Empowering Women ทำไมถึงควรส่งเสริมให้ผู้หญิงเป็นผู้นำ

HIGHLIGHT

  • ผู้คนอาจมีภาพจำว่าผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ต้องเป็นหัวหน้า และมีหน้าที่การงานที่ดีกว่าผู้หญิงเสมอ แต่ยิ่งวันเวลาผ่านไป จำนวนของผู้หญิงที่ขึ้นมาเป็นผู้นำก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างมีนัยสำคัญ (Empowering Women)
  • หลายบริษัทเชื่อว่า แนวคิดและมุมมองของผู้หญิง การส่งเสริมผู้หญิงเป็นผู้นำ (Empowering Women) จะช่วยสร้างความหลากหลาย ทั้งความหลากหลายทางเพศ และความหลากหลายทางความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น ช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตไปยังทิศทางใหม่ ๆ พาบริษัทหลุดออกจากกรอบเดิม ๆ ที่ทุกคนคุ้นเคยได้
  • ถึงแม้ผู้หญิงจะได้รับการชื่นชมในความสามารถ ส่งเสริมให้เป็นผู้นำ (Empowering Women) มากขึ้น อคติทางเพศเกี่ยวกับผู้หญิงนั้นก็ยังมีอยู่ เกิดการเหยียดเพศ และคุกคามทางเพศ เพราะผู้ชายจำนวนมากยังยึดติดว่าผู้หญิงที่สวยมักไม่ฉลาด และเป็นได้เพียงวัตถุทางเพศเท่านั้น
  • บริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร และสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อให้ผู้หญิงสามารถทำงานอย่างมีความสุข (Empowering Women) โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องต่าง ๆ ได้ และหากทำเช่นนั้น มีโอกาสอย่างมากที่จะประสบความสำเร็จ ตามเป้าและวัตถุประสงค์ที่องค์กรต้องการ

Empowering Women ทำไมถึงควรส่งเสริมให้ผู้หญิงเป็นผู้นำองค์กร

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้คนอาจมีภาพจำว่าผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ต้องเป็นหัวหน้า และมีหน้าที่การงานที่ดีกว่าผู้หญิง และคิดเพียงว่าผู้หญิงเป็นสิ่งที่ต้องปกป้อง “ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ” เสมอ แต่ยิ่งวันเวลาผ่านไป จำนวนของผู้หญิงที่ขึ้นมาเป็นผู้นำก็เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตามความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกแม้ในภาพรวม ผู้ชายจะยังครองตำแหน่งใหญ่อยู่ในองค์กรทั่วทุกมุมโลกมากกว่าก็ตาม

คำถามที่ว่าเพศไหนมีความเป็นผู้นำที่ดีกว่ากัน เป็นประเด็นที่ผ่านการถกเถียงและสร้างดราม่าน่าปวดหัวมานักต่อนัก และยากจะฟันธงได้แน่ชัดว่า ผู้นำเพศไหนเป็นผู้นำที่ดีกว่ากันแน่ แต่ในขณะเดียวกันก็น่าสำรวจว่า เพราะเหตุใดบริษัทจำนวนมากถึงส่งเสริมให้ผู้หญิงขึ้นเป็นใหญ่ในองค์กร เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การมีผู้หญิงเป็นผู้นำมีข้อดีและความน่าสนใจอย่างไร บทความนี้จะขอนำทุกท่านไปสำรวจกัน

ทำไมทั่วโลกถึงให้ความสนใจ ผลักดันผู้หญิงขึ้นเป็นผู้นำ (Empowering Women)

Empowering Women ทำไมถึงควรส่งเสริมให้ผู้หญิงเป็นผู้นำองค์กร

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 International Labor Organization and Gallup  เปิดเผยผลการศึกษาเกี่ยวกับมุมมองของทั้งผู้ชายและผู้หญิง ต่อการทำงานของผู้หญิง โดยมีกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 149,000 คนจาก 142 ประเทศ และผลที่ออกมาน่าสนใจเมื่อพบว่า มีผู้หญิง 70% ที่ชื่นชอบเวลาเห็นผู้หญิงด้วยกันเองทำงานที่ได้รับค่าจ้าง และในคำตอบเดียวกันก็มีกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ชายจำนวนถึง 68% ตอบว่าชื่นชอบมากเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สถิติที่น่าเศร้าคือมีผู้หญิงเพียง 48.7% เท่านั้นที่มีงานทำ เมื่อเทียบกับผู้ชายที่มีงานทำถึง 75.2%

แต่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา อัตราการจ้างงานผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แถมการเลือกผู้หญิงเป็นผู้นำ ก็กลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่หลายบริษัทให้ความสำคัญ สาเหตุหนึ่งเพราะความเชื่อมั่นว่า แนวคิดและมุมมองของผู้หญิงจะช่วยสร้างความหลากหลาย ทั้งความหลากหลายทางเพศ ความหลากหลายทางความคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตไปยังทิศทางใหม่ ๆ พาบริษัทหลุดออกจากกรอบที่ทุกคนคุ้นเคยได้

