รู้จัก Learn from the BEST Program หลักสูตรเรียนรู้การดูแลพนักงานที่ดีที่สุดจาก Best Employer ตัวจริง

HIGHLIGHT

  • Learn from the BEST Program เป็นหลักสูตรแรกของ Kincentric Thailand บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลระดับโลก ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับที่ปรึกษาด้านภาวะผู้นำและด้านทรัพยากรมนุษย์
  • Learn from the BEST Program เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการเรียนรู้และศึกษารูปแบบในการดูแลพนักงานจากกลุ่มองค์กรสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทยมากกว่า 10 องค์กร
  • Learn from the BEST Program เป็นหลักสูตรระยะยาว 10 สัปดาห์สุดเข้มข้น ผ่านการพูดคุย เวิร์คช็อป และการศึกษาดูงานในสถานที่จริง เพื่อเตรียมผู้นำให้พร้อมสู่การขับเคลื่อนองค์กรต่อไป

ว่าการกันว่า การเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือการเรียนรู้จากผู้ประสบการณ์โดยตรง เพื่อค้นหาแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) แล้วนำมาปรับใช้จริงตามบริบทของตัวเอง ทว่าการเข้าถึงผู้มีประสบการณ์โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงนั้น ย่อมเป็นโอกาสที่หาได้ยาก

Kincentric Thailand บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลระดับโลก จึงเปิดโอกาสนั้นครั้งแรกผ่านโครงการ Learn from the BEST Program หลักสูตรเตรียมผู้นำให้พร้อมสู่การขับเคลื่อนองค์กร ร่วมกับพาร์ทเนอร์องค์กรแนวหน้าระดับ Best Employers Thailand กว่า 10 องค์กร ที่จะมาแชร์แนวคิด เคล็ดไม่ลับ และเผยกลยุทธ์ในการดูแลบุคลากร

Kincentric Thailand คือใคร ?

ทำไมถึงสร้างสรรค์โครงการ Learn from the BEST Program ออกมา ?

แล้วทำไม HR และผู้บริหารถึงควรเข้ามาเรียนหลักสูตรนี้ ?

หาคำตอบได้กับคุณ ชัชพล ยังวิริยะกุล Director จาก Kincentric Thailand และ คุณ ไดน่า – มนนิการ์ ซิงห์ ที่ปรึกษา อาจารย์และที่ปรึกษาองค์กรชั้นนำ  – สอง Program Director ผู้สร้างสรรค์หลักสูตรนี้กัน

รู้จัก Learn from the BEST Program หลักสูตรเรียนรู้การดูแลพนักงานที่ดีที่สุดจาก Best Employer ตัวจริง

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ Kincentric มาบ้าง แต่อยากให้แนะนำ Kincentric อีกสักครั้งว่าคืออะไร ให้บริการหลัก ๆ อะไรบ้าง ?

ชัชพล: Kincentric เป็นชื่อใหม่ครับ เราก่อตั้งขึ้นมาในปี 2019 ซึ่งก่อนหน้านี้หลายคนอาจคุ้นเคยกับชื่อเดิมของเราซึ่งคือ Aon โดยเป็นการ Spin off พาร์ทของ HR Consulting ออกมาอยู่ ภายใต้บริษัทแม่ Spencer Stuart ทำให้เราเป็น Global HR Consulting Firm ตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งเลยครับ

ส่วนบริการของ Kincentric นั้น เราช่วยลูกค้าแบบ End to End หลัก ๆ จะมีอยู่ 4 Practices คือ

หนึ่ง – Leadership Assessment & Development เรามีเครื่องมือในการประเมินผู้บริหาร เพื่อดูว่าเขามีความพร้อมหรือความเหมาะต่อการเป็น Successor หรือไม่ ? และมีเครื่องมือหลาย ๆ อย่างในการประเมินความพร้อมของผู้นำองค์กรในปัจจุบัน 

สอง – Culture & Engagement ในเมืองไทยจะคุ้นเคยกับการทำ Employee Engagement Survey ซึ่งเราเป็นผู้นำด้านนี้แทบจะในทุกอุตสาหกรรมของไทย เพราะเรามีฐานข้อมูล Benchmark Data ในระดับประเทศ ระดับRegional และระดับ Global ครับ นอกจากนี้เรายังมองภาพกว้างไปถึงเรื่อง Employee Experience และ Culture องค์กรอีกด้วย

