Search
Close this search box.

สรุปทุกเรื่องที่ HR ควรรู้จากงาน Ai Thailand Conference 2024

สรุปทุกเรื่องที่ HR ควรรู้จากงาน Ai Thailand Conference 2024

AI กำลังเปลี่ยนแปลงวงการธุรกิจทั่วโลกอย่างรวดเร็ว คนทำงานทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง HR หากทำความเข้าใจและใช้งานมันอย่างชาญฉลาด มันจะมีผลมาก ๆ ต่อการอยู่รอดในยุคดิจิทัล AI และหาก HR ไม่ปรับตัวตามเทคโนโลยี องค์กรอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่การล่มสลายขององค์กรได้ในพริบตา

ด้วยเหตุนี้จึงเกิดงานเสวนาครั้งยิ่งใหญ่ชื่อว่า Ai Thailand Conference 2024 ขึ้นในวันที่ 9 ตุลาคม 2024 โดยมี The Insightist เป็นโต้โผในการจัดงาน ตลอดทั้งวันได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและ AI มาร่วมแสดงความคิดเห็น และถกเถียงเกี่ยวกับการใช้งาน AI ในหลากหลายหัวข้อ ภายใต้วัตถุประสงค์หลักคือ จะทำอย่างไรจึงจะใช้งานปัญญาประดิษฐ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรและตัวเราเอง

HREX เข้าร่วมงานนี้ด้วย และพบว่ามีเรื่องน่าสนใจที่ HR ควรรู้มากมาย จึงสรุปทุกอย่างที่ HR ควรรู้มาให้ได้อ่านกันแล้ว ติดตามได้จากในบทความนี้ได้เลย

สรุปทุกเรื่องที่ HR ควรรู้จากงาน Ai Thailand Conference 2024

Ai Thailand Conference 2024 #1 AI Transformation Now – Empowering Business and People for the Next Future

Session แรกของงานเริ่มด้วยการบรรยายของคุณธีรานนท์ ศิริกุลพิริยะ Managing Director จาก Solutions Impact หรือคุณเจมส์ The Insightist ที่มาพูดถึง AI Transformation หรือการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคสมัยของ AI ที่ไม่ต้องรอนาน แต่มันกำลังเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน

คุณเจมส์เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ว่ากำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน การเข้ามาของ AI ในครั้งนี้ไม่เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการทำงาน แต่ยังช่วยเปลี่ยนแปลงทักษะต่าง ๆ ที่เคยเป็นเรื่องเฉพาะของมืออาชีพ ให้สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นด้วย Generative AI เช่น การสร้างเนื้อหา การตัดต่อรูปภาพและวิดีโอ เป็นต้น

แต่ AI ไม่ได้มีแค่ Generative AI เท่านั้น ยังมี Predictive AI และ Automation AI ซึ่งแต่ละรูปแบบมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หากองค์กรสามารถผสานการใช้ AI ทั้ง 3 รูปแบบนี้ได้อย่างลงตัว จะมีความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่ง และสามารถปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว

คุณธีรานนท์อธิบายเพิ่มเติมว่า ไม่ว่าจะใช้ AI ด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม สุดท้ายแล้วในโลกการทำงานเราต้องใช้เพื่อเพิ่ม Business Productivity เสมอ เพราะมันสามารถช่วยลดต้นทุน เพิ่มยอดขาย และทำให้กระบวนการทำงานรวดเร็วขึ้น 

นอกจากนี้ AI ยังช่วยบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในธุรกิจยุคใหม่ ดังนั้น องค์กรควรต้องสนใจเรื่อง People Transformation เพื่อเตรียมความพร้อมให้พนักงานและบุคลากรในองค์กรสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับตัวในด้านบุคลากรจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน หากองค์กรใดสามารถพัฒนาบุคลากรให้พร้อมเข้าสู่ยุค AI ได้ จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า

ท้ายที่สุด คุณเจมส์เน้นย้ำว่าการรู้จักใช้ AI อย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ โดยไม่ควรนำ AI มาใช้อย่างขาดสติ แต่ควรใช้มันเป็นเครื่องมือเสริมเพื่อพัฒนาองค์กร อย่าลืมว่าอนาคตของธุรกิจในยุค AI ขึ้นอยู่กับความสามารถในการใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรที่สามารถทำได้จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างมูลค่าให้กับองค์กร แต่ยังรักษาคุณภาพและความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สรุปทุกเรื่องที่ HR ควรรู้จากงาน Ai Thailand Conference 2024