การมีสภาพการทำงานที่มีความหลากหลาย ยังนำไปสู่การเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผู้นำหญิงในองค์กรช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทกับลูกค้าได้มากกว่า 

ทั้งนี้ ประเทศที่ให้ความสำคัญกับการมีผู้นำหญิงมากเป็นอันดับต้น ๆ ได้แก่ ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์ โดยมีสัดส่วนของผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งในระดับหัวหน้ามากกว่า 40% 

อย่างไรก็ตาม ในสหรัฐอเมริกา แม้จะมีผู้บริการหญิงเก่ง ๆ หลายคน แต่ในภาพรวมกลับมีผู้บริหารใหญ่ที่เป็นผู้หญิงอยู่เพียง 10% เท่านั้น และมีผู้บริหารในระดับ CEO เพียง 5% 

แต่ถึงแม้ตัวเลขดังกล่าวจะไม่เยอะมาก ก็ยังถือว่าเยอะกว่าในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่เป็น 2 ประเทศที่อาจเปิดรับผู้หญิงว่ามีความสามารถน้อยกว่าที่ควร เมื่อเทียบกับประเทศใหญ่ ๆ ที่พัฒนาแล้ว

ทำไมความหลากหลายของพนักงานในองค์กรจึงเป็นเรื่องสำคัญ (Workforce Diversity)

4 คุณสมบัติเด่น ที่ทำให้ผู้นำหญิงเป็นที่นิยม (Empowering Women)

Empowering Women ทำไมถึงควรส่งเสริมให้ผู้หญิงเป็นผู้นำองค์กร

ซื่อสัตย์ จริงใจ ฉลาด มีความสามารถ สื่อสารเก่ง มีความยืดหยุ่น มีความเด็ดขาด มีวิสัยทัศน์ มีความแตกต่าง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคุณสมบัติที่ดีของการเป็นผู้นำทั้งสิ้น 

จากการสำรวจของ SSBM พบว่า เมื่อเปรียบเทียบเรื่องภาวะผู้นำระหส่างผู้หญิงและผู้ชาย ผู้หญิงกลับมีคะแนนในแต่ละด้านมากกว่าผู้ชายแทบทั้งสิ้น ซึ่งแม้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไห แต่ก็เป็นสถิติที่บ่งชี้ว่า หากได้รับโอกาสแล้ว ผู้หญิงจะไม่ทำให้ผิดพลาดอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ มี 4 คุณสมบัติที่ผู้หญิงมีความโดดเด่น และหากขึ้นมาเป็นผู้นำจะนำพาบริษัทไปสู่ทิศทางที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้

1. ผู้นำหญิง พร้อมเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ

เพราะเมื่อก่อน นาน ๆ ทีจะเจอผู้นำที่เป็นผู้หญิง ดังนั้นเมื่อมีสักคนก็จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ให้อยากทำงานดีขึ้น เก่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้หญิงด้วยกัน และยังเป็นตัวกลางที่ทำให้พนักงานมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้ ผู้หญิงที่เก่งการบริหารยังมีแนวโน้มจะรวบรวมเอาคนเก่ง คนมีความสามารถจริง ๆ เข้ามาในองค์กร ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดความก้าวหน้าได้มากขึ้นตามมา 

2. ยิ่งอายุเยอะ ผู้หญิงยิ่งมีความเป็นผู้นำ

จากการศึกษาของ Business Insider พบว่า ยิ่งมีประสบการณ์และอายุการทำงานมากขึ้น ผู้หญิงจะมีความสามารถในการนำคนมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ชาย 

ทั้งนี้ ในช่วงอายุ 36-40 ผู้ชายอาจเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ผู้หญิงจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่ออายุมากกว่า 40 ปี และเป็นเช่นนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึง 60 ปี

3. ผู้หญิงมีความเห็นอกเห็นใจมากกว่า

ความเห็นอกเห็นใจกัน (Empathy) เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรมีและควรทำให้กัน แต่จากการศึกษาพบว่า ความเห็นอกเห็นใจกัน คือคุณสมบัติเก่นที่มักพบเจอในผู้หญิงจำนวนมาก โดยผลการสำรวจของ Pew Research Center พบว่า ชาวอเมริกัน 61% เชื่อว่าผู้นำหญิงในองค์กรเอกชนต่าง ๆ มีความเห็นอกเห็นใจต่อกันมากกว่าผู้ชาย