สาม – HR & Talent Advisory โดยเราเป็นพาร์ทเนอร์กับ HR Director ที่ช่วยตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างขององค์กรที่เหมาะสมและตอบโจทย์ธุรกิจ การทำ Workforce Planning หรือการขยายองค์กรเพื่อสร้าง New S Curve ไปจนถึงการทำ Transformation องค์กรด้วย

สี่ – DE&I Diversity Equity & Inclusion เป็นบริการล่าสุดของทาง Kincentric ซึ่งประเด็น DE&I ในไทยจะแตกต่างจากโซนยุโรปที่เป็นเรื่องเชื้อชาติหรือเพศ แต่บ้านเราจะเป็นเรื่อง Generation Inclusive การรับฟังคนต่างรุ่นกัน ฉะนั้นพาร์ทที่สำคัญจริง ๆ ของคนไทยคือ Inclusion โดยเรามีตั้งแต่การ Training ไปจนถึงการวัดและการพัฒนา เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรของคุณใช้ความหลากหลายให้เป็นประโยชน์ชัดเจน

นอกจากนี้เรายังมี Kincentric Insights Zone ในเว็บไซต์ของเรา เนื่องจากเราเป็น Global HR Consulting เราจึงมี Thought Leader เก่ง ๆ ระดับโลกมาให้ความรู้ในรูปแบบบทความ เพื่อให้คนทั่วไปได้อ่านงานวิจัยของเรา ทั้งเรื่อง Engagement, Diversity Equity & Inclusion และอื่น ๆ เบื้องต้นเราทำเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่หลัง ๆ ก็เริ่มแตกเป็นภาษาอื่นเพิ่มเติม ล่าสุดเรามี Insight Zone เป็นภาษาไทยแล้วครับ เราแปลบทความของ Global เป็นภาษาไทยเลย อ่านฟรีด้วย ! เป็นสิ่งที่เราอยากแชร์กับทุกคนเพื่ออ่านอัพเดตเทรนด์หรือข้อมูลต่าง ๆ ระดับโลก

รู้จัก Learn from the BEST Program หลักสูตรเรียนรู้การดูแลพนักงานที่ดีที่สุดจาก Best Employer ตัวจริง

รู้จัก Learn from the BEST Program หลักสูตรเรียนรู้การดูแลพนักงานที่ดีที่สุดจาก Best Employer ตัวจริง

Kincentric คุ้นเค้ยกับบริบทผู้นำไทยมานานกับรางวัล Best Employers Thailand Awards ซึ่งจัดมานานกว่า 20 ปี ทำไมถึงเพิ่งจัด Learn from the BEST Program ในปีนี้เป็นปีแรก ?

ชัชพล: ตัวโปรแกรมนี้ไม่ได้เกิดเพราะในตลาดมีโปรแกรมแล้วเราทำตาม แต่เกิดจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในงานประกาศรางวัล Best Employers Thailand Awards ช่วงเช้าเราประกาศรางวัล แล้วช่วงบ่ายเรามี Learning Conference ให้ผู้นำองค์กรที่ได้รับรางวัลมาแชร์ประสบการณ์ และเราได้รับฟีคแบคมาว่า “เวลามันสั้นเกินไป ฟังแล้วไม่อิ่ม” (หัวเราะ) เพราะเรามีผู้ได้รับรางวัลกว่า 10 องค์กรต่อปี และองค์กรหนึ่งมีเวลาพูดเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีเรื่องราวที่อยากเล่ามากมาย แถมทุกคนตัวท็อปของวงการ คนเลยถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “จะมีโอกาสได้ฟังเต็ม ๆ ไหม ?” จากนั้นเราจึงไปคุยกับองค์กร Best Employer ต่าง ๆ ซึ่งพวกเขาก็ยินดีที่จะมาแชร์ประสบการณ์เหมือนกัน เพราะกว่าจะได้รางวัลของเรามันเรื่องราวเบื้องหลังมากมาย

