่มีมากคือสายแบก แบกรับความกดดันเก่ง เกลียดการทำให้คนอื่นผิดหวัง เข้มข้นในศักดิ์ศรี ถ้าได้รับมอบหมายงานอะไรไป มั่นใจได้เลยว่าเสร็จตรงเวลาแน่นอน แต่ถ้ามีน้อย แสดงว่าไม่ชอบการโดนกดดัน
- Restorative เป็นนักติเพื่อก่อ จะมองหาสิ่งที่ต้องปรับปรุงก่อนเสมอ แล้วค่อยมองภาพรวมที่ดีงามในตอนหลัง สำคัญมากสำหรับคนที่ทำงาน Audit หรือคนที่ต้องทำงานตรวจสอบผู้อื่น
โซนสีส้ม – Leading with Influencing
คนสีส้มเป็นคนพูดเก่ง กล้าแสดงออก พลังงานเหลือล้น มีความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เหมือนเปลวไฟที่พร้อมจะเผาผลาญทีม เผาผลาญผู้อื่นให้มอดไหม้ตลอดเวลา ซึ่งต้องระวัง
จุดแข็งที่สำคัญมีดังนี้
- Activator เป็นคนขาลุย ไม่ต้องคิดเยอะ แต่ลงมือทำเลย เป็นคนที่ตื่นเต้นไปกับไอเดียใหม่ ๆ ตลอดเวลา ชอบรับผิดชอบงานที่ยังไม่มีทิศทางแน่ชัด
- Command เป็นคนที่กล้าตัดสินใจเรื่องยาก ๆ ชอบนำคน มีความเด็ดเดี่ยว และเด็ดขาด
- Communication คนที่มีเยอะคือคนที่เล่าเรื่องยากให้เข้าใจง่ายเก่ง สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นเก่ง
- Competition ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับสิ่งแวดล้อม ชอบปรับปรุงตัวเองตลอดเวลา แต่จะเครียดง่าย เพราะจะชอบเปรียบเทียบทุกอย่างกับตัวเองเสมอ
- Maximizer นักต่อยอด สามารถพัฒนางานทุกอย่างให้เจ๋งขึ้นได้เสมอ ไม่เคยจนแต้มกับปัญหา แต่ก็อาจทำให้หลายคนคิดว่าทำดีเท่าไหร่ก็ไม่พอ
- Self-Assurance มีความมั่นใจในตัวเองสูง ทุกครั้งที่ทำอะไรประสบความสำเร็จ จะชื่นชมตัวเองเสมอโดยไม่ต้องรอใครมาชม แต่บางทีก็อาจลืมชื่นชมความสำเร็จของผู้อื่น
- Significance เล็ก ๆ ไม่ ใหญ่ ๆ ทำ มีความอยากเป็นฮีโร่ของทีม อยากเป็นตำนานของวงการ แต่บางทีต้องระวังว่าอาจแย่งงานลูกน้องมาทำโดยไม่ได้ตั้งใจ
- Woo มีความเป็นมิตรกับคนแปลกหน้า เจอคนแปลกหน้าแล้วได้พลังเพิ่ม สามารถปาร์ตี้ได้ตลอดเวลา
โซนสีน้ำเงิน Leading with Relationship Building
คนสีน้ำเงิน จะให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น เข้ากับคนอื่นได้เก่ง ถือเป็นกาวใจที่สำคัญต่อองค์กร
จุดแข็งที่สำคัญมีดังนี้
- Adaptability ปรับตัวเก่ง รับมือกับความเปลี่ยนแปลงบ่อยได้ สามารถเปลี่ยนคลื่นลมที่แปรปรวนให้กลายเป็นคลื่นที่สงบ
- Connectedness นักเชื่อมโยง นักเชื่อมความสัมพันธ์ เชื่อเรื่องพลังจักรวาลว่าเชื่อมโยงแต่ละคนเข้าหากันอย่างไรบ้าง
- Developer เป็นนักสร้างคนเก่ง ชอบให้โอกาสคน มีความอดทนกับคนหัวช้า ซึ่งบางทีต้องระวังเวลาตัดสินใจให้คนผ่านหรือไม่ผ่านโปร เพราะมักจะใจดีจนให้ผ่านเสมอ
- Empathy เป็นคนจมูกไว ตรวจจับอารมณ์คนอื่นได้ดีเป็นพิเศษ ใส่ใจในความคิดและความรู้สึกของผู้อื่น
- Harmony เป็นคนที่ชีวิตขับเคลื่อนด้วยความรัก ความกลมเกลียว ชอบบรรยากาศคึกคัก เจี๊ยวจ๊าว คนที่มีข้อนี้สูงจะไม่ชอบการปะทะ ตบตีกับลูกค้า แต่ถ้าใครมีต่ำ จะเป็นสายพร้อมชน ไม่กลัวการปะทะ