ทั้งนี้ ความเห็นอกเห็นใจกัน จะนำมาซึ่งการเปิดรับความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป โดยปราศจากการตัดสินอย่างมีอคติ และทำให้สามารถเปิดใจพูดคุยกับผู้คนที่อยู่รอบข้างได้มากขึ้น รวมถึงช่วยให้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งหากผู้นำสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ในการสร้างความสมัครสมานสามัคคีภายในทีม จะถือเป็นแต้มต่อสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้

4. ผู้หญิงอาจรับมือกับวิกฤติได้ดีกว่า

อีกคุณสมบัติสำคัญของการเป็นผู้นำ ยังรวมถึงความสามารถในการรับมือกับปัญหา และวิกฤติที่ใหญ่เกินตัว ผู้นำที่ดีย่อมต้องหาทางฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ออกไปได้ โดยถึงแม้คุณสมบัติข้อนี้อาจมีอยู่ในตัวของทุกคนอยู่แล้ว แต่ผู้หญิงอาจถือว่ามีมากกว่าผู้ชายอยู่หน่อย

เนื่องจากผู้หญิงส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นแม่คน จะมีทักษะของการเลี้ยงดูเด็ก หรือดูแลบุคคลอื่น พร้อมอยู่เคียงข้างในขณะที่เรียนรู้ และสามารถเป็นต้นแบบในการเติบโตให้ผู้คนรอบข้างเอาเยี่ยงเอาอย่างได้ และบ่อยครั้ง หากผู้นำหญิงพบว่าประเด็นใดคือเรื่องด่วน เรื่องสำคัญ แสดงว่าเรื่องนั้นมักจะเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ

อุปสรรคสำคัญ ขวางกั้นไม่ให้ผู้หญิงประสบความสำเร็จ

แม้ผู้หญิงจะได้รับการยอมรับมากขึ้น ว่ามีความเป็นผู้นำสูง และมีความสามารถมาก  อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนจะเติบโตและเฉิดฉายได้ในทุกที่ หนำซ้ำอุปสรรคที่ขวางกั้นไม่ให้ผู้หญิงประสบความสำเร็จเกินตัว ยังส่งผลให้หลายคนเลือกที่จะลาออก เพื่อไปหาบริษัทใหม่ที่ไม่มีปัญหาเหล่านั้นแทน

ปัญหาใดบ้างที่รบกวนการทำงานของผู้หญิงมานาน อาจสรุปได้ดังต่อไปนี้

1. ปัญหาการเหยียดเพศ

แม้ผู้หญิงจะได้รับการชื่นชมในความสามารถมากขึ้น แต่อคติทางเพศเกี่ยวกับผู้หญิงนั้นก็ยังมีอยู่ในหลายสังคม ปฏิเสธไมไ่ด้ว่าผู้ชายจำนวนมากยัง ยึดติดว่า ผู้หญิงที่สวย มักไม่ฉลาด และเป็นได้เพียงวัตถุทางเพศเท่านั้น ซึ่งเป็นมายาคติที่ถูกสร้างขึ้นผ่านสื่อมาตั้งแต่ก่อนยุคที่ มาริลิน มอนโร จะขึ้นเป็นนักแสดงระดับโลกเสียอีก 

2. การคุกคามทางเพศ

ปัญหาการเหยียดเพศนั้นนำไปสู่อีกหลายปัญหาตามมา หนึ่งในนั้นคือการคุกคามทางเพศ หรือ Sexual Harassment ทำให้หลายคนทำงานยากขึ้น จนบ่อยครั้งเกิดเรื่องฟ้องร้องในบริษัท นำไปสู่การเสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรเสียหาย และถึงแม้เธออาจชนะในชั้นศาล แต่บรรยากาศการทำงานในองค์กรนั้นก็อาจไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม นำไปสู่การตัดสินใจลาออกในท้ายที่สุด

3. โดนแย่งผลงานไปเป็นของตัวเอง

ผู้ชายมีความทะเยอทะยานในการประสบความสำเร็จ และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อไขว่คว้ามันมาครองให้จงได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งการแย่งผลงานของผู้หญิงไปเป็นผลงานของตัวเอง

4. โดนโยนภาระงานให้มากกว่าที่ควร

การเป็นคนเก่งเกินไป ก็นำภัยมาถึงตัว ในกรณีที่ผู้หญิงเก่งยังต้องทำงานอยู่ภายใต้การควบคุมของหัวหน้าผู้ชาย อาจมีแนวโน้มที่จะโดนกดดันให้รับภาระงานมากขึ้น ในแง่หนึ่งก็เป็นการบีบพนักงานคนนั้นให้ออกจากงานได้เช่นกัน

บริษัทควรทำอย่างไรจึงจะช่วยส่งเสริมให้ผู้หญิงได้ขึ้นเป็นผู้นำได้ (Empowering Women)