ประกอบกับหลังสถานการณ์ Covid-19 ดีขึ้น เราจึงคิดทำโปรแกรมที่ให้ทุกคนมาเจอกันมากกว่าแค่โปรแกรมออนไลน์ ที่สำคัญคือสิ่งที่ผู้บริหารมาพูดต้องไม่ใช่เนื้อหาที่หาได้จากอินเทอร์เน็ต และเราอยากสร้างโปรแกรมที่ไม่ใช่แค่นั่งฟังอย่างเดียว แต่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ (Interact) ถาม-ตอบกันให้เคลียร์ แล้วสามารถนำไปพัฒนาตัวเองได้จริง

นอกจากนี้ยังมีการ Site Visit เพื่อดูงานจริง มี Mentor Program โดย Mentor แต่ละคนเป็นผู้บริหารและเป็น Guest Speaker ของโครงการนี้ และจะมี Special Guest Speaker ที่จะมาให้แรงบันดาลใจด้วย ทำให้โปรแกรมนี้มีความแตกต่างและเชื่อว่าจะครบเครื่องแน่นอน

รู้จัก Learn from the BEST Program หลักสูตรเรียนรู้การดูแลพนักงานที่ดีที่สุดจาก Best Employer ตัวจริง

คุณไดน่าเข้ามาร่วมสร้างสรรค์ Learn from the BEST Program ได้อย่างไร และร่วมออกแบบหลักสูตรนี้ให้แตกต่างจากหลักสูตรอื่นอย่างไรบ้าง ?

ไดน่า: คุณ นภัส ศิริวรางกูร (อีกหนึ่ง Program Director) เป็นคนชวนค่ะ จากประสบการณ์ไดน่าที่ได้ร่วมทำหลักสูตร FBI หลักสูตรบ่มเพาะผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร (Food Business Incubator) มันสนุก แตกต่าง และประสบความสำเร็จดี ซึ่งไดน่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอีกหลาย ๆ หลักสูตรมากมายที่ผสานระหว่างวิชาการ (Academic) กับความสนุก (Entertainment) เสมอ

ไดน่าเชื่อว่าที่ผ่านมาเรา Learning by not doing เยอะมาก แต่การเรียนรู้ที่ดีไม่ได้เกิดจากการนั่งเรียนเท่านั้น มันต้องมาจาก Collaboration Partnership เช่น การนั่งดื่มด้วยกัน (หัวเราะ) เผลอ ๆ การเรียนรู้จากหลักสูตรนี้อาจไม่ได้มาจาก Guest Speaker เท่านั้น แต่เกิดจากผู้เรียนด้วยกันเองที่ซึมซับทัศนคติซึ่งกันและกัน – Speaker เฉียบที่สุดที่พูดแล้วเปลี่ยนเราได้อาจคือเพื่อนรอบข้างเรานะ

แต่แน่นอนว่า Guest Speaker ที่มาร่วมเป็นเบอร์ใหญ่ไม่แพ้กันค่ะ เรานำองค์ความรู้และประสบการณ์จาก Best Employer มาเล่าให้ฟัง หาไม่ได้จากอินเทอร์เน็ตแน่นอน ทำให้คนที่เรียนก็สามารถเป็น the Best ในเวอร์ชั่นของตัวเอง

ฉะนั้นมันจึงเป็นการเจอกันตรงกลางระหว่าง Guest Speaker และคนที่มาเรียน เป็น Learning Ecosystem ที่เราออกแบบมา นอกจากนี้ยังมี Surprise Guest อีกมากมาย มีกิจกรรมสนุก ๆ เช่น การเรียนรู้ Wine Pairing, การพักผ่อน Relax ในรูปแบบต่าง ๆ เพราะคนเราจะเรียนรู้ได้ดีเมื่อเรารู้สึกผ่อนคลาย เราจะแอบสอดแทรกความรู้ต่าง ๆ เข้าไป ทำให้เราซึมซับโดยที่เราไม่รู้ตัว เป็นการสร้าง Ecosystem เพื่อให้คนคนหนึ่งสมบูรณ์แบบมากกว่าค่ะ ซึ่งครั้งนี้จะเป็นหลักสูตรแรก และจะมีต่อไปเรื่อย ๆ แน่นอน

รู้จัก Learn from the BEST Program หลักสูตรเรียนรู้การดูแลพนักงานที่ดีที่สุดจาก Best Employer ตัวจริง

เมื่อกลุ่มผู้มาเรียนเป็นอีกหนึ่ง Ecosystem ที่สำคัญ คุณคนมองกลุ่มผู้มาเรียน Learn from the BEST Program คือใคร ?