Ai Thailand Conference 2024 #2 Back to the Next Future – Business Transformation Through Past, Present, and Future

Session นี้ คุณธีรานนท์ ศิริกุลพิริยะ จาก Solutions Impact, คุณกลกิตติ์ เถลิงนวชาติ ผู้อำนวยการ และผู้ก่อตั้ง BNI Thailand, คุณวรภัทร ชวนะนิกุล Chief Strategy Officer and Chief Financial Officer บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และคุณอรรณพ สลิดบัว CEO ของ GDK GROUP มาชวนแลกเปลี่ยนถึงโลกการทำงานในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนั้น ได้รับผลกระทบอย่างไรจากการที่ AI เข้ามาสู่โลกแห่งการทำงาน

5 ปีก่อน เป็นช่วงเวลาที่การทำธุรกิจยังมีข้อจำกัดมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงทรัพยากรทางเทคโนโลยีและข้อมูล ที่มักถูกผูกขาดไว้เฉพาะในบริษัทใหญ่ ๆ ในยุคที่สื่อสารผ่านโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ยังคงมีบทบาทสำคัญ อย่างไรก็ตาม โลกได้เปลี่ยนแปลงเมื่อมีโซเชียลมีเดียเข้ามา คนสามารถเข้าถึงข้อมูลและสื่อสารได้ง่ายขึ้น ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวทั้งในเรื่องการสื่อสารกับลูกค้าและการทำงานร่วมกัน แต่เมื่อ AI เข้ามา ธุรกิจยิ่งต้องเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ผู้นำองค์กรจำเป็นต้องเปิดใจและเริ่มเรียนรู้การใช้ AI ก่อน เพื่อพาองค์กรก้าวเข้าสู่ยุคใหม่

AI ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก วิทยากรย้ำถึงความสำคัญของการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในงานที่ง่าย ๆ ก่อน เพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้วิธีการทำงานร่วมกับ AI และนำไปต่อยอดในงานที่ซับซ้อนขึ้น การทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหญ่หรือ Gen X ที่มักถูกมองว่าไม่ทันต่อเทคโนโลยี การคลุกคลีอยู่กับคนยุคใหม่จะช่วยเปิดมุมมองและทำให้เข้าใจว่า AI สามารถนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร

ถึงแม้ AI จะมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานได้ดีขึ้น แต่การเลือกใช้เครื่องมืออย่างชาญฉลาดเป็นสิ่งที่จำเป็น ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องใช้ทุกเครื่องมือ แต่ควรเลือกใช้เฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของตน อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการไม่ลืม Human Touch การสื่อสารและการทำงานร่วมกับมนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญ AI อาจช่วยให้ธุรกิจดำเนินงานได้ง่ายขึ้น แต่คนก็ยังเป็นหัวใจหลักของการทำงานเสมอ

ในอีก 5 ปีข้างหน้า วิทยากรเชื่อว่าโลกธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะ AI จะเข้ามาช่วยให้การทำงานมีความแม่นยำมากขึ้น และช่วยลดข้อจำกัดทางการเงินและทรัพยากรลงได้อย่างมาก AI จะทำให้คนตัวเล็กหรือคนที่มีความฝันในการทำธุรกิจส่วนตัวสามารถเข้าถึงโอกาสได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเครื่องมือ AI ที่เข้าถึงได้ง่ายและครบวงจรจะมีราคาถูกลง และสามารถสร้างประสิทธิภาพที่เทียบเท่าบริษัทใหญ่ได้

ท้ายที่สุด วิทยากรทุกท่านต่างย้ำถึงบทบาทของผู้นำองค์กรที่ต้องมี Strategic Mindset ผู้นำต้องรู้จักใช้ AI เพื่อเพิ่มประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ และในขณะเดียวกันต้องมีความยืดหยุ่น เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง การตัดสินใจที่เฉียบขาดและการทำงานร่วมกับพันธมิตรเป็นสิ่งสำคัญ ผู้นำที่สามารถนำ AI มาใช้ควบคู่กับทักษะการบริหารที่มีประสิทธิภาพจะสามารถพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จได้ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้