Empowering Women ทำไมถึงควรส่งเสริมให้ผู้หญิงเป็นผู้นำองค์กร

เมื่อโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปแบบนี้ แต่ละองค์กรก็ควรปรับตัวเพื่อให้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างสะดวกใจ และเมื่อพนักงานทุกคนทำงานอย่างมีความสุข ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตามไปด้วย

สิ่งหนึ่งที่แต่ละบริษัทสาให้ความสำคัญกับความสามารถของผู้หญิง ดังต่อไปนี้

1. เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร

หากบริษัทชูวัฒนธรรมองค์กรที่มีความเท่าเทียมเท่าเทียมทางเพศ สามารถเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรให้เติบโต เพราะสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อให้ผู้หญิงสามารถทำงานอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องต่าง ๆ แล้วจะทำให้ผลลัพธ์ของการทำงานผลิดอกออกผลตามมา

2. ปรับเงินเดือนของผู้หญิงให้เท่าเทียมกับผู้ชาย

จากการศึกษาของ United Nations พบว่า รายได้ของผู้ชายกับผู้หญิง โดยเฉลี่ยแล้วห่างกันอยู่ถึง 16% หลายองค์กรจึงพยายามหาทางแก้ไขเพื่อให้ช่องว่างดังกล่าวลดลง แม้อาจยังไม่สามารถลดได้มากเท่าที่คาดหวัง 

แต่ในอนาคต หากความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างผู้หญิงและผู้ชายไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป จะยิ่งเปิดโอกาสให้อาชีพการงานของพนักงาน โดยเฉพาะผู้หญิงเติบโตมากขึ้น และจะทำให้ได้ประสิทธิภาพในการทำงานมากวก่าด้วย

3. ให้ความสำคัญกับเสียงของพนักงาน

เพราะความคิดเห็นของทุกคนเป็นสิ่งสำคัญ หากบริษัทให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของพนักงานจริง ๆ ต้องทำให้แน่ใจว่าพนักงานทุกคน ไม่ว่าผู้ชาย ผู้หญิง หรือผู้ที่อยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม สามารถแสดงความคิดเห็นที่มีประโยชน์ได้ในทุกสถานการณ์ และไม่เกิดการขโมยความคิดเห็นไปเป็นของตัวเอง 

ทั้งนี้ บริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการทำงานเพื่อทำให้พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างสบายใจ โดยไม่รู้สึกว่าแสดงความคิดเห็นไปก็ไม่สำคัญ สิ่งนี้ไม่เพียงมีประโบชน์ต่อพนักงานหญิง แต่ยังรวมถึงพนักงานเพศอื่น ๆ ในบริษัทด้วย

4. เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้มีพี่เลี้ยงสอนงาน

พนักงานจำนวนมากเป็นคนมีของ มีความสามารถ แต่อาจขาดการให้คำแนะนำ และการฝึกสอนงานที่ดี ทำให้กว่าจะได้พัฒนาความสามารถของตัวเองต้องใช้เวลานานเกินควร หากพนักงานผู้หญิงที่มีประสบการณ์ได้สอนงานพนักงานผู้หญิงรุ่นน้อง จะช่วยให้สามารถทำงานได้ไวขึ้น ไม่เพียงแค่นั้นยังสร้างความไว้วางใจ สร้างความเชื่อมั่นให้กันและกันซึ่งจะทำให้การทำงานต่อไปในอนาคตเป็นไปอย่างราบรื่น และส่งผลดีต่อบริษัทมากขึ้นตามมา

หากคุณไม่รู้ว่าจะหารูปแบบการอบรมที่เหมาะกับองค์กรอย่างไร หรือไม่รู้ว่าตัวช่วยต่าง ๆ ที่เห็นตามท้องตลาดนั้นมีความคุ้มค่ากับธุรกิจหรือไม่ คุณสามารถหาคำตอบด้วยตัวเองได้ที่ HREX แพลตฟอร์มที่รวบรวมบริการและผลิตภัณฑ์ HR ไว้มากกว่า 100 อย่าง ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ! ไม่ว่าคุณจะหาตัวช่วยในด้านไหน ที่นี่มีให้ครบแบบเว็บเดียวจบ !

บทสรุป

วิถีการทำงานในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากในอดีตมากมายหลายประการ ความเท่าเทียมทางเพศ การได้รับการยอมรับว่าผู้หญิงมีความเป็นผู้นำ สามารถทำงานได้ดีไม่แพ้ผู้ชาย ก็เป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นด้วย 

เมื่อผู้หญิงได้พื้นที่ในการแสดงความสามารถมากขึ้น หากบริษัทใดสามารถดึงศักยภาพของผู้หญิงออกมาได้มากที่สุด อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถเติบโตได้เต็มประสิทธิภาพก็เป็นได้

CTA HR Products & Services

Sources:

ผู้เขียน

Paranaphat Anui

Paranaphat Anui

Take Off Toward a Dream

บทความที่เกี่ยวข้อง