ชัชพล: กลุ่มแรกคือกลุ่ม HR น่าจะตรงที่สุด เพราะองค์กรที่อยากพัฒนาการดูแลพนักงาน อยากเป็น Best Employer ต้องให้ HR มาเรียนครับ แต่หลักสูตรของเราไม่ได้ตอบโจทย์เฉพาะ HR อย่างเดียวนะ ยังตอบโจทย์คนที่จะสร้างผลกระทบให้องค์กรได้มากที่สุด นั่นคือเบอร์ 1 ขององค์กรอย่าง CEO หรือ MD เพราะว่าคนกลุ่มนี้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง

นั่นเป็นสาเหตุว่า Learn from the BEST Program ไม่ได้มีไว้สำหรับ HR อย่างเดียว แต่เป็นโปรแกรมสำหรับ People Leader เบอร์หนึ่ง, คนที่เป็นผู้บริหาร, คนที่มีทีมอยู่ภายใต้บังคับบัญชา ผมว่าหลาย ๆ องค์กรสามารถจะส่ง Talent Development มาร่วมโปรแกรมนี้ยังได้เลย โปรแกรมนี้จะช่วยเปิดโลกว่า CEO ขององค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการดูแลและการพัฒนาอย่างไร

นอกเหนือจาก Corporate แล้ว คนที่เป็นเจ้าของ Startup และ SMEs ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้ประโยชน์ เขาจะได้เห็น Best Practice ขององค์กรขนาดใหญ่ ๆ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับองค์กรขนาดเล็กได้โดยไม่จำเป็นต้องจ้างที่ปรึกษาเลย

ที่สำคัญคือการได้สร้างความสัมพันธ์ (Relationship) กับคนที่มาเรียนด้วยกันเอง ได้เจอเพื่อน ๆ ที่อยากพัฒนาตัวเอง พัฒนาองค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งพาร์ทนี้เป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคต

ไดน่า: ถ้าในมุมมอง Corporate ค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณชัชว่าเป็น Decision Maker แต่สำหรับไดน่ามองไปถึงผู้บริหาร/ทายาท Second Generation หรือ Third Generation ด้วย เพราะบางทีเขายังต้องทำงานกับพ่อแม่หรือผู้ที่สร้างองค์กรมา ซึ่งเราจะยังเป็นเด็กในสายตาพวกเขาเสมอ

หลายครั้งที่เวลามีปัญหา เราอาจไม่สามารถคุยกับพ่อแม่ได้ แต่เราสามารถคุยกับคนในหลักสูตรนี้ได้นะ มาแลกเปลี่ยนวิธีการและปรึกษากัน อย่างที่คุณชัชบอกว่า Sizing ไม่ได้สำคัญเท่ากับ Efficiency แล้ว ปลาใหญ่เสียเงินเยอะเสมอ แต่ปลาเล็กซอกแซกเก่งมาก ฉะนั้น Big Corporate ก็อาจมาเรียนรู้จาก Small People ได้ เรามาแลก Tools, Knowledge หรือ Resource กันดีกว่าค่ะ

จริง ๆ มี Guest Speaker บางท่านบอกว่า “พูดเสร็จขอมาเรียนด้วยได้ไหม ?” (หัวเราะ) เพราะการเป็น Best Employer เขาต้องเรียนรู้ด้วยเช่นกัน เขาจะต้องรักษาตำแหน่งตัวเองให้ดี เรียนรู้ว่าโลกไปถึงไหนแล้ว เผลอ ๆ ความสัมพันธ์จากหลักสูตรนี้อาจสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาด้วย เช่น การได้เจอพาร์ทเนอร์ใหม่ ๆ สองบริษัทอาจมาจอยหลักคิดเพื่อ Minimize และ Maximize บางอย่างด้วยกันค่ะ

รู้จัก Learn from the BEST Program หลักสูตรเรียนรู้การดูแลพนักงานที่ดีที่สุดจาก Best Employer ตัวจริง

ารเข้ามาร่วม Learn from the BEST Program ผู้เรียนจะได้เรียนรู้อะไรบ้าง ?