- Includer เป็นคนที่ชอบทำอะไรเป็นกลุ่ม ไม่ทอดทิ้งใคร และเกลียดการโดนทอดทิ้งมาก ๆ
- Individualization เป็นนักสังเกต อ่านคนเก่ง รู้ว่าจะเข้าหาผู้อื่นได้อย่างไร
- Positivity ชอบให้กำลังใจคนอื่น ทำแล้วใจฟู หากเป็นเจ้านาย จะเป็นเจ้านายที่ใจดี ชอบซื้อขนม ซื้อของมาฝากลูกน้อง
- Relator เป็นคนที่รู้จักเพื่อนลึกซึ้ง แม้จะมีเพื่อนน้อย แต่จะเน้นคุณภาพเพื่อนมากกว่าปริมาณเพื่อนที่มี
โซนสีเขียว Leading with Strategic Thinking
คนสีเขียว คือผู้นำที่นำคนด้วยวิสัยทัศน์ คิดทุกอย่างเป็นภาพ พูดเร็ว คิดเร็ว ปากขยับเร็วให้ทันภาพในหัว จะคุยงานด้วยต้องมีแผนภาพ มีเอกสารประกอบเสมอ
จุดแข็งที่สำคัญมีดังนี้
- Analytical วิเคราะห์ข้อมูลเก่ง มีหลักการสูง ตัดสินใจโดยไม่ใช้อารมณ์เก่ง แต่ถ้าเก่งเกินไปจะเป็นคนกระด้าง
- Context ให้ความสำคัญกับอดีต ชอบศึกษาประวัติศาสตร์ เวลาจะทำอะไรสักอย่างต้องเข้าใจที่มาที่ไปของสิ่งนั้นจนปรุโปร่ง
- Futuristic ให้ความสำคัญกับอนาคตภายหน้า ขับเคลื่อนตัวเองด้วยความฝัน นำคนด้วยวิสัยทัศน์ และมักไม่เคยอยู่กับปัจจุบัน
- Ideation สายครีเอทีฟ อาร์ตตัวแม่/ตัวพ่อ
- Input เปรียบเหมือนคลังความรู้ เก็บข้อมูลรอบตัวได้เก่ง ชอบสะสมคอนเนคชั่น สะสมกรณีศึกษาในการทำงานที่มีประโยชน์
- Intellection นักคิด ชอบออกกำลังกายทางสมอง ชอบคุยเรื่องจริงจังมีสาระ ช่วยทีมย่อยเรื่องยาก ๆ ให้ตกผลึกและเข้าใจง่าย แต่ข้อเสียก็คืออาจหมกมุ่นกับการคิดมากไป
- Learner ใฝ่รู้ ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้คุณค่าของชีวิตผ่านการเรียนรู้ และจะลาออกจากงานถ้าต้องทำอะไรเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิธีแก้คือการให้งานยาก ๆ ไปทำ หรือลองให้ Job Rotation เพื่อเจอความท้าทายตลอดเวลา
- Strategic นักกลยุทธ์ คนที่มีเยอะแสดงว่ามีความกะล่อน เอาตัวรอดเก่ง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง และบางทีก็ไล่ต้อนคนอื่นเก่งด้วยเช่นกัน
บทสรุป
สาระสำคัญของบทเรียนในวันนี้ อยู่ที่การสร้างทีมที่ทรงพลังมาก ๆ จะต้องเข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน และข้อจำกัดของกันและกัน จึงจะทำให้อยู่ด้วยกันยาวนาน สร้างความเป็นทีมเวิร์คที่แข็งแกร่งได้อย่างแท้จริง
Manager ที่เก่งคือ Manager ที่สร้างองค์กรให้เปี่ยมสีสัน สร้างความแตกต่างและหลากหลาย ไม่ใช่เลือกแต่คนที่สีเดียวกัน มีความถนัด มีความชื่นชอบ มีจุดแข็งแบบเดียวกัน เพราะนั่นหมายความว่าทุกคนจะมีจุดอ่อนที่เหมือนกันตามไปด้วย
และหาก Manager นำผลของ StrengthsFinder มาปรับใช้ให้เกิดผลล่ะก็ ไม่ว่าจะรบกี่ร้อยครั้ง ก็จะชนะทุกครั้งอย่างแน่นอน
คอร์สเรียน Manager of the Future รุ่นที่ 2 เปิดรับสมัครแล้ว เริ่มเรียนวันที่ 5 ก.ค. – 2 ส.ค. 2567 สามารถสมัครได้ทางลิงก์นี้ https://forms.gle/tPeRmed8XsffdFYk7