สรุปทุกเรื่องที่ HR ควรรู้จากงาน Ai Thailand Conference 2024

Ai Thailand Conference 2024 #3 Reimagine the Future of Marketing Creating New Possibilities with AI

Session ต่อมาได้รับเกียรติจากคุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร Chief Marketing Officer จาก SCBX, จิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์ จาก Marketing Tech Thailand Group และ ศิริพงศ์ เตียวพิพิธพร ผู้ก่อตั้ง Innotech Maker มาร่วมถกเถียงกันถึงว่าจะนำ AI มาใช้กับงานการตลาดอย่างไรได้ จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด

AI มีบทบาทในโลกการตลาดมานานแล้ว เช่น ระบบ Search Algorithms ของ Google ซึ่งเริ่มต้นในช่วงปลายยุค 1990s อย่างไรก็ตาม กระแสความนิยมของ Generative AI ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ได้เปิดโอกาสใหม่ให้กับการตลาด ทำให้นักการตลาดสามารถเปลี่ยนจากผู้บริโภคเนื้อหากลายเป็นผู้สร้างเนื้อหาเองได้ง่ายขึ้น การใช้ AI ในการวิเคราะห์ผู้ชม การพัฒนากลยุทธ์คำหลัก และการทำนายแนวโน้มได้กลายเป็นเรื่องที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็นการเปิดประตูให้กับการพัฒนางานการตลาดในมิติใหม่

สิ่งที่น่าสนใจคือ GenAI สามารถทำให้กระบวนการจัดการข้อมูลที่เคยใช้เวลานานกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยสามารถทำหน้าที่จัดเรียง ทำความสะอาด และสรุปข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้การตัดสินใจทำแคมเปญของนักการตลาดมีความแม่นยำยิ่งขึ้น การนำ AI มาปรับใช้ยังช่วยลดภาระงานที่ซับซ้อน ช่วยให้นักการตลาดสามารถมุ่งเน้นไปที่การวางกลยุทธ์และการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพสูงได้อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ AI Tools ให้เหมาะสมก็เป็นเรื่องจำเป็น เพราะเราต้องใช้ทุกตัว วิทยากรได้ย้ำถึงความสำคัญของการรู้เป้าหมายของการตลาดก่อน แล้วเลือกเครื่องมือที่ตอบโจทย์งานที่สุด การใช้ AI ในการสร้างสรรค์ภาพหรือวิดีโอสำหรับแคมเปญเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร แต่การใส่ Human Touch ยังมีความสำคัญอยู่มาก เพื่อให้สารที่ส่งออกไปมีความเข้าถึงและสื่ออารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากเรื่องของการใช้งาน AI ในงานสร้างสรรค์แล้ว การประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนใน MarTech เป็นเรื่องที่สำคัญ วิทยากรได้แนะนำว่า การใช้งบประมาณในเทคโนโลยี AI ควรคำนึงถึงระยะยาว ไม่ใช่แค่ผลตอบแทนในโปรเจ็คต์สั้น ๆ แต่ต้องมองถึงการใช้ต่อเนื่องและการคืนทุนในอนาคต การคำนวณค่าใช้จ่ายในการใช้งาน เช่น ค่า License และการบำรุงรักษา เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

ท้ายที่สุด วิทยากรทุกคนร่วมกันเตือนถึงข้อควรระวังในการใช้งาน AI แม้ว่า AI จะช่วยลดภาระงานในด้านเบสิคได้มาก แต่ยังมีงานที่ซับซ้อนที่ต้องอาศัยทักษะของมนุษย์ในการตัดสินใจ การใช้ AI อย่างไม่มีประสิทธิภาพ การผลิตงานคุณภาพต่ำอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ขององค์กร และอย่าลืมดูแลพนักงานให้ไม่เกิดภาวะ Burnout ด้วย เพราะแม้ AI จะช่วยทำงานง่าย ๆ ในเวลารวดเร็วได้ แต่มันก็ทำให้เราต้องทำงานยาก ๆ ซึ่งยิ่งทำงานที่ยาก ก็ยิ่งทำให้หมดไฟในการทำงานง่าย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่นักการตลาดในยุคปัจจุบันต้องให้ความสำคัญ