ไดน่า: หลัก ๆ คือ Know How เกี่ยวกับบริหารจัดการค่ะ เช่น ถ้าต้องการ Reform ทุกอย่างจะต้องมี Structure อะไรบ้าง ? เพราะหลักสูตรแต่ละวันจะเริ่มต้นด้วย CEO แล้วต่อด้วย CPO แปลว่าเราจะเห็นทุกอย่างเป็น Bird Eye View ก่อน แล้วเจาะเฉพาะถึงการบริหารจัดการคน เรียกได้ว่าเห็นระบบบริหารทั้งระบบจริง ๆ

รวมถึงมีการ Workshop จากสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนกลับไปลองใช้เองและนำกลับมาพูดคุยกับ Guest Speaker สิ่งเหล่านี้จะสร้างเครือข่าย (Network) เพื่อสร้าง Ecosystem ที่ใหญ่และสมบูรณ์มากขึ้น อันนี้คือ Core Idea ของโปรแกรมนี้เลย

ผู้เรียนโปรแกรมนี้จะไม่อยู่นิ่งแน่นอนค่ะ ไม่ได้เรียนอยู่โรงแรมแบบน่าเบื่อ ไม่ค่ะ ! เราจะขยับการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไปแต่ละองค์กรและหลากหลายอุตสาหกรรม

ชัชพล: ตอนออกแบบโปรแกรม เราคิดถึงการ Transform ว่า การเปลี่ยนแปลงให้เป็น Best Employer จะมี 4 เรื่องหลัก ๆ คือ  Leadership Transformation, People Transformation, Culture Transformation และภาพใหญ่เชิงโครงสร้าง Organization Transformation ว่าทั้ง 4 อย่างนี้มันเชื่อมโยงและสอดคล้องกันอย่างไร ?

หากสรุปโดยรวมก็จะได้ความรู้แน่นอน ได้สร้างสัมพันธ์กับผู้เรียนและ Speaker ต่าง ๆ ที่เป็นเบอร์หนึ่งขององค์กร รวมไปถึงได้รู้จักเครื่องมือของ Kincentric ว่าปัญหาต่าง ๆ ที่เราเจอจะมีวิธีการประเมิน วัดปัญหา และแก้ไขมันอย่างไร ?

รู้จัก Learn from the BEST Program หลักสูตรเรียนรู้การดูแลพนักงานที่ดีที่สุดจาก Best Employer ตัวจริง รู้จัก Learn from the BEST Program หลักสูตรเรียนรู้การดูแลพนักงานที่ดีที่สุดจาก Best Employer ตัวจริง

อีกหนึ่งความโดดเด่นของ Learn from the BEST Program คือการได้ Site Visit องค์กรต่าง ๆ ด้วย คุณคิดว่าการเรียนรู้ผ่าน Site Visit สำคัญอย่างไร ?

 ชัชพล: สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นครับ การได้นั่งดูนั่งฟังก็เรียนรู้ได้ระดับหนึ่งนะ แต่การเดินเข้าไปในบริษัทเขา เข้าไปในพื้นที่ของเขา เราจะเห็นเลยว่าบรรยากาศ (Vibe) และพลังงาน (Energy) ขององค์กรว่าเป็นอย่างไร ? สิ่งเหล่านี้มันหลอกกันไม่ได้ ถ้าคุณบอกว่าคุณดูแลพนักงานดี แต่บรรยากาศการทำงานไม่ดีมันก็จะสะท้อนออกมาผู้คน ผมอยากให้ทุกคนที่เรียนเข้าไปสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้เอง ได้เห็นบรรยากาศจริง นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เราต้องมี Site Visit ด้วย

ไดน่า: อย่างแรกเราจะรู้ Vibe องค์กรนั้น ๆ ชัดเจน ถ้าเราอยากได้ Vibe แบบไหน เราต้องเข้าไปหาสิ่งที่มันใช่สำหรับเรา เข้าไป Get Feel นั้นจริง ๆ แล้วนำมาปรับใช้หรือตั้งเป้าหมายองค์กรเราต่อไป

ไดน่าคิดว่าไม่มีหลักสูตรไหนที่ Site Visit ได้ลึกเท่าของเรา เราเจาะตั้งแต่ภาพใหญ่กลาง เล็ก แล้วจบด้วยกินข้าวในพื้นที่ของเขาด้วย เพื่อได้สังเกตองค์กรแบบครบองค์ประกอบ สิ่้งเหล่านี้มันต้องเห็น ฟัง รู้สึก สัมผัส แล้วนำไปทำตาม นี่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้องค์กรของเราขยับเร็วขึ้นด้วยค่ะ

รู้จัก Learn from the BEST Program หลักสูตรเรียนรู้การดูแลพนักงานที่ดีที่สุดจาก Best Employer ตัวจริง

ทำไม HR และผู้บริหารถึงควรมาเรียน Learn from the BEST Program ?