สรุปทุกเรื่องที่ HR ควรรู้จากงาน Ai Thailand Conference 2024

Ai Thailand Conference 2024 #4 People Next Future – Adaptive Culture, Future Soft Skills and Generation Gap in the Age of AI

Session นี้ว่าด้วยเรื่อง People Transformation โดยเฉพาะ คุณอภิชาติ ขันธวิธิ จาก QGEN และคุณสุทธิดา กิติเรืองแสง จาก Solutions Impact มาร่วมเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่า ในยุคที่ AI กำลังครองเมือง องค์กรต่าง ๆ ควรต้องพัฒนาคนอย่างไร ให้สามารถอยู่รอดในยุคของการทำงานแห่งอนาคต

แม้ AI จะเก่งและมีบทบาทสำคัญเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถมาแทนที่มนุษย์ได้ทั้งหมด 100% แต่มนุษย์เองต้องไม่ชะล่าใจ และควรเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีการทำงานและวัฒนธรรมองค์กรให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย

วัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งที่ทุกคนในองค์กรต้องสร้างร่วมกัน ถ้าองค์กรต้องการให้พนักงานเข้าใจและยอมรับการใช้ AI ก็ต้องปลูกฝังวัฒนธรรมการทำงานที่มี AI อยู่ในทุกภาคส่วน การปรับตัวอย่างรวดเร็วและการตัดสินใจที่ถูกต้องกลายเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้องค์กรอยู่เหนือคู่แข่ง

ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ผู้นำองค์กรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่า AI จะสามารถช่วยให้กระบวนการทำงานเดินหน้าได้ง่ายขึ้นหรือไม่ การนำ AI มาปรับใช้ในองค์กรควรทำเมื่อเห็นว่ามันสามารถช่วยพัฒนาประสิทธิภาพโดยรวม ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นเทรนด์เทคโนโลยี วิทยากรยังเน้นเรื่องการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะการที่จะเข้าใจและใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องมาจากการเรียนรู้และเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เสมอ

นอกจากนี้ Soft Skills หรือทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนยังคงมีความสำคัญไม่ว่าจะเป็นยุคไหน การทำงานแบบ Work From Home ในช่วงที่ผ่านมาทำให้การสื่อสารของพนักงานลดลง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการทำงานร่วมกัน วิทยากรได้ชี้ให้เห็นว่าแม้ AI จะสามารถช่วยงานได้มากมาย แต่การคิดวิเคราะห์และการใส่ใจในรายละเอียดยังคงเป็นทักษะที่จำเป็น โดยเฉพาะเมื่อ AI ยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ทั้งหมด

ในด้านของ Generation Gap วิทยากรระบุว่าความแตกต่างระหว่างรุ่นในการใช้ AI ไม่ได้เป็นปัญหาที่ใหญ่อย่างที่หลายคนกังวล แม้ผู้สูงวัยอาจไม่คล่องเท่าเยาวชน แต่หากมีการสนับสนุนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทุกคนสามารถปรับตัวได้และเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม สิ่งสำคัญคือการสร้างพื้นที่ให้พนักงานก้าวข้ามความกลัวเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยผู้นำองค์กรและ HR ต้องมีบทบาทในการสนับสนุนให้บุคลากรออกจาก Comfort Zone และเข้าสู่ Learning Zone เพื่อเปิดมุมมองใหม่ ๆ

สุดท้าย วิทยากรได้กล่าวถึงความสำคัญของการสร้างวัฒนธรรม Fail Fast-Learn Fast หรือการให้โอกาสพนักงานได้เรียนรู้จากความผิดพลาด การเปิดพื้นที่ให้เกิดการทดลองและตั้งคำถามโดยไม่กลัวที่จะล้มเหลวจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ในองค์กร นอกจากนี้ การสอนทักษะใหม่ ๆ ต้องมีความเข้าใจด้านจิตวิทยา เพื่อไม่ให้พนักงานรู้สึกกลัวในการตั้งคำถาม การสนับสนุนที่ดีจากผู้นำจะช่วยให้องค์กรสามารถเติบโตและปรับตัวเข้าสู่ยุค AI ได้อย่างยั่งยืน

ผู้เขียน

Picture of Paranaphat Anui

Paranaphat Anui

Take Off Toward a Dream

บทความที่เกี่ยวข้อง