ชัชพล: ทีมงานทุกคนตั้งใจทำโปรแกรมนี้มาก ๆ เราไม่ใช่ทำเพราะอยากขาย Training Course แต่เรามองภาพใหญ่กว่านั้น เราอยากเห็นสังคมที่ดีขึ้น เหมือนที่เราอยากเห็นคนไทยมีความสุขในการทำงาน ฉะนั้น Learn from the BEST Program เป็นเพียงจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งเท่านั้น

คนที่มาเรียนต้องได้มากกว่าที่เขาคิดครับ เพราะระยะเวลา 10 สัปดาห์เป็นเวลาที่มีค่ามาก ๆ เราต้องทำให้ผู้เรียนรู้สึกว่าคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งคุณจะไม่สามารถหาทางได้พบหรือได้ฟังผู้บริหารจากองค์กรระดับนี้ด้วยตัวเอง ผมก็เลยไม่อยากให้ใครพลาดโอกาสนี้ เพราะเราเชื่อว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงขององค์กรจริง ๆ

ไดน่า: แน่นอนเวลาของทุกคนมีค่ามาก ๆ ทุกคนเครียดกับงานมาเยอะแล้ว ลองมา Learning by Relaxing ดูค่ะ เรียนรู้แบบผ่อนคลาย พอเราอยู่กับคนที่เราไว้ใจมันจะเป็น Good Ecosystem เราจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย ทุกคนจะมีความสุขกับการเจอเพื่อนที่ดี พาร์ทเนอร์ที่ใช่ ทุกอย่างเราทำเพื่อผู้เรียนทุกคน เราอยากให้มีความสุขตั้งแต่เข้ามาเรียนจนกระทั่งจบออกไป และสามารถเป็น Role Model ที่ดีกับใครอีกหลาย ๆ คน

ถ้าพูดถึงเรื่องความคุ้ม Kincentric ทำคุ้มแน่นอน ! เวลาที่เขามาเรียนจะไม่มีความรู้สึกเสียดายเลยค่ะ ที่สำคัญมากกว่านั้น คือความเป็นเพื่อนที่ทุกคนจะมีต่อกัน เราคิดไว้แล้วว่าจะเติบโตไปด้วยกัน ทุกคนจะได้ประโยชน์ 300% เลย ! เกินคาดอยู่แล้วค่ะ การร่วม Learn from the BEST Program จะเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนจะลืมไม่ลงแน่นอน (ยิ้ม)

ขอบคุณสถานที่ : JustCo at Amarin Tower

ร่วมเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ Best Practice จาก CEO และ C-Suite อย่างเข้มข้นแบบที่หายากตลอด 10 สัปดาห์ รับฟังเคล็ดไม่ลับในการผลักดันทรัพยากรบุคคลอย่างจริงจัง ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เวิร์คช็อป และศึกษาดูงานสุดพิเศษ

ระยะเวลาเรียน : 2 มิถุนายน – 11 สิงหาคม 2566 (ทุกวันศุกร์ เวลา 13:00-17:00 น.)

สถานที่เรียน : โรงแรม U Sathorn Bangkok

ค่าอบรมตลอดหลักสูตร รวมศึกษาดูงานในประเทศ 2 วัน 1 คืนแล้ว

ราคา Early Bird 180,000 บาท (สมัครและชำระเงินภายใน 30 เมษายน 2566)

ราคา Regular 200,000 บาท

สมัครเลย! https://forms.gle/7HfDQoA1pTZRJaRZ6

ผู้เขียน

Sahatorn Petvirojchai

Sahatorn Petvirojchai

Manager of HREX.asia who works in media platforms for a long time. Interested in Global Culture, Marketing, and Self Development.

บทความที่เกี่ยวข้อง